วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2566

‘นายกรัฐมนตรี’ น้อมนำกระแสพระราชดำรัส เป็นแนวทางปฏิบัติราชการ รัฐบาลของประชาชน ขอมุ่งมั่นทำงานลืมความเหน็ดเหนื่อย

 


‘นายกรัฐมนตรี’ น้อมนำกระแสพระราชดำรัส เป็นแนวทางปฏิบัติราชการ รัฐบาลของประชาชน ขอมุ่งมั่นทำงานลืมความเหน็ดเหนื่อย


วันที่ 5 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ว่า สวัสดีครับพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่าน วันนี้ผมได้นำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระผมและคณะรัฐมนตรีจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป


ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน และทุกท่านในที่นี้ มาวันนี้ มาที่นี่มาเพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทุกคน รัฐบาลนี้เรามีความตั้งใจ ปัญหามีมากมาย เราจะทำงานอย่างลืมความเหน็ดเหนื่อย ทุกวัน ทุกนาที เราจะเอาความต้องการของพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง เริ่มจากในวันศุกร์นี้ (8 กันยายน) ผมจะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานีและหนองคาย เพื่อพูดคุยรับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชนทุกคน  สัปดาห์หน้า วันจันทร์ (11 กันยายน) เราจะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา  


รัฐบาลนี้เราจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพโปร่งใส ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน รัฐบาลจะสร้างโอกาสและความเท่าเทียมให้กับประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนในอนาคต


สำหรับการประชุม ครม. นัดพิเศษในวันพรุ่งนี้ จะพูดคุยเรื่องเดียว คือ การเตรียมตัวแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 


ส่วนนายกรัฐมนตรีจะนั่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ที่รัฐบาลชุดนี้ทุกคนให้ความสำคัญ แต่ขอไปพูดคุยภายในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองก่อน เพราะทุกคนน่าจะมีความคิดที่ดี และจะแจ้งให้ทราบ เช่นเดียวกับ การแบ่งงานด้านความมั่นคง ก็จะต้องจะพูดคุยกันก่อน เพราะบางคนพึ่งเจอกันครั้งแรก


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ยังล่าช้า กว่าจะออกได้จริงก็เดือนพ.ค.67 ว่า รัฐมนตรีทุกคนทราบถึงปัญหานี้ และคิดว่าคงมีไม่มีอุปสรรคอะไรในการบริหารราชการแผ่นดิน อะไรที่ทำได้ก่อนก็จะทำทันที


เมื่อถามว่าประเมินผลงาน ครม. กี่เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงแล้วแต่เรื่องบาง เพราะบางเรื่องอาจจะใช้เวลานาน และขอความเป็นธรรมให้กับรัฐมนตรีทุกคน แต่เชื่อว่าทุกคนเข้าใจในปัญหาของประชาชน ดังนั้น เรื่องการเร่งทำงาน เรื่องการทำงานจนลืมความเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่ประเด็น ขอโอกาสให้รัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานก่อน


ขณะที่นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะทำใน 100 วันแรกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองยังไม่เคยบอกว่า จะทำให้ 100 วัน แต่จะพยามทำให้เร็วที่สุดคิดว่าสามารถทำได้ในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า และยืนยันว่า จะจ่ายงวดเดียว


ส่วนการมีรัฐบาลหลายพรรคการเมืองมาร่วมตะมีความเป็นเอกภาพหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนเข้าใจ และตระหนักถึงปัญหาที่เผชิญกัน คงไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่จะเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ จะทำอย่างไรให้ต่างชาติหันกลับมาสนใจประเทศไทย ว่า ยังมีหลายเรื่องก็ต้องไปพูดคุยกัน แล้วแต่เรื่องที่จะไปเจอกับผู้นำในแต่ละประเทศ และอาจจะเจอนักธุรกิจด้วย แต่ขณะนี้เพิ่งเข้ามาทำงาน ขอเตรียมงานก่อน


ส่วนการทำประชามติ ให้มี สสร. แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอให้รอหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาก่อน เช่นเดียวกับการวางตัวรองนายกรัฐมนตรีที่จะดูแลด้านกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้วางตัวไว้แล้ว แต่ขอให้รอหลังแถลงรัฐบาลก่อน ทุกอย่างต้องพูดคุยกัน เพราะเป็นรัฐบาลของประชาชน เราตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องถามความคิดเห็นของรัฐมนตรีทุกท่าน


เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้คือรัฐบาลความหวังของประชาชนจะสามารถบอกได้หรือไม่ ว่าในระยะเวลาเท่าไหร่ที่ประชาชนจะมีเงินมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นคำถามที่เชื่อว่าประชาชนทุกคนก็อยากจะทราบ วันนี้ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่สำคัญที่สุดที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ทุกวัน มั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกคนจะทำงานอย่างหนัก พยายามเข็นนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน บางอย่างอาจทำได้เร็ว บางอย่างทำได้ช้า แต่จะไม่เอามาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำทั้งหมด


ส่วนการพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในวงรับประทานอาหารเที่ยงวานนี้ ที่ช่วงหนึ่งระบุว่า “งานไหนทำไม่ได้ ให้เปลี่ยนคน” นายเศรษฐา ชี้แจงว่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่หมายความว่า อะไรที่ทำได้ ทำไปก่อน อะไรที่ติดขัดอยู่บ้างก็ทำต่อไป แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ทำอะไรเลย


นายกรัฐมนตรี ยังยืนยัน ว่า ไม่มีช่วงฮันนีมูน เพราะตั้งแต่ฟอร์มรัฐบาล ก็ลงพื้นที่เก็บข้อมูล รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน แต่ยังไม่สามารถสั่งการได้ ต้องรอให้แถลงนโยบายรัฐบาลก่อนจึงจะสั่งการได้ และในวันศุกร์นี้จะลงพื้นทีาภาคอีสานเก็บข้อมูลอีก


ส่วนจะนอนทำเนียบรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ยิ้ม พร้อมระบุว่า ขอดูก่อน


เมื่อถามว่า หากจะให้นายกรัฐมนตรีพูดให้ดังที่สุดหนึ่งประโยคไปถึงประชาชนอยากพูดอะไรที่สุด นายกรัฐมนตรี นิ่งคิด ก่อนกล่าวว่า เป็นอะไรที่ยากถ้าให้พูดประโยคเดียว โดยขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลนี้ว่าพวกเรามีความตั้งใจจริง พวกเราตระหนักถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความแตกแยกทางความคิด รัฐบาลจะให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียม และพยายามเดินไปข้างหน้าจัดการกับปัญหานี้ให้เร็วที่สุด และมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ด้วยกันตรงนี้จะอบอุ่นตลอดไป เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐา #ครมเศรษฐา1