"สมศักดิ์" เร่งผลักดันร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการ สธ. แยกตัวออกจาก ก.พ. ให้เสร็จสิ้นมีผลบังคับใช้ในปี 2568 ชี้เป็นการปฏิรูป สธ. ครั้งใหญ่ เตรียมสรุปผลการรับฟังความเห็นเสนอครม. ก่อนส่งต่อให้กฤษฎีกาตรวจ
วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระทรวงสธ.ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสธ. คือ
การขับเคลื่อนให้มีการออกพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข และบุคลากรสาธารณสุข
ซึ่งดำเนินการต่อเนื่อง
สาระของร่างพ.ร.บ.มุ่งสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
โดยเฉพาะการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล อัตรากำลัง และค่าใช้จ่ายภาครัฐ
ลดข้อจำกัดต่างๆที่เป็นปัญหาคาราคาซังมาเป็นเวลานาน โครงสร้างการบริหารงานจะปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เพื่อสามารถบริการประชาชนรวดเร็วขึ้น
กล่าวโดยสรุป
เป็นการแยกตัวออกมาจากการสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ.
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า การดำเนินการของกระทรวง
สธ.เพื่อจัดทำร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสธ.ฯ พ.ศ…..เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรนั้น มีขั้นตอน
เมื่อวันที่ 15
กรกฎาคมที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการจัดทำร่างพ.ร.บ.กส.ธ.ได้เข้าประชุมร่วมกันโดยมี นพ.สุภโชค
เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน
พร้อมทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
(กพ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(กพร.)
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยจะเปิดการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม-6
สิงหาคม 2567 จากนั้นวันที่ 10 สิงหาคม
2567จะสรุปความเห็นจากการรับฟังในแต่ละประเด็น
จัดประชุมคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการ ได้ร่างพ.ร.บ.ที่สมบูรณ์ จัดทำรายงาน
การวิเคราะห์ผลกระทบ เปิดเผยสรุปผลการรับฟังความเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
ภ่ยในวันที่ 15 สิงหาคม สามารถนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการสธ.และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ต่อจากนั้นในเดือนกันยายน
คณะรัฐมนตรีจะเสนอร่างพ.ร.บ.ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ รัฐบาลถึงจะเสนอร่างพ.ร.บ.ให้สภาผู้แทนฯและวุฒิสภาพิจารณาตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ
“รัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้ความสำคัญกับบุคลากรของกระทรวงสาธราณสุขมาก
เพราะเป็นบุคลากรที่ทำงานกันอย่างทุ่มเทดูแลชีวิตประชาชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ตอบแทนการทำงานที่ทุ่มเทเพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานอย่างมั่นคง
การปรับโครงสร้างใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งจะต้องตราเป็นกฎหมายเปรียบเสมือนการปฏิรูประบบการบริหารจัดการองค์กร
การออกจากสังกัดก.พ.จะทำให้การปฏิบัติงานทั้งอัตรากำลังที่มีประมาณ 400,000 - 500,000 คน งบประมาณ ค่าใช้จ่ายที่จะลดลง
มีความคล่องตัวของบุคลากรที่กระจายอยู่ใน 12 เขตบริการ
ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการให้บริการประชาชน
และจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้ในขั้นตอนของรัฐสภาให้สำเร็จภายในปี 2568นี้”
นางสาวตรีชฎา กล่าว