CAR
MOB! #ม็อบ8ธันวา64 กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ
"ส่งเสียงถึงศาล สื่อสารถึงเพื่อน" เรียกร้องคืนสิทธิการประกันตัว
วันนี้
(8 ธ.ค. 64) ที่ บริเวณประตู 8 ด้านหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กลุ่มทะลุฟ้า และประชาชนจำนวนหนึ่ง
ได้นัดหมายรวมตัวกันจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ "ส่งเสียงถึงศาล
สื่อสารถึงเพื่อน" ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากวานนี้
(7 ธ.ค.) คณะรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 (ครย.112) ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวคัดค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
พร้อมเดินหน้ารวบรวมรายชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112
เรียกร้องตุลาการปล่อยตัวนักโทษการเมือง พร้อมประกาศทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
โดยมี
พ.ต.อ. ภาณุเดช สุขวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2
ได้เข้าเจรจากับทางกลุ่มผู้จัดกิจกรรมให้เคลื่อนขบวนตามเส้นทางที่กำหนด
โดยตั้งขบวนเป็นสองแนวและให้ชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรและประชาชนผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจร
โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล
2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลอาญา รวม 30 นาย คอยดูแลด้านความสงบเรียบร้อย
ซึ่งก่อนการเคลื่อนขบวน
ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้าจะมีการส่งหนังสือถึงศาล
แต่ไม่มีเจ้าหน้าศาลคนใดออกมารับหนังสือ จึงทำการอ่านจดหมายที่ด้านนอกศาลและให้สื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน
ความว่า
เมื่อไหร่ท่านจะทำตัวเป็นศาลที่น่าเคารพ?
รัฐธรรมนูญฉบับปี
40
ที่เรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดนั้นได้กำหนดให้มีการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อรักษาหลักกฎหมายในประเทศ
ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยลอกแบบมาจากเยอรมัน
ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีที่ประเทศไทยไปลอกมานั้นทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิมนุษยชนอย่างแข็งขัน
คอยปกป้องประชาชนจากการใช้อำนาจของรัฐ
ล่าสุดได้มีคำวินิจฉัยว่าการปกป้องสภาพอากาศนั้นเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนเพื่อให้ประชาชนที่ออกมาประท้วงเพื่อให้รัฐเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทำงานได้ง่ายขึ้น
ตรงข้ามกับศาลรัฐธรรมนูญไทยที่ทำหน้าที่สร้างความขัดแย้งให้สังคมไทยด้วยการทำตัวเป็นไม้หลักปักขี้เลน
ทำคำวินิจฉัยโดยไม่สนใจหลักกฎหมายใด ๆ
จนมีคำกล่าวที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญเอาแต่ยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่กลับเงียบเป็นเป่าสาก
ไม่มีน้ำยาเมื่อเขาทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ
ผลงานชิ้นโบแดงครั้งแรกของตุลาการพวกนี้คือการวินิจฉัยให้การเลือกตั้งในวันที่
2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ
เป็นต้นเหตุทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองจนทหารเข้ามาทำรัฐประหารซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายของบ้านเมืองจนถึงทุกวันนี้
หลังจากทำให้ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการอำนาจนิยมได้แล้ว
คำวินิจฉัยต่อมาที่สร้างความสงสัยให้กับสังคมคือการวินิจฉัยว่านายสมัครสิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไปที่แม้กระทั่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก็ออกมาพูดเองว่าเป็นการทำคำวินิจฉัยที่ผิดพลาด
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงต้นปี
2663
มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยมุมมองที่บิดเบี้ยวของศาลรัฐธรรมนูญที่มองว่าพรรคอนาคตใหม่นั้นเป็นองค์กรของรัฐ
และใช้วิธีมององค์กรของรัฐมาเพื่อตัดสินว่าพรรคทำสิ่งที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ
คำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่นี้เองที่เป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งอย่างไม่มีวันหวนกลับในสังคมไทยอีกครั้ง
เพราะหลังจากคำวินิจฉัยดังกล่าว
การชุมนุมต่อต้านเริ่มมีขึ้นอีกครั้งหลังจากการเข้ามาของ คสช
เมื่อเดือนที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำวินิจฉัยอีกว่าการชุมนุมที่สนามหลวงในวันที่
19 กันยายนนั้นเป็นการล้มล้างการปกครอง
ซึ่งอาจส่งผลให้แกนนำในวันนั้นถูกฟ้องคดีอาญาฐานล้มล้างการปกครองต่อไปอีก
ไม่เพียงเท่านั้น
จากเรื่องสมรสเท่าเทียม
ศาลรัฐธรรมนูญยังทำคำวินิจฉัยเฮงซวยออกมาโดยการอธิบายว่าการสมรสของผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นขัดกับธรรมชาติ
และกล่าวหาว่าพวกเขาจะเป็นภาระของรัฐ
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันหมดว่าตั้งแต่มีศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นมา
องค์กรนี้ไม่เคยทำหน้าที่เป็นคนกลาง
ยึดหลักกฎหมายเพื่ออำนวยความเป็นธรรมให้ประชาชน
นอกจากจะไม่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีแล้ว
ยังดูเหมือนกับว่าศาลรัฐธรรมนูญเอาแต่ใช้ศัพท์แสงยาก ๆ
มาสน้างความชอบธรรมให้เผด็จการประยุทธ์และทอดทิ้งประชาชนไว้ข้างหลังอย่างไรเยื่อใย
เมื่ออ่านจดหมายจบ
จึงให้สัญญาณการเคลื่อนขบวนโดยใช้รถจักรยานยนต์นำธงสีแดงผืนใหญ่เป็นสัญลักษณ์นำขบวน
ออกจากศาลอาญา รัชดา เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายตรงแยกเกษตร มุ่งหน้าถนนงามวงศ์วาน
สู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
#ม็อบ8ธันวา64
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์