"มติพรรคร่วมฝ่ายค้าน" คว่ำงบฯดิจิทัลวอลเล็ต ยก 3 เหตุผลบริหารงบฯไม่เหมาะสม มองได้ไม่คุ้มเสีย แนะควรถอนร่างออก
ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ
วันที่
17 ก.ค. 2567 เวลา 13.30
น.ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล
สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน
(วิปฝ่ายค้าน)
แถลงไม่รับร่างหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567
โดยนายสิทธิพล
วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า
พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติร่วมกันไม่เห็นด้วยกับหลักการของร่าง พ.ร.บ.งบฯดังกล่าว
ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ คือ
1.
พรรคร่วมฝ่ายค้าน มิใช่ไม่เห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เรายังยืนยันว่าเศรษฐกิจในภาวะปัจจุบัน มีปัญหาที่สมควรได้รับการกระตุ้น
แต่จำเป็นต้องถูกจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม
เพราะจากการคาดการณ์หรือการประเมินของหลายสถาบันที่น่าเชื่อถือ
ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารโลก
ก็ประเมินว่าผลกระทบของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะลงไปสู่เศรษฐกิจไทย
ได้ไม่คุ้มเสีย หมายความว่าประโยชน์ที่จะช่วยกระตุ้นจีดีพี ทั้งปีนี้
และปีหน้าต่ำกว่าเม็ดเงินที่จะได้ ดังนั้น นี่เป็นส่วนสำคัญ
ที่รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นอย่างเหมาะสม เพื่อใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
2.
ความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย รวมถึงสร้างบรรทัดฐานผิดๆ
ในการจัดทำงบประมาณ และการใช้เงินในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดรายจ่ายลงทุนใน พ.ร.บ.ฉบับนี้
หรือเรื่องการใช้งบกลางในปีงบประมาณหน้าหรือในช่วงปลายปี
นี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่พวกเราพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นปัญหาของร่าง
พ.ร.บ.ฉบับนี้
และ
3. การใช้งบประมาณ แม้ว่ามีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
แต่จำนวนเม็ดเงินที่ใช้รวมทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
จำเป็นต้องบริหารงบประมาณอย่างเหมาะสม
ระหว่างการสร้างสมดุลการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
ที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกัน ปัญหาของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
เป็นเรื่องมากกว่าการกระตุ้นการบริโภค แต่เป็นโจทก์ของภาคการผลิต
รัฐบาลจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณ
เพื่อไปสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
นายฐากร
ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวเสริมว่า
พรรคไทยสร้างไทยเห็นด้วยกับมติของฝ่ายค้าน ที่จะไม่รับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
เนื่องจากมองว่า พ.ร.บ.นี้ ผิดวินัยการเงินการคลัง และกระทบต่องบประมาณ ปี 68
ที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลควรจะถอนรอนร่างดังกล่าว เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่จะเดือดร้อนต่อประชาชน