วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2567

เรื่องเล่าจากเรือนจำ โดยศูนย์ทนายฯ ขนุนในความเหงา ชีวิตเหมือนอยู่ในกล่อง ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกวัน จนตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมคือใครกันแน่

 


เรื่องเล่าจากเรือนจำ โดยศูนย์ทนายฯ ขนุนในความเหงา ชีวิตเหมือนอยู่ในกล่อง ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกวัน จนตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมคือใครกันแน่

 

วันนี้ (20 มิถุนายน 2567) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่าน X ถึงเรื่องราวของ ขนุน” สิรภพ พึ่งพุ่มพุทธ นักศึกษาที่กำลังต่อปริญญาโท วัย 23 ปี ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุกสองปี ในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัย ชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 โดยปัจจุบันเขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัวเป็นระยะเวลาร่วม 87 วันแล้ว

 

โดยมีใจความว่า ขนุนในความเหงา โดดเดี่ยว และการหลงลืมตัวเอง Have you heard about me

 

คืนก่อนผมฝันว่าตัวเองได้ประกันตัว ผมเดินออกจากเรือนจำไปกอดแม่ และแฟน แล้วเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน ผมได้ทำกับข้าวกับแฟน แล้วนั่งดูทีวีด้วยกัน ฝันคืนนั้นเหมือนจริงมากซะจนผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน

 

แต่พอผมตื่นขึ้นมา ที่บนฝ้าเพดานต่ำข้างบนในห้องขัง ทำให้ผมพบความจริงว่า ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่

 

คืนก่อนผมฝันว่าตัวเองได้ประกันตัว ผมเดินออกจากเรือนจำไปกอดแม่ และแฟน แล้วเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน ผมได้ทำกับข้าวกับแฟน แล้วนั่งดูทีวีด้วยกัน ฝันคืนนั้นเหมือนจริงมากซะจนผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน

 

แต่พอผมตื่นขึ้นมา ที่บนฝ้าเพดานต่ำข้างบนในห้องขัง ทำให้ผมพบความจริงว่า ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่

 

ในทุกวันนี้ ชีวิตของผมเหมือนติดอยู่ในกล่อง จำนวนวันเดือนปีไม่มีความหมายสำหรับผมข้างในนี้ เพราะในทุก ๆ วันพุธ ผมจะรอแค่ญาติมาเยี่ยม และในทุก ๆ วันเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ผมจะรอจดหมายจากใครสักคนส่งเข้ามาหาผม

 

ชีวิตของผมเหมือนติดอยู่ในกล่อง ไปทางไหนก็เจอแต่กรอบ ผมทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ในทุกวัน จนผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมคือใครกันแน่ และคำตอบของทุกวันก็ค่อย ๆ สั้นลงทุกที กลายเป็นว่า ผมกลัววันที่ตัวเองจะได้รับอิสรภาพเข้าแล้วจริง ๆ ว่าตัวเองจะสามารถเป็นคนเดิมได้อยู่ไหม

 

ทุกวันเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง คงดีถ้ามีคนเขียนจดหมายมาหาผมเยอะกว่านี้ ข้างในนี้ผมช่างโดดเดี่ยว เหงาเกินกว่าจะบรรยาย สิ่งที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือครอบครัว และคนรักของผมที่มาเยี่ยมผมในทุกวัน ส่วนเวลาที่เหลือผมแค่พยายามหายใจให้หนึ่งวันมาจบ ๆ ไป

 

ตั้งแต่อยู่ในนี้มาร่วมหลายเดือน หน้ากระดาษจดหมายคงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะเล่าทุกเรื่องให้ฟังได้ ความสุขที่เกิดขึ้นในคุกนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่สิ่งที่แน่แท้คือในที่แห่งนี้คือโลกที่ทุกคนต้องเอาชีวิตรอด

 

ในทุกวัน ผมพยายามปรับตัว อดทนกับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ สัญญากับตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดออกไป ทุก ๆ วันผมจะแอบไปนั่งคนเดียว ในเรือนจำของผมมีท้องฟ้า นก ผีเสื้อ ก้อนเมฆ และเครื่องบิน ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นภาพเดียวกันกับที่ทุกคนเห็นข้างนอกนั่น และมันก็ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อได้ เพราะนี่เป็นอิสรภาพเดียวที่ผมจะเห็นได้เหมือนกันกับคนข้างนอก

 

ผมคือขนุน เด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ทั้งเรียนไม่เก่ง เกเร และขี้เกียจเกินใคร ชีวิตผมไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไร ผมไม่เคยรู้จักคำว่าการเมือง จนกระทั่งโลกการศึกษาของผมนำพาให้ผมรู้จักกับคณะรัฐศาสตร์ ผมคงโชคดีที่คนรอบตัวผมไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนโง่ ความเป็นกันเองของเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ผมรู้จัก ทำให้ผมอยากเป็นคนที่เก่งขึ้น ดีขึ้น ผมอยากเข้าใจ จึงอ่าน ฟัง และเข้าร่วม จนเป็นขนุนในทุกวันนี้

 

เพราะผมคือขนุน ผมไม่อยากหลงลืมตัวเอง

 

มองความหวังที่แสนจะสว่างเสียจนตาจะบอด

การมีอยู่ของเราทุกวันนี้ที่อยากเล่าคือ ผมเริ่มไม่อยากใส่แว่นแล้ว

 

ผมไม่อยากเห็นอะไรไปมากกว่านี้ ผมเริ่มไม่อยากนอนเพราะเมื่อไรที่หลับตาลง ผมจะฝันถึงอิสรภาพที่ไม่มีจริง ผมไม่อยากขยับไปไหนเพราะจะได้ไม่มีเรื่องมีราวกับใครเพิ่ม ผมเริ่มไม่อยากกินเพราะจของการมีชีวิตของผมยังเลือนราง

 

แต่ผมก็ขอบคุณความพยายามของทุกคน ทุกวันนี้ผมได้แต่จ้องมองความหวังที่แสนจะสว่าง เสียจนตาผมจะบอด เพราะได้แต่มองมัน แต่ไม่เคยเอื้อมไปถึง หรือสัมผัสมันได้เลย

 

มีบางคนเริ่มได้ออกไปแล้ว ผมเริ่มอิจฉาทุกคนที่ได้กลับไปมีชีวิต ได้อยู่กับคนที่รัก ได้มีอิสรภาพ แต่ตัวผมยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ และกำลังจมดิ่งลงไปทุกวัน ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ผมขอได้เป็นคนธรรมดาเหมือนเดิม ผมจะอยู่อย่างสงบในโลกที่แสนโหดร้ายแห่งนี้

 

ฝันร้ายของผมยังไม่จบ

ผมอยากให้ฝันร้ายนี้จบลงได้แล้ว

 

3 ปีก่อนเข้ามาข้างในนี้ ผมพยายามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหลายเรื่อง ปัจจัยสำคัญก็มาจากครอบครัวและคนรัก ผมอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ร่วมกับคนรักให้ได้มากที่สุด การที่ผมต้องมาติดอยู่ในคุกแบบนี้มีแต่จะทำให้ทุกอย่างพังลง ถ้าให้พูดอย่างรวบรัด ผมไม่ไหวอีกแล้ว

 

ผมกลัว กลัวความเหงา ความโดดเดี่ยว หรือแม้แต่การหลงลืมตัวตนของตัวเอง ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ในที่แห่งนี้ที่ผมอยู่ ไม่ใช่ทั้งบ้านที่อบอุ่น ไม่ใช่ห้องเรียนที่น่าค้นหา แต่คือดินแดนของศูนย์รวมทุกอย่างที่คนข้างนอกเกินจะจินตนาการถึงได้

 

เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่ผมอยากจะกล่าวโทษใคร แต่ผมอยากให้ทุกคนหันกลับมามองพวกเรา อย่าลืมการมีอยู่ของพวกเรา ในที่นี้เราเป็นเพียงแค่วัยรุ่นที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ และมันไม่ใช่แค่พวกเราที่จะเข้ามาข้างในนี้ จะมีเพื่อนของเราอีกจำนวนมากที่จะมาอยู่ในนี้ ถ้าสังคมยังไม่ทำอะไร

 

ทุกวัน ทุกชั่วโมงที่ค่อย ๆ หมดไปส่งผลต่อพวกเราในวันข้างหน้า ผมได้แต่ตั้งคำถามว่า ในวันที่อิสรภาพเดินทางมาอย่างเชื่องช้าแบบนี้ ตัวเองจะเหลือเพียงตัวตนอันเปลือยเปล่า ไร้ซึ่งจิตวิญญาณและชีวิตเป็นแน่แท้ สิ่งเดียวที่จะเยียวยาผมได้ในตอนนี้คืออิสรภาพ

 

ถึงทุกคน สิ่งที่ควรทำมากที่สุดตอนนี้ คือการพาพวกเราออกไป ผู้ต้องขังทางการเมืองมีชีวิต จิตใจ และร่างกายที่ไม่ต่างจากผม พวกเราไม่มีใครอยากถูกทอดทิ้งเพียงลำพัง เราต้องการเพียงแค่ขอชีวิตเราคืน ขอทุกคนช่วยผมหยุดฝันร้ายนี้ด้วย

 

สำหรับ "ขนุน-สิรภพ" นั้นได้มีการยื่นขอประกันตัว 4 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการพิจาณาปล่อยตัว ซึ่งการไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ส่งผลให้ นายสิรภพ ขาดโอกาสในการศึกษาต่อ ในระดับปริญญาโท ที่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

 

ทำให้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ได้มีการยื่นประกัน "ขนุน" อีกครั้ง ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง นำโดย ศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ รศ.ดร.สามชาย ศรีสันต์ อาจารย์สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร ม.ธรรมศาสตร์ เดินทางไปยื่นขอประกันตัว นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือ ขนุน กลุ่ม ‘มศว คนรุ่นเปลี่ยน’ ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 2 ปี จากกรณีปราศรัยในการชุมนุม 18 พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2563

 

โดยศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ กล่าวว่า ตนได้ยื่นขอการปล่อยตัวชั่วคราวให้กับ นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือขนุน และนักศึกษาจำนวน 12 คน โดยมากับอาจารย์สามชาย มาใช้ตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยในการขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่ผ่านมามีการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ละครั้งก็จะบอกว่า ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง

 

มาครั้งนี้ ถ้าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง เลยจะอาศัยตำแหน่งของพวกเราในการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งการใช้ตำแหน่งในการขอปล่อยตัวชั่วคราวมีความสำคัญ เพราะมันจะเกี่ยวโยงกับอาชีพการงาน และความมั่นคงในการประกอบอาชีพ ผู้ที่อาสาใช้ตำแหน่งตัวเองในการขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหา จะต้องมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นในความสุจริต เชื่อมั่นในความถูกต้องของบุคคลที่จะใช้ตำแหน่งตัวเอง ความเจริญก้าวหน้า ความมั่นคงชีวิต ในการเดิมพัน” ศ.ดร.อนุสรณ์กล่าว

 

โดยการยื่นประกันครั้งที่ 5 ขณะนี้รอคำสั่งประกันจากศาลอุทธรณ์

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112 #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน