“ธัญวัจน์” หนุนภาคเอกชนยึดหลักปฏิบัติสากล UNGP ดำเนินธุรกิจตอบสนองความหลายหลาย-ความเสมอภาคทางเพศ
เชื่อช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลง คู่ขนาน “ก้าวไกล” ผลักดันกฎหมายในสภาฯ
วันที่
9 มิถุนายน 2567 ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมงาน LGBTQI+ BIZ 2024 เพื่อนำการพูดคุยประเด็นหลักปฏิบัติสากลภายใต้แนวคิดธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน หรือ UNGPs:
(United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights) ซึ่งมีการกำหนดหน้าที่ให้ภาครัฐมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนจากการถูกละเมิดโดยการประกอบธุรกิจ
และภาคธุรกิจมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการเคารพสิทธิมนุษยชน
ตลอดจนกำหนดให้มีการเยียวยาเมื่อเกิดความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดสิทธิของประชาชน
จัดโดย APCOM Foundation ณ โรงแรม อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์
สำหรับประเทศไทย
ได้ให้คำมั่นโดยสมัครใจเมื่อ 11 พฤษภาคม 2559 ในเวทีประชุมทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยตามกระบวนการ
UPR (Universal Periodic Review) ภายใต้สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ที่เสนอให้นำหลักการ UNGPs ไปปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
หรือ NAP (National Action Plan on Business and Human Rights) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการนำหลักการ UNGPs ไปปฏิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักในการสนับสนุนการดำเนินการของภาคธุรกิจให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากลฯ
ตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP) ซึ่งปัจจุบันเป็นความสมัครใจ มิได้มีกฏหมายกำหนด
ธัญวัจน์กล่าวว่า
จากประเด็นคำนำหน้านามของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในประเทศไทย
ที่ออกมาชี้แจงว่าการใช้คำนำหน้าว่า “คุณ”
ของดาราผู้หญิงข้ามเพศคนหนึ่งเป็นข้อผิดพลาด
จึงทำให้เกิดดราม่าในสื่อออนไลน์และข้อถกเถียงของสังคมต่างมุมต่างความคิด
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตนเห็นว่าบุคคลทั่วไปไม่สามารถเลือกคำนำหน้าได้เพราะต้องยึดตามเอกสารราชการหรือบัตรประชาชน
และทำให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ต้องการใช้คำนำหน้าตามเพศสภาพถูกเลือกปฏิบัติและไม่เป็นไปตาม
UNGPs ข้อ 5 ที่พูดถึงการลดทอนการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ
ที่ประเทศไทยได้ลงนามที่เจนีวาเมื่อปี 2552
แต่ในการปฏิบัติของภาคเอกชนนั้น
การไม่ระบุคำนำหน้าหรือให้เลือกคำนำหน้าตามเพศสภาพ ไม่ได้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
สามารถกระทำได้
มีส่วนเป็นการลดการตีตราการเลือกปฏิบัติทางเพศสภาพให้กับผู้มาใช้บริการของธนาคาร
และไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยเนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีระบบยืนยันตัวตนแบบชีวมิติ (Biometrics) อยู่แล้ว
ธัญวัจน์กล่าวต่อว่า
ขณะนี้ตนและพรรคก้าวไกลได้ยกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขคำนำหน้าและการระบุเพศ
เพื่อเตรียมยื่นเข้าสภาฯ อีกครั้งหลังถูกปัดตกเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในภาคธุรกิจหากปฏิบัติตามแนวทาง UNGPs ก็สามารถผลักดันความเปลี่ยนแปลงได้
จะเป็นอีกแรงสนับสนุนให้สภาฯ ผ่านกฎหมายดังกล่าวในอนาคตอันใกล้
ธัญวัจน์กล่าวด้วยว่า
ปัจจุบันประเทศไทยมีการก่อตั้ง “แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย”
ประกอบด้วยหน่วยงานเอกชนที่ทำงานด้านวิจัยและองค์กรภาคประชาสังคม
เพื่อร่วมสนับสนุนและผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยปฏิบัติตามมาตรฐาน Fair Finance Guide
International (FFGI) หรือ
“แนวปฏิบัติของแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมนานาชาติ”
อาทิ
สถาบันการเงินมีนโยบายไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติทางเพศทุกรูปแบบ (zero-tolerance policy)
ในกระบวนการจ้างงานและในการปฏิบัติงาน, มีนโยบายไม่ยอมรับความรุนแรงทางเพศทุกรูปแบบ
(zero-tolerance policy) ในที่ทำงาน ซึ่งรวมการคุกคามทางวาจา
ทางร่างกาย และทางเพศ, มีการจัดฝึกอบรมเรื่องอคติทางเพศและการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศในสถานที่ทำงาน,
รับประกันว่าผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ
จะสามารถเข้าถึงตำแหน่งคณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูง
ได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยมีการกำหนดเป็นสัดส่วนขั้นต่ำ เป็นต้น
ธัญวัจน์ทิ้งท้ายว่า
ทั้งนี้ ตนได้ทำงานในคณะทำงานธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Business and Human
Rights) ในคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ
กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร
หลังจากนี้จะดำเนินการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
(NAP) ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
กระทรวงยุติธรรมต่อไป
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #PrideMonth2024 #pridemonth #ก้าวไกล #สมรสเท่าเทียม