“มงคล
สุระสัจจะ” ได้รับตำแหน่ง “ประธานวุฒิสภา” ตามคาด 159 เสียง ขณะที่คู่ชิง “นันทนา”
ได้ 19 เสียง และ “หมอเปรม” ได้ 13 เสียง
เมื่อวันที่
23 กรกฎาคม 2567 เวลา 12.25 น. ผลการเลือกประธานวุฒิสภา
ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติ 159 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่เข้าประชุมวุฒิสภาในวันนี้
เลือก นายมงคล สุระสัจจะ ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาตามการคาด
ขณะที่นางสาวนันทนา
นันทวโรภาส ได้คะแนนเสียง 19
เสียง ซึ่งไม่ตรงกับที่เจ้าตัวเคยประกาศไว้ก่อนหน้าว่าเสียงของตนมีถึง
30 เสียง และนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้คะแนนเสียง 13
เสียง โดยงดออกเสียง 4 เสียง และบัตรเสีย 5
เสียง ทำให้นายมงคลได้รับเลือกเป็นว่าที่ประธานวุฒิสภา
ทั้งนี้
การประชุมวุฒิสภา (สว.) นัดแรกวันนี้ มี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว.
ที่มีอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว โดยได้แจ้งช่องทางต่าง ๆ
ในการถ่ายทอดสดการประชุมวุฒิสภา ที่เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม ต่อมาได้แจ้งเข้าสู่วาระการประชุม
คือ การรับทราบประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องผลการเลือกตั้งวุฒิสภา
ลงวันที่ 10 ก.ค. 2567
ประธานที่ประชุมได้แจ้งให้
สว.ทั้ง 200 คน ลุกขึ้นกล่าวคำปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามมาตรา 115
ของรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยกล่าวชื่อ นามสกุลของสมาชิก และกล่าวว่า
“ขอปฏิญาณว่าข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชน ทั้งจะรักษาไว้ และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
จากนั้น
พล.ต.ท.ยุทธนา ประธานที่ประชุม ได้แจ้งเข้าสู่วาระต่อไปคือ การเลือกประธานวุฒิสภา
โดยได้ชี้แจงถึงขั้นตอนรายละเอียดของการเลือกฯ ทั้งนี้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ลุกขึ้นเสนอชื่อ
นายมงคล สุระสัจจะ เป็นประธานวุฒิสภา จากนั้น นายเศรณี อนิลบล ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ เป็นประธานวุฒิสภา และนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร เสนอชื่อ
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส เป็นประธานวุฒิสภา โดยมีผู้เสนอบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา
จำนวน 3 คน มีผู้รับรองถูกต้อง
จากนั้นได้เข้าสู่ขั้นตอนการแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา
ทั้ง 3 คน คือ นายมงคล,
นพ.เปรมศักดิ์ และ น.ส.นันทนา หลังการแสดงวิสัยทัศน์ ที่ประชุมได้ลงมติเลือก นายมงคล
สุระสัจจะ ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 159 เสียง
สำหรับนายมงคลนั้น
เคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอ รวมทั้งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน
และอธิบดีกรมการปกครอง ตลอดจนเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง
"พรรคบุรีรัมย์พัฒนา" ซึ่งถือเป็นสายตรงของ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์”
ที่ทำงานรู้ใจกันมานาน ก่อนจะลงสมัคร สว.ในกลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง