ยูดีดีนิวส์ : 15
พ.ค. 63 วานนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวรำลึก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ
เสธ.แดง ซึ่งเวลาผ่านมา 10 ปี อ.ธิดาไม่เคยพูดรำลึกในมุมมอง
รำลึก
“เสธ.แดง” ทหารผู้รักประชาธิปไตย
ก่อนการกล่าวถึง
เสธ.แดง อ.ธิดา ได้แจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 19 พ.ค. ที่จะถึงนี้ให้ติดตามเฟสบุ๊คแฟนเพจ
ยูดีดีนิวส์ ซึ่งจะมีการรำลึกเหตุการณ์พฤษภา 53 ในวาระครบ 10 ปี ในช่วงบ่ายจะมีพิธีสงฆ์ทำสังฆทานและการกล่าวรำลึกของอดีตแกนนำนปช.ในยุคนั้น
ส่วนช่วงเช้าก็จะมีวีดีทัศน์และโครงการประชาชนช่วยประชาชน รวมทั้งบทความจากเพื่อน
ๆ และมิตรสหายที่ส่งมายังยูดีดีนิวส์ ก็ฝากให้ติดตามด้วย
อ.ธิดากล่าวว่า
10 ปีที่ผ่านมา จะไม่มีใครได้ยินดิฉันพูดถึง เสธ.แดง เพราะมีคนพูดถึงเป็นจำนวนมาก
และตัวดิฉันสัมผัส เสธ.แดง ไม่มากพอ มาถึงบัดนี้ แม้ดิฉันสัมผัส เสธ.แดง ไม่มากพอ
แต่ดิฉันได้ไปติดตามคลิปและเรื่องราวต่าง ๆ ดิฉันคิดว่าถึงเวลาที่จะพูดถึง เสธ.แดง
แต่ดิฉันอยากจะให้พวกเราผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายจดจำ
เสธ.แดง อย่างไร?
ในฐานะทางประวัติศาสตร์ของประชาชน
ดิฉันอยากจะให้เราคารวะและรำลึก เสธ.แดง ในฐานะทหารผู้รักประชาธิปไตย เป็นทหารของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
ซึ่งถ้าถามว่า
“นายทหารประชาธิปไตย” กับ “ทหารของผู้รักประชาธิปไตย”
ดิฉันไม่แน่ใจว่าอาจจะเขียนตรงกันหรือเปล่า
ทหารประชาธิปไตยในอดีตเราอาจจะเริ่มตั้งแต่
พล.อ.พหลพลพยุหเสนา ผู้นำทางทหารซึ่งเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในทัศนะดิฉันท่านเป็นนายทหารประชาธิปไตยคนแรก
นอกจากนี้ก็มีนายทหารหลายคนซึ่งร่วมกับคณะราษฎรในการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
เราก็อาจจะขนานนามทหารเหล่านั้นว่าเป็นทหารประชาธิปไตยด้วยก็ได้ แต่มันน่าเสียดายที่ว่า
นายทหารเหล่านั้นจำนวนหนึ่งไปไม่ถึงที่สุด ก็ไม่สามารถขนานนามได้
อย่างพวกผู้ก่อการตอนแรก ซึ่งตอนหลังก็มีการเปลี่ยนแปลง
ในลำดับต่อมาดิฉันถือว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็น่าจะขนานนามว่าเป็นนายทหารประชาธิปไตยได้ โดยท่านได้ลาออกจากตำแหน่ง ผบงทบ. ทั้ง ๆ ที่ยังมีเวลาเหลือ เพื่อมาเข้าสู่การเลือกตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งแทนที่จะทำรัฐประหาร และท่านต่อต้านรัฐประหารแม้กระทั่งในปี 2535 ด้วย
แต่มาช่วงทศวรรษหลัง
มีท่านนายพลเอกอีกท่านหนึ่งซึ่งดิฉันอยากจะเอ่ยชื่อไว้ ณ ที่นี้ คือ พล.อ.อดุล
อุบล ซึ่งท่านผู้ชมอาจจะได้เห็นบทความของท่านในเพจของยูดีดีนิวส์และเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ โดยเฉพาะท่านใช้คำว่า "รุมยิงนกในกรง" ซึ่งเราเอาชื่อนี้มาทำวิดีทัศน์ชื่อ "ยิงนกในกรง" พล.อ.อดุล อุบล ก็ต้องถือเป็นนายทหารประชาธิปไตยก็เพราะว่าสิ่งที่ท่านเขียน สิ่งที่ท่านทำ และสิ่งที่ท่านพูดมาตลอดนั้น ท่านเข้าใจการเมืองการปกครองแบบสากล แต่ว่าน่าเสียดายที่ท่านจากไปแล้ว และท่านไม่ได้มีบทบาทในทางการเมืองมาก เพียงแต่ท่านได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังจากที่ท่านเกษียณอายุราชการแล้ว แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างกล้าหาญ เพราะฉะนั้นดิฉันก็จะขนานนามท่านว่าเป็นนายทหารประชาธิปไตย
แต่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ดิฉันอยากจะใช้คำว่า เป็นนายทหารของผู้รักประชาธิปไตย มีลักษณะแตกต่าง คือนายทหารประชาธิปไตยคนอื่น ๆ นั้นก็จะเป็นนายทหารที่แสดงออกถึงความคิดและปฏิบัติการแบบประชาธิปไตย แต่ เสธ.แดง นอกจากมีจิตใจรักประชาธิปไตย ยังลงมาร่วมกับประชาชนในการต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้ระบอบประชาธิปไตย และได้รับความชื่นชมจากประชาชนจำนวนมาก ในฐานะที่เข้ามาร่วมในการต่อสู้
สำหรับดิฉัน เพียงแค่นี้ก็ต้องถือว่าต้องคารวะแล้ว
ไม่พอ!!! ปรากฎว่าท่านถูกกระทำโดยที่มีการลอบยิงท่าน ท่านเป็นนายพลของกองทัพบกไทย ดิฉันมองว่าวิธีคิด วิธีทำงาน วิธีพูดของท่านนั้นก็เหมือนกับนายพลกองทัพไทยคนอื่น ๆ นั่นแหละ เพียงแต่มาเติมเอาจิตใจที่อยากจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีลักษณะเป็นสากล แล้วท่านมีคุณสมบัติคือ ต่อต้านระบอบอำมาตย์ ท่านพูดชัดเจน
จุดยืนก็คือกล้าคัดค้านระบอบอำมาตยาธิปไตยและอำนาจนิยมที่ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตย ร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมการต่อสู้กับประชาชน(ดิฉันได้มาดูคำปราศรัยของท่าน แล้วก็จะคัดในสิ่งที่ว่าเราควรจะจดจำท่านอย่างไร)
ที่สำคัญก็คือถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมอย่างป่าเถื่อน ไม่ได้รับความยุติธรรม จนบัดนี้กองทัพและกระบวนการยุติธรรมยังไม่สามารถดำเนินไปเพื่อที่จะเข้าไปสู่การสืบสวนหาคนที่กระทำการ
แน่นอน! ดิฉันไม่ได้หวังว่าปัจจุบันนี้ ตัวละครเดิม ผู้มีอำนาจเดิม และระบอบที่ไม่ใชระบอบประชาธิปไตยจริง จะสามารถให้ความยุติธรรม และให้ความจริงแก่ประชาชนผู้ถูกกระทำโดยตัวละครเหล่านี้ได้
แต่ลักษณะพิเศษ อย่างน้อยที่สุด พล.ต.ขัตติยะ ก็เป็นนายพลกองทัพไทย ในทัศนะของดิฉัน ไม่มีปฏิบัติการอันใดที่จะไปเข้าข่ายเป็นกบฎ เป็นภัยต่อความมั่นคง ท่านเป็นนักพูด คิดอย่างไรท่านก็พูดไปอย่างนั้น แต่ต้องดูว่าปฏิบัติการของท่าน มันถึงขั้นที่ทำให้เกิดปัญหาเพียงแค่ไหน?
ซึ่งเดี๋ยวดิฉันจะได้ขยายในส่วนนี้ว่า ความเข้าใจอันผิด ๆ แล้วก็ความโง่เขลาของผู้มีอำนาจในสังคมไทย ที่ไปกำหนดให้ เสธ.แดง จบชีวิต คืองานการข่าวของคุณนั้นมันไม่ได้ความ แต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ยุค 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19, พฤษภา 35 แล้วก็มา 52, 53 งานการข่าวไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงเลย ด้วยเหตุนี้ทำให้ความเชื่อผิด ๆ มันเกิดขึ้น และนี่จึงเป็นสิ่งที่กำหนดชะตากรรม ทำให้ เสธ.แดง ต้องเสียชีวิต
เสธ.แดง ถูกยิงวันที่ 13 พ.ค. 53 เสียชีวิตในเวลาต่อมา (17 พ.ค. 53) มันเป็นกระบวนการที่ได้วางแผนเอาไว้ทั้งหมด เพราะหลังวันที่ 13 พ.ค. ถ้าจะไปเจรจาอะไร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่า "สายไปเสียแล้ว" ทั้งนั้น เพราะมีการวางแผนไว้ว่า ต้องมีการเด็ดหัว พล.ต.ขัตติยะ ในฐานะเป็นแม่ทัพกองกำลังอาวุธของ นปช. คนเสื้อแดง ที่มีการชุมนุม อันนี้เป็นความโง่เขลา!!!
เสธ.แดง เป็นนายพลตรีอิสระ เขามีความคิดที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับกองทัพ ไม่จำเป็นต้องเหมือน นปช. และไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เขาก็เป็นแบบของเขานั่นแหละ ถ้าไปฟังการพูดจาที่ไหน การพูดของเขามีลักษณะเกทับบลัฟแหลกด้วย อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่า เสธ.แดง มาตัวคนเดียว ไอ้ที่บอกมีกองกำลังโน่น นี่ นั่น เสธ.แดง ก็บอกกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ความจริงเสธ.แดงก็อาจจะไม่ทราบด้วยเหมือนกัน แล้วกลุ่มที่มีการพูดถึงเช่นทหารพราน ก็มาโผล่อยู่วันสองวันแล้วก็หายไป มาจากไหนก็ไม่รู้
คือการต่อสู้ของมวลชนนั้นมันไม่ได้มีการจัดตั้ง มีสายบังคับบัญชา ใครอยากมาก็มา ใครอยากไปก็ไป แต่กติกาในการจัดการชุมนุมของเรานั้นชัดเจน ก็คือเราไม่มีการต่อสู้ด้วยอาวุธ ดังนั้นความคิดที่ว่าเสธ.แดงเป็นแม่ทัพของกองกำลังอาวุธ และมีกองกำลังอาวุธในการชุมนุมของนปช.ไม่ต่ำกว่า 500 เขาเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ นะ
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการที่ว่าคิดเอาว่าพวกนี้มีกองกำลังอาวุธ เบิกคลังอาวุะมา 778,750 นัด (ไม่ใช่ 500,000 นะ นี่เรามาเช็คใหม่) ใช้ไป 191,949 นัด ก็คือเกือบ 200,000 มีทั้งปืนซุ่มยิง มีทั้งปฏิบัติการในเมืองเต็มรูปแบบ มีรถเกราะ ปืนซุ่มยิงดัดแปลงอีกเกือบ 5 พันนัด สไนเปอร์จริง 500 นัด ซึ่งในเพจยูดีดีนิวส์มี และนี่เป็นข้อมูลใหม่มากกว่าที่ ศปช. พูด
ดิฉันอยากให้สังคมเข้าใจว่า เสธ.แดง เป็นนายทหารที่รักของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ต่อต้านระบอบอำมาตย์อย่างชัดเจน แล้วมาร่วมทุกข์ร่วมสุข แต่ความใจกล้าของท่าน ท่านก็เคยมีประวัติว่าท่านร่วมกับพวกยังเติร์กในการต่อสู้กับพล.อ.เปรม (จากคำปราศรัยของท่าน) แปลว่านอกจากความคิดที่อยากจะทำให้การเมืองประเทศไทยดีแล้ว ก็เคยร่วม แต่เป็นการร่วมกับกลุ่มนายทหารยังเติร์ก
ดังนั้นความคิดในการที่จะปรับปรุงประเทศหรือเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีนั้น ท่านมีอยู่แล้ว จะด้วยเหตุอันใดก็ตาม ดิฉันไม่ไปก้าวล่วงในความคิดลึก ๆ ของเสธ.แดง แต่การที่มีประชาชนออกมาเป็นจำนวนมาก มันก็เป็นไปได้ที่นายพลที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และไม่เห็นด้วยกับระบอบอำมาตย์ เคยผ่านสิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้ไม่สำเร็จคือกบฏยังเติร์กมาแล้ว การที่มาร่วมกับประชาชนก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นแม่ทัพกองกำลังอาวุธของนปช.
นี่จึงเป็นเรื่องที่หลงผิดโดยสิ้นเชิง และเป็นเรื่องที่กลายเป็นว่าต้องมาเด็ดหัว...หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่...คุณทำความจริงให้ปรากฎซิ!
ดิฉันอยากจะเพิ่มคำว่า "แก้ว 3 ประการ" ที่เสธ.แดงพูด ดิฉันลองเข้าไปฟัง ปรากฏว่าเสธ.แดงพูดมีลักษณะเปรียบเทียบว่าฝั่งระบอบอำมาตย์ก็มีแก้ว 3 ประการ มีพรรค เสธ.แดง ก็เอ่ยชื่อพรรคการเมืองเก่าแก่หนึ่งพรรค แล้วก็มีกองทัพ มีแนวร่วมก็คือเครือข่ายระบอบอำมาตย์
แล้วเสธ.แดงก็พูดถึงฝั่งประชาชนว่าก็มีแก้ว 3 ประการได้ แต่สิ่งที่เสธ.แดงพูด พรรคก็เป็นพรรคการเมืองซึ่งรู้กันว่าความหมายก็คือพรรคของนายทุนกลุ่มใหม่ซึ่งระบอบอำมาตย์หวาดกลัว แนวร่วมท่านก็อาจจะหมายถึงนปช.หรืออะไรก็ได้ คือแนวร่วมประชาชนที่เป็นเครือข่ายฝั่งประชาชน แล้วคำว่ากองทัพ ขอโทษท่านใช้คำว่าก็มีแต่สากเบือ แต่ก็เกทับไปว่าหวังจะให้มีสิ่งที่เรียกว่าเป็นกองทัพประชาชน ท่านก็พูดไปถึงประเทศต่าง ๆ ในทัศนะของดิฉันก็คือเป็นความคิดที่ท่านพูด อยากจะให้มันเป็นไปได้หรือเปล่า แล้วก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้ ก็ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้น
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เสธ.แดง มาคนเดียว มีการ์ดอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งท่านก็ไปอบรมคนไร้บ้านหรืออาสาสมัครจำนวนหนึ่งที่สนามหลวง แล้วก็มีทหารพรานมาจำนวนหนึ่ง แต่ท่านไม่ใช่แกนนำ นปช. ท่านไม่ได้ขึ้นเวทีแกนนำ นปช. ท่านก็รู้ และเราเกรงว่าฝ่ายการข่าวที่ไม่ฉลาดจะเข้าใจว่าเรามาต่อสู้ทางการทหาร ต่อสู้ด้วยอาวุธ
แต่ไม่ใช่ เรามาต่อสู้ทางการเมือง อย่างสันติ แล้วเสธ.แดงท่านก็รู้ ท่านก็ไม่ได้ขึ้นเวทีนปช. มีไปยืนพูดอยู่ข้างล่างหน้าเวทีที่เขาสอยดาว ท่านรู้ว่า 1) ท่านไม่ใช่แกนนำนปช. 2) ท่านไม่ได้ขึ้นต่อ นปช. ท่านก็มีวิถีทางเขาท่าน ซึ่งคนเสื้อแดงทั้งหลายก็มักจะเป็นอย่างนี้เพราะเป็นเสรีชน
ดังนั้นดิฉันคิดว่าในวาระ 10 ปี อยากจะให้ประชาชนจดจำ เสธ.แดง รำลึก เสธ.แดง ในฐานะนายทหาร โดยตัวเองก็เป็นนายทหารผู้รักประชาธิปไตย แล้วก็เป็นนายทหารของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่ยังชื่นชม
แต่ว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและโง่เขลาของฝ่ายการข่าว ของฝ่ายระบอบอำมาตย์ที่คิดว่า เสธ.แดง เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังอาวุธ ซึ่งเราไม่เคยมี มีคนที่มาช่วยเก็บของที่เขาทำงานเก็บขยะ ก็บอกว่าเป็นชายชุดดำ
ดังนั้น วาทกรรมชายชุดดำ, วาทกรรมกองกำลังอาวุธ มันจึงต้องมีพระเอก แล้ว เสธ.แดง ก็ถูกอุปโลกให้เป็นพระเอกในเรื่องของการต่อสู้ทางการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่มี แต่ว่าเสธ.แดง เป็นนายทหารผู้รักประชาธิปไตย ต่อต้านระบอบอำมาตย์ อยากจะสนับสนุนประชาชนที่ออกมาต่อสู้ แต่ด้วยวิถีคำพูดและความคิดของท่านนั้น ยังถูกหล่อหลอมมาจากนายพลของประเทศไทย
ดังนั้นการปรากฎกายของท่านในฐานะทหารนายพลในหมู่ผู้รักประชาชนธิปไตย ทำให้เกิดความหวั่นไหว ความหวาดกลัวอย่างโง่เขลา และกระทั่งเป็นเหตุให้ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ต้องสูญเสียชีวิตอย่างที่ไม่ควรจะเป็น และน่าอนาถที่ว่าเป็นนายพลกองทัพไทยซึ่งไม่มีความผิดอันใด เพียงแต่ท่านเป็นตัวของตัวเอง เป็นเสรีชน ไม่ขึ้นต่อกองทัพในตอนท้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาขึ้นต่อ นปช. หรือขึ้นต่อองค์การใด ๆ ท่านก็เป็นตัวของท่านเอง
ดิฉันก็คิดว่าใน 10 ปีนี้ เราควรจะรำลึกเสธ.แดงกันให้ถูกต้อง ในฐานะที่เป็นขวัญ เป็นที่เคารพรักของพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตย นายทหารประชาธิปไตยจำนวนมาก ไม่ใช่ทหารของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เขามีจิตใจในฐานะเป็นทหารที่รักประชาธิปไตย แต่เขาไม่ได้มาคลุกคลี ไม่ได้มาร่วมต่อสู้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนแบบเสธ.แดง และนี่คือเป็นนายทหารคนเดียวที่มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา และต้องถูกเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
10 ปีที่ผ่าน เราก็ขอคารวะ และขอให้เวลานี้เป็นเวลาที่เราต้องต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายทหารนายพลคนหนึ่งของกองทัพไทยที่มีจิตใจรักประชาธิปไตยเต็มเปี่ยม ณ ที่นี้ด้วยค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด