วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ธิดา ถาวรเศรษฐ : เปิดหนังสือฉบับที่ 2 กล่าวถึงเหตุผล 6 ประการ โต้รายงาน คอป.


"อ.ธิดา" เปิดหนังสือฉบับที่ 2 กล่าวถึงเหตุผล 6 ประการ โต้รายงาน คอป. รายละเอียดความว่า

ความเห็นต่อบทสรุปรายงานคอป.  (ฉบับที่ 2)

สิ่งที่ได้แจ้งในการวิพากษ์รายงานฉบับที่ 1 ในปัญหาการก่อเกิดคอป. จากผู้ปราบปรามประชาชน  การแต่งตั้งประธานคอป. จากนายกรัฐมนตรีเวลานั้นคือนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  และการแต่งตั้งคณะกรรมการตลอดจนอนุกรรมการ  มีการแต่งตั้งคนจำนวนหนึ่งในตำแหน่งที่สำคัญในการค้นหาความจริงและรากเหง้าของความขัดแย้ง  ที่มีทัศนคติด้านลบต่อคู่กรณีความขัดแย้ง  คือกลุ่มนปช. คนเสื้อแดง และพ.ต.ท. ดร.ทักษิณ  ชินวัตร  นับจากดร.คณิต  ณ นคร, นายสมชาย  หอมลออนายเมธา  มาสขาว (เคยทำงานในคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ที่อยู่ฝั่งพันธมิตรและใกล้ชิดนายสุริยะใส  กตะศิลา  อดีตผู้ประสานงานพันธมิตร)  นายชัยวัฒน์  ตรีวิทยา เป็นหัวหน้าการ์ดพันธมิตร  แม้แต่ นายสมชาย  หอมลออ เองก็มีการแสดงออกและให้ความคิดเห็นที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตร  และนายคณิต  ณ นคร ก็ทราบดี  ยังกล่าวว่า “ใกล้ชิดพันธมิตรแล้วทำไมเราไม่ได้วางกฎเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติของคนที่มาทำงาน”  แสดงว่ารู้ดีว่าตนเองและคนส่วนหนึ่งในคอป. ไม่เป็นกลาง  ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นกรรมการคอป.

นี่แสดงว่าการแต่งตั้งคณะบุคคลที่เป็นกรรมการคอป.  ละเมิดหลักการพื้นฐานการไม่มีส่วนได้เสีย  การมีประวัติสนับสนุนหรือเกลียดชังข้างหนึ่งข้างใด

ประการที่สองในกระบวนการจัดทำชุดความจริงไม่โปร่งใส  ไม่มีการรายงานปฏิบัติการเป็นกำหนดเวลา  ตรงไปตรงมา  และด้วยวิธีการที่ได้รับการยอมรับ  จึงนำมาซึ่งผลสรุปที่บิดเบี้ยวเป็นไปตามธงที่ตั้งไว้และไม่ได้เริ่มต้นจากความจริง  ดังที่ได้กล่าวไว้ในความเห็นฉบับแรก  มีรายละเอียดมากมายที่จะได้กล่าวต่อไปถึงการเลือกนำเสนอความจริงบางส่วนที่ไม่ครบถ้วน  เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่ส่งผลลบต่อนปช.และพ.ต.ท. ดร.ทักษิณ  ชินวัตร  ละเลยการนำเสนอองค์ประกอบแห่งความรุนแรงและการตัดสินใจปราบปรามประชาชนของภาครัฐ  และการนำเสนอความรุนแรงภาคประชาชนล้วนเป็นข้อมูลที่เชื่อถือไม่ได้  และเป็นข้อมูลจาก ศอฉ. จากเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนปราบปรามประชาชน  และจากพรรคประชาธิปัตย์  แม้ต้องรอจนถึง 27 มิถุนายน 2555  ดังจะมีข้อโต้แย้งต่อไปแต่ละกรณีในประเด็นชายชุดดำนั้น  พบว่าจำนวนมากมายที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ  เข้าออกด้านหทารสะดวกสบาย  ไม่ได้นำเสนอในประเด็นนี้แม้แต่น้อย  กลับปรักปรำว่าการตาย 9 รายมาจากชายชุดดำที่ได้รับความร่วมมือกับการ์ดนปช.  และอ้างว่าเป็นคนของพลตรี ขัตติยะ  สวัสดิผล หน้า 112 ข้อ 5. อ้างว่าคนชุดดำปฏิบัติการโจมตีเจ้าหน้าที่ก่อนด้วยอาวุธสงคราม  โดยก่อนและขณะโจมตี  คนชุดดำพร้อมอาวุธสงครามปะปนกับผู้ชุมนุมโดยมีผู้ชุมนุมและการ์ดนปช. ไม่ได้ห้ามปราบหรือขัดขวางการปฏิบัติการด้วยอาวุธของคนชุดดำ  ทั้งยังได้รับการสนับสนุนหรือร่วมมือจากการ์ดนปช. จำนวนหนึ่งด้วย

กรณี พลทหาร ณรงค์ฤทธิ์  สาละ  อ้างว่าก่อนถูกยิ่งปรากฏภาพชายใส่เสื้อและคลุมหน้าสีดำ 3 คนถืออาวุธปืนปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมบนถนนวิภาวดีรังสิต  อ้างว่าพบจักรยานยนต์มีลูกระเบิด M79  62 ลูก อ้างต่อว่าเป็นของตำรวจ

กรณีการเสียชีวิตที่ปะทะที่สะพานมัฆวานเวลาประมาณ 15.00 น.  รายงานนี้กลับอ้างว่าไม่ยืนยันว่าเกิดจากฝ่ายใด  นี่อคติชัดเจน  เพราะเวลานั้นยังไม่ปรากฏคนชุดดำเลย  กลางวันแสก ๆ ด้วย
.การอ้างชายชุดดำ 4 คนถืออาวุธ AK47 เดินออกจากถนนตะนาวฝั่งอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม  โปรดแจ้งหลักฐานการพบคนเหล่านี้แล้วโปรดบอกด้วยว่ามีใครตาย บาดเจ็บจากปืนอาก้าคน 4 คนนี้บ้าง  แต่ผลการชันสูตรบาดแผลจากศพล้วนบ่งบอกความน่าจะเป็นกระสุน M16 ทั้งสิ้น  และจาก M67  ไม่มีใครตายจาก AK47 

ตัวอย่างการรายงานความจริงที่บิดเบี้ยว และเลือกนำเสนอยังมีอีกมากมาย  เช่น  กรณีสไนเปอร์ เป็นต้น  การพูดแตะผิวเผินว่ามีการยึดครองพื้นที่สูงของเจ้าหน้าที่รัฐโดยละเลยการให้รายละเอียดซึ่งหาได้มากมายในสังคม online และปฏิบัติการชายชุดดำฝั่งทหาร  พร้อมสรุปว่าการประท้วงของประชาชนมีความรุนแรงของฝั่งประชาชนมากเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการปราบปรามด้วยความรุนแรง  เป็นการสรุปอย่างไม่ใช่การทำงานที่น่าเชื่อถือได้เลย

ประการที่สาม  การละเลยความขัดแย้งที่เกิดจากฝั่งประชาชนของระบอบอำมาตย์คือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ที่ใช้ความรุนแรงทั้งโดยการปราศรัยปลุกระดมประชาชนด้วยความรุนแรง  การโกหกใส่ร้ายป้ายสีและการก่อความรุนแรงต่าง ๆ ถึงขั้นปิดสนามบินนานาชาติ  ยึดสถานีโทรทัศน์ การใช้อาวุธทำร้ายคนเสื้อแดงถึงแก่ชีวิต คุณณรงค์ศักดิ์  กอบไธสงค์ เหล่านี้ล้วนพูดผิวเผินเบาบาง      ทำให้มีผู้ร้ายเพียงเฉพาะคุณทักษิณ  ชินวัตร, แกนนำนปช. คนเสื้อแดงเท่านั้น  นี่หรือความเป็นกลาง! 

เช่นเดียวกับความรุนแรงบริเวณศาลาแดง – สีลม – สวนลุมพินี – ถนนพระรามที่ 4 – บ่อนไก่ – ถนนวิทยุ  ช่วงวันที่ 13 – 18 พฤษภาคม  เน้นการรายงานว่ามีการยิง M79  ทั้งที่การตายของพลเรือน 21 คน ทหารอากาศ 1 คน เกือบทั้งหมดชัดเจนว่าจากกระสุนความเร็วสูง 5.56 mm. และอ้างว่ามีคนร้ายยิงปืนเข้าใส่ชาวชุมชนบ่อนไก่  อ้างว่ายิงมาจากซอยงามดูพลี  หมายความว่าใครยิงถ้าคนเสื้อดำเป็นนปช.  เขาจะยิงชาวบ่อนไก่ทำไมใครยิง  ใครคือชายชุดดำตรงนี้  ถ้ามีแต่ประชาชนบ่อนไก่เขาบอกกันทั้งนั้นว่าทหารยิง

ในความรุนแรงแถวราชปรารภและสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์  รายงานฉบับนี้อ้างปฏิบัติการชายชุดดำเช่นเคย  อ้างว่ามีการยิง M79 จำนวนมาก  และยิงอาร์พีจีใส่แนวกำลังเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณราชปรารภหน้าโรงแรมอินทราถึงสถานีรถไฟฟ้าวันที่ 14 – 18  เชื่อว่ามีปฏิบัติการชายชุดดำโดยใช้อาวุธสงครามยิงใส่แนวเจ้าหน้าที่โดยคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ทหาร

ความพยายามอ้างผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่ามีการปะทะที่สวนลุมพินี 30 นาที ทั้งที่ทหารที่ปฏิบัติการบอกว่าไม่มี  แต่คอป.ยังเชื่อว่ามีการยิงมาจากสวนลุมพินี  และที่สุดก็ค้านกันเองว่ามีคนชุดดำยิงเข้าไปในสวนลุมพินี  ตกลงหมายความว่าชายชุดดำยิงกันเอง?

ประการที่สี่  ความเสียหายจากการก่อรัฐประหารและการที่ตุลาการรับเอาอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของคณะรัฐประหารนั้นให้น้ำหนักน้อยมาก  ทั้งที่นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุด  และเป็นปัญหาหลักในการทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย

ประการที่ห้า  การเน้นปัญหาตุลาการตัดสินผิดพลาดไม่ลงโทษ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ  ชินวัตร  โดยละเลยปัญหากระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยอมรับอำนาจรัฐประหาร  แสดงถึงอคติชัดเจนของประธานคอป.และประธานกรรมการค้นหาความจริงและรากเหง้าความขัดแย้ง  ซึ่งยังต่างกับส่วนที่ 3 ที่ยังเขียนได้ดี  แต่ส่วนที่ 2 ของประธานอนุกรรมการ นายสมชาย  หอมลออได้บดบังส่วนอื่นไปหมดสิ้น

ประการที่หก (สุดท้าย)  ในความเห็นฉบับนี้  สรุปรายงานฉบับนี้ได้แสดงออกถึงการบิดเบือนความจริงเพื่อนำไปสู่การแตกร้าวยิ่งขึ้นในสังคมไทยอย่างสมบูรณ์แบบ

อ.ธิดา  ถาวรเศรษฐ
ประธานนปช. (แดงทั้งแผ่นดิน)
21  กันยายน  2555

#10ปีพฤษภา53
#10ปีพฤษภา53ถามหาฆาตกร