รำลึก 10 ปี 10 เมษายน
2553 และเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา 2553
(ตอนที่ 1)
คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ขอให้ผมเขียนบทความสักบท บอกว่าจะไปใช้ในงานรำลึก 10 ปี 10 เมษายน 2553
ซึ่งคงจัดในรูปแบบที่เหมาะกับสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ ผมอยู่ในเหตุการณ์วันที่
10 เมษา 2553 แบบจังๆ ยังฝังใจจดจำตลอดมา
จึงเชื่อว่าจะแชร์ความทรงจำให้เป็นประโยชน์ต่อการรำลึกเหตุการณ์นี้ได้บ้าง
ก่อนวันที่ 10 เมษา
2553 เล็กน้อย รัฐบาลในขณะนั้นประกาศว่าจะกระชับพื้นที่ที่ราชประสงค์
ส่วนพื้นที่ที่ราชดำเนินนั้นจะให้ใช้เป็นที่ชุมนุมได้
สายๆวันที่ 10 เมษา
เริ่มมีข่าวว่ารัฐบาลจะปฏิบัติการกระชับพื้นที่ ไม่ชัดเจนว่าเป็นที่ใด
ผมกับเพื่อนนั่งรถไฟฟ้าไปราชประสงค์เพื่อสังเกตการณ์
ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาดูแลบริเวณนั้นแล้วก็ค่อนข้างแน่ใจว่าจะไม่มีการกระชับพื้นที่ที่ราชประสงค์
ผมกับเพื่อนจึงกลับมาตั้งวงหารือติดตามสถานการณ์กันต่อ
บ่ายแก่ ๆ
มีข่าวรัฐบาลประกาศจะขอคืนพื้นที่ที่ราชดำเนิน ผู้ที่อยู่ทางราชดำเนินโทรมาบอกว่าสถานการณ์ที่ราชดำเนินตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
แกนนำส่วนใหญ่ติดอยู่ทางราชประสงค์
ประมาณ 5 โมงเย็น
ผมกับเพื่อนตัดสินใจไปที่เวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้
เมื่อไปถึงพบผู้ที่อยู่กับเวทีหลายคนมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่ามีการยิงตรงจุดโน้นบ้าง
จุดนี้บ้าง อยากให้ผมช่วยขึ้นเวทีพูดดึงมวลชนกลับมารวมตัวกันจะได้ไม่เป็นอันตราย
ขณะนั้นก็มีเฮลิคอปเตอร์บินวนเวียนไปมา มวลชนกระจัดกระจาย
ก่อนจะขึ้นเวที
มีคนชี้ให้ผมดูอาวุธของทหารจำนวนหนึ่งที่กองอยู่ใต้เวที
ขอให้ผมประกาศบอกเจ้าหน้าที่ว่าทางผู้ชุมนุมพร้อมจะร่วมมือมอบอาวุธคืนให้
ไม่มีใครประสงค์จะใช้อาวุธเหล่านี้
ผมขึ้นเวทีพร้อมพี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนยืนอยู่สองข้าง
ขณะนั้นมีเสียงดังปนกันแยกไม่ออกว่าเสียงปืนหรือเสียงอะไรระเบิดตลอดเวลา
เฮลิคอปเตอร์โปรยแก๊สน้ำตาบริเวณรอบๆเวที
ผมพยายามพูดให้มวลชนตั้งสติและมารวมตัวกัน
ระหว่างนั้นมีโน้ตส่งมาว่ามีประชาชนถูกยิงเสียชีวิตบ้างแล้ว
ผมไม่ได้ประกาศออกไปเพราะเกรงจะทำให้มวลชนแตกตื่น
เห็นว่าตอนนั้นใกล้จะเย็นเข้าทุกที
จึงได้พูดผ่านไมค์ถึงคุณอภิสิทธิ์ นายกฯและคุณอนุพงษ์
ผบ.ทบ.ว่าถ้ายังพยายามยึดพื้นที่อยู่อย่างนี้ พอมืดแล้วจะเป็นอันตราย
อาจเกิดเหตุแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ ขอให้หยุดการยึดคืนพื้นที่ไว้ก่อน
วันรุ่งขึ้นค่อยว่ากันใหม่และผมได้บอกด้วยว่าที่เวทีมีอาวุธอยู่
ขอให้ส่งตัวแทนมารับอาวุธไปด้วย
ผมพูดอยู่อีกสักพักจนรู้สึกว่ามวลชนกลับเข้ามาอยู่ด้านหน้าเวที
ไม่กระจัดกระจายแล้ว และทราบว่าคุณณัฐวุฒิ กำลังเดินทางจากราชประสงค์แล้วด้วย
เมื่อพูดทุกอย่างที่ควรพูดหมดแล้วก็ส่งไมค์ให้โฆษกเวทีทำหน้าที่ต่อ
ก่อนลงจากเวทีโดนแก๊สน้ำตาโปรยลงมาจากฮ. ลงมาแล้วจึงต้องไปหาที่ล้างตาอยู่พักใหญ่
ประมาณ 1 ทุ่ม - 2 ทุ่ม
ผมได้รับการติดต่อจากตัวแทนนายกฯ ขอให้ช่วยเจรจาหาทางคลี่คลายสถานการณ์
ผมจึงทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างตัวแทนนายกฯกับคุณณัฐวุฒิในการคลี่คลายสถานการณ์จนตกลงกันได้
แต่ต่อมามีการยิงถล่มปะทะกันอย่างรุนแรง
มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ผมยังทำหน้าที่ประสานงานให้ 2 ฝ่ายอยู่บ้าง
ทางฝ่ายแกนนำผู้ชุมนุมพร้อมร่วมมือกับรัฐบาล
พยายามประกาศขอให้มวลชนให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล
ทางรัฐบาลถามว่าจะให้ทางรัฐบาลทำอย่างไรกับการชุมนุม
ผมบอกไปว่าก็ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้บาดเจ็บอยู่ห่างจากที่ชุมนุมไว้ก่อน
จะได้ไม่เกิดเหตุแทรกซ้อน
เหตุการณ์วันที่ 10
เมษายน 2553 จบลงอย่างน่าสลดใจ
เกิดความสูญเสียใหญ่หลวงทั้งชีวิตและเลือดเนื้อของทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก
การชุมนุมของประชาชนที่ราชประสงค์ยังดำเนินต่อไปอีกเดือนกว่า ๆ เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายทั้งที่น่าประทับใจและเศร้าใจ จนไปสิ้นสุดลงที่การเข้ากระชับพื้นที่ของทางฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นผลสำเร็จ และแกนนำมอบตัวสู้คดีที่ยังไม่จบสิ้นจนถึงทุกวันนี้
(จบตอนที่ 1)