วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

10 ปี-10 เมษาฯ คอลัมน์ บทบรรณาธิการ (ข่าวสด)


10 ปี-10 เมษาฯ
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ช่วงที่สังคมต้องรับศึกโควิด-19 แทบจะไม่มีเวลานึกถึงประเด็นอื่น คงทำให้วาระครบรอบ 10 ปีเหตุการณ์วันที่ 10 เมษาฯ 53 ไม่เป็นที่รำลึกมากนัก

แต่สำหรับครอบครัวของผู้สูญเสียคงไม่เป็นเช่นนั้น

บรรดาผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักระบุว่า แม้จะผ่านมา 10 ปีแล้ว ความเสียใจยังคงฝังลึกอยู่ และความช้ำใจจากวาทกรรมให้ร้ายว่าเป็นญาติของคนเผาบ้านเผาเมืองยังคงไม่สลายไป

10 เมษาฯ เป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ตามมาด้วยการใส่ร้าย สร้างความเกลียดชัง และทำให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2553

แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบใดๆ จากการใช้อำนาจรัฐในครั้งนั้นจนถึงปัจจุบัน

เหตุการณ์ 10 เมษาฯ 53 เกี่ยวพันกับคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้สลายการชุมนุมของกลุ่มนปช. หลังจากเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมในปีนั้น ด้วยข้อเรียกร้องให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้ง

การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม ในปฏิบัติการที่ใช้คำว่า “ขอคืนพื้นที่” อยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจุดปะทะหลักอยู่ที่ถนนดินสอและแยกคอกวัว

พลเรือนเสียชีวิต 20 ราย และเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 5 ราย แต่กลับไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือใคร

แม้แต่เหยื่อที่เป็นช่างภาพของรอยเตอร์ สำนักข่าวชั้นนำของโลก แม้ระบุว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร ก็ไม่ปรากฏว่าใครต้องรับผิดชอบต่อการตายของฮิโรยูกิ มูราโมโตะ

เช่นเดียวกับนายทหารที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ กลับหาคนร้ายไม่ได้

ผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ 10 เมษาฯ ที่ระบุกันว่าเป็นชายชุดดำ ผ่านมา 10 ปีแล้วคนในสังคมยังไม่รู้ว่าเป็นใคร นอกจากการกล่าวหากันลอยๆ

10 ปีที่ผ่านมากลับเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร การเขียนรัฐธรรมนูญในช่วงเวลาที่ประชาชนถูกยึดอำนาจ พรรคการเมืองถูกทำให้อ่อนแอลง และวาทกรรมให้ร้ายที่ยังไม่คลี่คลาย เพราะไม่มีข้อพิสูจน์ให้ชัดเจน

ญาติที่เฝ้ารอคำตอบมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน ก็ยังคงรอคำตอบอยู่เช่นเดิม โดยไม่รู้ว่าจะได้รับเมื่อใด

ความเสียใจและช้ำใจคงจะดำเนินต่อไป