วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“นายกฯ” ลงพื้นที่แม่จัน สวมเสื้อชนเผาฟังปัญหากลุ่มชาติพันธ์ุ คาดร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์เสร็จ ก.ค. นี้ ลดเวลาพิสูจน์สัญชาติจาก 180 วัน เหลือ 5 วัน ย้ำจนท.รัฐต้องดูแลเท่าเทียมเสมอภาค

 


“นายกฯ” ลงพื้นที่แม่จัน สวมเสื้อชนเผาฟังปัญหากลุ่มชาติพันธ์ุ คาดร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์เสร็จ ก.ค. นี้ ลดเวลาพิสูจน์สัญชาติจาก 180 วัน เหลือ 5 วัน ย้ำจนท.รัฐต้องดูแลเท่าเทียมเสมอภาค


วันที่ 14 ก.ค.67 เมื่อเวลา 09.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ และน.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย ลงพื้นที่ บ.โป่งป่าแขม อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยทันทีที่มาถึงตัวแทนชนเผ่าได้มอบเสื้อชนเผ่าอิ้วเมี่ยน หรือ เย้า ให้กับนายกฯ ซึ่งนายกฯได้สวมเสื้อดังกล่าวทันที จากนั้น ผู้นำชุมชนได้ต้อนรับตามประเพณีของชนเผ่า พร้อมเชิญนายกฯ และคณะ เข้าบ้านเพื่อจิบชาต้อนรับตามประเพณี ซึ่งอาหารที่ต้อนรับประกอบด้วยข้าวปุกงาหรือโมจิดอยซึ่งถือเป็นขนมจากสวรรค์


โดยผู้นำชุมชนหรือพ่อหลวง กล่าวว่า เป็นเกียรติซึ่งหมู่บ้านนี้อยู่มา 70 ปี เพิ่งมีผู้นำมาเยี่ยมถึงหมู่บ้าน และขออวยพรๅให้เป็นนายกฯไปนานๆอยู่กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ไปนานๆ และขอให้เดินทางปลอดภัยมีสวัสดิภาพ ขณะที่นายกฯ ระบุว่า เป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับ โดยบอกว่ามาในฐานะคนไทยไม่ได้มาในฐานะนายกฯหรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้พร้อมรับฟังปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข 


จากนั้น นายกฯได้พบปะแลกเปลี่ยนปัญหาในพื้นที่ โดย ผู้นำชุมชนได้สะท้อนถึงปัญหาว่าชนเผ่าชาติพันธุ์ในพื้นที่ 77,729 ราย มี 19,432 ราย ไม่มีสัญชาติทำให้ถูกจำกัดสิทธิ์ ขณะที่เรื่องของสาธารณูปโภคพบว่าบางหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนระบบสาธารณสุข ในส่วนของโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง อยากให้มีการเพิ่มบุคลากรโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง เพราะไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชน 

 

ด้าน นายเศรษฐา กล่าวกับชาวบ้านว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือน ซึ่งได้การต้อนรับที่อบอุ่นได้เข้าบ้านของผู้นำชุมชน ประเพณีไทยถือว่าการต้อนรับให้เข้ามาอยู่ในบ้านถือเป็นเกียรติสูงสุด และถือว่าเราเป็นพวกเดียวกัน สำหรับปัญหาหลักเรื่องความไม่เสมอภาคเท่าเทียมที่พี่น้องชาติพันธุ์ถูกดูแลอย่างไม่ทั่วถึงมาโดยตลอด แต่ภายใต้การผลักดันของสส.ปิยะรัฐชย์ ที่มีความมุ่งมั่นในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ชาติพันธุ์ที่ให้ความสำคัญเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานเรื่องของสัญชาติ เพราะหากได้สัญชาติแล้วก็จะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข การศึกษา และเรื่องต่างๆ ซึ่งรัฐบาลสัญญาว่าจะให้การพิสูจน์ทราบสัญชาติให้จบภายใน 5 วัน ไม่ใช่ 180 วัน แต่ขอเวลาอีกสักระยะและคาดว่าจะพิจารณาจบได้ภายในเดือน ก.ค.นี้


“น่าเศร้าใจเรื่องพี่น้องชาติพันธุ์ถูกดูแลโดยเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่เป็นที่น่าพอใจ และไม่เท่าเทียมกับพี่น้องชาวไทยส่วนอื่นๆ ซึ่งสส.ทั้งระบบเขต และบัญชีรายชื่อ และเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ต้องยึดถือเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม ดังนััน ตนขอพูดไว้เลยว่าการดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ต้องได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมไม่แบ่งแยก เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายสาธารณสุขเองก็ต้องดูแลอย่างเสมอภาค” นายเศรษฐา กล่าว

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนโรงพยาบาลที่ไม่เพียงพอแน่นอนว่าทุกที่ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือภาคใต้หรืออีสาน โรงพยาบาลก็ไม่พออยู่แล้ว รัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณดูแลให้ทั่วถึง ส่วนเรื่องของไฟฟ้าสามารถยืนยันได้เลยว่าจะจัดการให้ เพราะถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนพึงจะได้รับ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเกษตรเป็นเรื่องปัจจัยปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้


ทั้งจากการบริโภคและการค้าขาย วันนี้มีหน่วยงานราชการมาเยอะก็ขอฝากให้ดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ให้มีความเสมอภาค และเท่าเทียมกับพี่น้องคนไทยทุกคน ขอย้ำว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และคิดว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้มา หวังว่าในระยะเวลาอันสมควรจะได้กลับมาอีกเพื่อมาดูความก้าวหน้า แต่ตอนนี้ให้พี่น้องข้าราชการปฏิบัติงานกันไปก่อน และหวังว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนที่เคยมา


จากนั้น นายกฯ และคณะ รับฟังปัญหาในพื้นที่อำเภอแม่จัน และพบปะประชาชน ณ บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมเน้นย้ำให้ดูแลกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเท่าเทียม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์