“ชัยธวัช” เปิดมหกรรมนโยบาย Policy Fest เชียงใหม่
ชี้เชียงใหม่เป็นสวรรค์ของคนนอก แต่คนในกลับเอื้อมไม่ถึงความเจริญ
จึงจำเป็นต้องกระจายอำนาจและดึงประชาชนเข้ามาร่วมคิดนโยบายมากขึ้น
ย้ำก้าวไกลเดินหน้าทำงานต่อ ไม่หวั่นคดียุบพรรค
เพื่อเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุด
วันที่
20 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การค้าเจ สเปซ สันทราย
จังหวัดเชียงใหม่ พรรคก้าวไกลจัดมหกรรมนโยบาย (Policy Fest) ครั้งที่
3 ในชื่อ “เจียงใหม่เอาแต๊”
เพื่อนำเสนอประเด็นปัญหาและแนวนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ภาคเหนือ ในการนี้
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้เป็นผู้กล่าวปาฐกถาเปิดงาน
โดยเน้นย้ำถึงเป้าหมายในระยะต่อไปของพรรคก้าวไกล
และกรอบทิศทางในการนำเสนอนโยบายเกี่ยวกับภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่
ชัยธวัชเริ่มต้นเวทีโดยกล่าวถึงสถานการณ์ของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับคดียุบพรรค
โดยระบุว่าไม่ว่าวันที่ 7
สิงหาคมนี้จะเกิดอะไรขึ้น
พรรคก้าวไกลจะยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หวั่นไหวเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย
ทิศทางการทำงานของพรรคต่อจากนี้จะยังคงเดินหน้าด้วยยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านเชิงรุก
โดยมีเป้าหมายและภารกิจที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การเป็นฝ่ายค้านที่จ้องจะล้มรัฐบาล
แต่คือการเดินหน้าเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นั่นจึงเป็นที่มาของงาน
Policy
Fest ทั้งก่อนหน้านี้และในวันนี้
เพื่อยกระดับการทำงานด้านนโยบายของพรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีความเป็นมืออาชีพ
ลงลึกในระดับที่สามารถจัดทำนโยบายออกมาเป็นโรดแมป
มีรายละเอียดการผลักดันไปสู่เป้าหมายแต่ละเรื่อง
เข้าใจความเกี่ยวข้องด้านงบประมาณและหน่วยงานต่างๆ
รวมถึงระเบียบกฎหมายที่จะต้องไปปรับปรุงแก้ไข
พร้อมกับการสร้างทีมที่จะบริหารนโยบายแต่ละเรื่องให้ชัดเจน
พรรคก้าวไกลจะจัดงานแบบนี้ต่อไปเรื่อย
ๆ เพื่อสร้างเวทีนโยบายในการสื่อสารสองทางกับประชาชน
และจะจัดมหกรรมนโยบายครั้งใหญ่ในทุกๆ
ปีเพื่อเป็นเวทีถกเถียงเรื่องนโยบายของพรรคให้ชัดเจนและเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้น ไม่ว่าวันที่ 7
สิงหาคมนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไร
หมุดหมายของพรรคก้าวไกลก็ยังคงเหมือนเดิม
นั่นคือการเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้
เมื่อพูดถึงนโยบายสำหรับจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ
ชัยธวัชกล่าวว่า เชียงใหม่สำหรับตนแล้วถูกมองเข้ามาด้วยสายตาของคนในที่เป็นคนนอก
เพราะเมื่อ 10
ปีที่แล้วตนตัดสินใจพาครอบครัวย้ายบ้านมาอยู่ที่เชียงใหม่
ต้องการให้ลูกเข้าเรียนชั้นประถมที่นี่
โดยสาเหตุที่สนใจเชียงใหม่เพราะหลายตัวชี้วัด เช่น
เชียงใหม่ถือว่าเป็นเมืองอันดับสองของประเทศไทยรองจากกรุงเทพฯ
ในสายตาคนนอกเชียงใหม่มีทุกอย่างที่กรุงเทพฯ มี มีโรงพยาบาลที่ดีที่สุดอันดับต้น ๆ
ของประเทศ มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย
มีโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีสถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย และแหล่งศิลปวัฒนธรรม
นอกจากนี้ยังมีหลายสิ่งที่กรุงเทพฯ ไม่มี
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ใกล้เมือง มีเวลาสำหรับกิจกรรมครอบครัวให้เลือกมากมาย
เชียงใหม่จึงถูกมองจากสายตาคนนอกว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ
อย่างไรก็ตาม
เมื่อตนมาอยู่จริงกลับพบว่า เชียงใหม่เป็น “สวรรค์ของคนนอก”
เป็นเมืองที่คนนอกเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ทางธุรกิจและทรัพยากรธรรมชาติ
แต่คนในเชียงใหม่เองกลับเอื้อมไม่ถึง
คนเชียงใหม่ไม่ได้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะไปจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่คนนอกเข้ามาซื้อ
ร้านอาหารและร้านค้าหลายแห่งตั้งราคาไว้สูง
เพราะตั้งเป้าขายคนนอกที่เข้ามาท่องเที่ยวเท่านั้น
นอกจากนี้
เชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เช่น การสำรวจ “คนจนเป้าหมาย”
ของกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีตัวเลขคนจนเป้าหมายสูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน
ดัชนี “ความก้าวหน้าของคน” ที่สำรวจโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งเป็นแนวโน้มที่คนจะมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ
สาธารณสุข การศึกษา คุณภาพของงาน อัตราการมีงานทำ ที่อยู่อาศัย ชุมชน
บริการสาธารณะ ฯลฯ ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาดัชนีดังกล่าวของเชียงใหม่ตกลงอย่างต่อเนื่อง
และช่วงหลังตกลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยจนอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับท้ายของประเทศมาหลายปีแล้ว
ชัยธวัชกล่าวต่อไปว่า
นี่เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าเชียงใหม่กำลังอยู่ในสถานการณ์แบบใด
เมืองที่คนนอกมองเข้ามาว่าน่าอยู่ เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง
แต่คนในกลับตั้งคำถามว่าเมืองนี้เป็นเมืองของใครกันแน่ ดังนั้น
พรรคก้าวไกลจึงอยากชวนประชาชนมาพัฒนานโยบายร่วมกัน
ใช้พื้นที่ของพรรคการเมืองเป็นช่องทางหนึ่งในการผลักดันความหวังและความปรารถนาเพื่อชีวิตและอนาคตที่ดีกว่า
ชัยธวัชกล่าวย้ำว่า
การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องระดับชาติเท่านั้น แต่ท้องถิ่นก็สำคัญไม่แพ้กัน
และยังเกี่ยวโยงกับชีวิตประจำวันของทุกคนตั้งแต่เช้ายันค่ำ
พรรคก้าวไกลจึงให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่นอย่างมาก
ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกตั้งผู้บริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นเท่านั้น
แต่ยังหมายถึงการผลักดันการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นให้ก้าวหน้ากว่านี้
เราต้องทำให้คนในแต่ละพื้นที่มีอำนาจในการกำหนดอนาคตของตัวเองให้มากที่สุด
นำงบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศมาอยู่กับท้องถิ่น ให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่านี้
รวมถึงบุคลากรภาครัฐส่วนใหญ่ในประเทศต้องสังกัดท้องถิ่น
นี่เป็นทิศทางที่ต้องผลักดันและต่อสู้ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
“นโยบายที่ดีเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มาจากความคิดและข้อเสนอของประชาชน
การทำนโยบายที่ดีต้องเป็นการระดมความต้องการและความเห็นของประชาชน
เข้ามาผสมผสานกับความรู้ความเชี่ยวชาญ
ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญลำพังไม่สามารถพัฒนานโยบายที่ดีได้
แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่ประชาชนเผชิญอยู่และต้องการด้วย” ชัยธวัชกล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล