วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564

CAR MOB! #ม็อบ8ธันวา64 กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ "ส่งเสียงถึงศาล สื่อสารถึงเพื่อน" เรียกร้องคืนสิทธิการประกันตัว

 


CAR MOB! #ม็อบ8ธันวา64  กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ "ส่งเสียงถึงศาล สื่อสารถึงเพื่อน" เรียกร้องคืนสิทธิการประกันตัว

 

วันนี้ (8 ธ.ค. 64) ที่ บริเวณประตู 8 ด้านหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กลุ่มทะลุฟ้า และประชาชนจำนวนหนึ่ง ได้นัดหมายรวมตัวกันจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ "ส่งเสียงถึงศาล สื่อสารถึงเพื่อน" ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากวานนี้ (7 ธ.ค.) คณะรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 (ครย.112) ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวคัดค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมเดินหน้ารวบรวมรายชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 เรียกร้องตุลาการปล่อยตัวนักโทษการเมือง พร้อมประกาศทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

 

โดยมี พ.ต.อ. ภาณุเดช สุขวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้เข้าเจรจากับทางกลุ่มผู้จัดกิจกรรมให้เคลื่อนขบวนตามเส้นทางที่กำหนด โดยตั้งขบวนเป็นสองแนวและให้ชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรและประชาชนผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลอาญา รวม 30 นาย คอยดูแลด้านความสงบเรียบร้อย

 

ซึ่งก่อนการเคลื่อนขบวน ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้าจะมีการส่งหนังสือถึงศาล แต่ไม่มีเจ้าหน้าศาลคนใดออกมารับหนังสือ จึงทำการอ่านจดหมายที่ด้านนอกศาลและให้สื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน ความว่า

 

เมื่อไหร่ท่านจะทำตัวเป็นศาลที่น่าเคารพ?

 

รัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ที่เรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดนั้นได้กำหนดให้มีการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อรักษาหลักกฎหมายในประเทศ ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยลอกแบบมาจากเยอรมัน

 

ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีที่ประเทศไทยไปลอกมานั้นทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิมนุษยชนอย่างแข็งขัน คอยปกป้องประชาชนจากการใช้อำนาจของรัฐ ล่าสุดได้มีคำวินิจฉัยว่าการปกป้องสภาพอากาศนั้นเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนเพื่อให้ประชาชนที่ออกมาประท้วงเพื่อให้รัฐเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทำงานได้ง่ายขึ้น

 

ตรงข้ามกับศาลรัฐธรรมนูญไทยที่ทำหน้าที่สร้างความขัดแย้งให้สังคมไทยด้วยการทำตัวเป็นไม้หลักปักขี้เลน ทำคำวินิจฉัยโดยไม่สนใจหลักกฎหมายใด ๆ จนมีคำกล่าวที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญเอาแต่ยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่กลับเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีน้ำยาเมื่อเขาทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ

 

ผลงานชิ้นโบแดงครั้งแรกของตุลาการพวกนี้คือการวินิจฉัยให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ เป็นต้นเหตุทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองจนทหารเข้ามาทำรัฐประหารซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายของบ้านเมืองจนถึงทุกวันนี้

 

หลังจากทำให้ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการอำนาจนิยมได้แล้ว คำวินิจฉัยต่อมาที่สร้างความสงสัยให้กับสังคมคือการวินิจฉัยว่านายสมัครสิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไปที่แม้กระทั่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก็ออกมาพูดเองว่าเป็นการทำคำวินิจฉัยที่ผิดพลาด

 

ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงต้นปี 2663 มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยมุมมองที่บิดเบี้ยวของศาลรัฐธรรมนูญที่มองว่าพรรคอนาคตใหม่นั้นเป็นองค์กรของรัฐ และใช้วิธีมององค์กรของรัฐมาเพื่อตัดสินว่าพรรคทำสิ่งที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ

 

คำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่นี้เองที่เป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งอย่างไม่มีวันหวนกลับในสังคมไทยอีกครั้ง เพราะหลังจากคำวินิจฉัยดังกล่าว การชุมนุมต่อต้านเริ่มมีขึ้นอีกครั้งหลังจากการเข้ามาของ คสช

 

เมื่อเดือนที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำวินิจฉัยอีกว่าการชุมนุมที่สนามหลวงในวันที่ 19 กันยายนนั้นเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งอาจส่งผลให้แกนนำในวันนั้นถูกฟ้องคดีอาญาฐานล้มล้างการปกครองต่อไปอีก

 

ไม่เพียงเท่านั้น จากเรื่องสมรสเท่าเทียม ศาลรัฐธรรมนูญยังทำคำวินิจฉัยเฮงซวยออกมาโดยการอธิบายว่าการสมรสของผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นขัดกับธรรมชาติ และกล่าวหาว่าพวกเขาจะเป็นภาระของรัฐ

 

ทุกคนเห็นพ้องต้องกันหมดว่าตั้งแต่มีศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นมา องค์กรนี้ไม่เคยทำหน้าที่เป็นคนกลาง ยึดหลักกฎหมายเพื่ออำนวยความเป็นธรรมให้ประชาชน

 

นอกจากจะไม่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีแล้ว ยังดูเหมือนกับว่าศาลรัฐธรรมนูญเอาแต่ใช้ศัพท์แสงยาก ๆ มาสน้างความชอบธรรมให้เผด็จการประยุทธ์และทอดทิ้งประชาชนไว้ข้างหลังอย่างไรเยื่อใย

 

เมื่ออ่านจดหมายจบ จึงให้สัญญาณการเคลื่อนขบวนโดยใช้รถจักรยานยนต์นำธงสีแดงผืนใหญ่เป็นสัญลักษณ์นำขบวน ออกจากศาลอาญา รัชดา เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายตรงแยกเกษตร มุ่งหน้าถนนงามวงศ์วาน สู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

 

#ม็อบ8ธันวา64

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์