“แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ - วีโว่” บุกสภายื่นหนังสือถึงกมธ.พัฒนาการเมือง
ตรวจสอบจนท.ตร.ใช้กำลังและความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมเมื่อ 14 พ.ย. 64 หน้านิติเวช
รพ.ตำรวจ
วันนี้
(1 ธ.ค. 64) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายวชิรกรณ์ วิภาศรีนิมิต
ตัวแทนจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายรัฐภูมิ เลิศไพจิตร โฆษกกลุ่ม We Volunteer และนายเสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์
ยื่นหนังสือและหลักฐานกรณีปราบปรามการชุมนุมเมื่อวันที่ 14
พฤศจิกายน บริเวณหน้าสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ต่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา
ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง
การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร
เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายวชิรกรณ์
กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา
กรณีมีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้าสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ
มีผู้ชุมนุมถูกยิงโดยกระสุนปืนไม่ทราบชนิด เป็นการยิงที่สร้างความเสียหายรุนแรง
ปกติหากยิงด้วยกระสุนยางจะเกิดเพียงแผลฟกซ้ำ
แต่กรณีที่เกิดขึ้นกระสุนยางเจาะทะลุผิวหนังเข้าไปฝังอยู่ในผิวหนังของผู้ชุมนุม
เป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการดัดแปลงอาวุธปืนให้มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะเห็นได้จากภาพว่าอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่มีสะเก็ดไฟออกมามากกว่าปกติ
ด้านนายรัฐภูมิ
กล่าวว่า กลุ่มแนวร่วม มธ.และกลุ่มวีโว่จึงอยากให้
กมธ.ตรวจสอบว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
ได้ดัดแปลงอาวุธหรือดัดแปลงหัวกระสุนให้มีความรุนแรงขึ้นหรือไม่
ความจริงในวันนั้นเจ้าหน้าที่มีเวลาและสามารถเจรจากับผู้ชุมนุมได้
เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่รพ.ตำรวจไม่เจรจากับเรา
ทำไมถึงเลือกใช้กำลัง และจากกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
แถลงการณ์ว่าจุดดังกล่าวมีเสียงดังจากการจุดประทัดขึ้นมาก่อนนั้น
คิดว่าต้องมาดูข้อเท็จจริงกันอีกครั้งหนึ่ง
คือข้อเท็จจริงของเขากับข้อเท็จจริงของเรา เชื่อว่าประชาชนสามารถดูได้ว่าข้อเท็จจริงของใครน่าเชื่อถือกว่ากัน
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า
กรณีแรกที่ กมธ.พัฒนาการเมือง ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ คือ
การชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่มีการยิงเยาวชนที่หน้า สน.ดินแดง
ซึ่งเรารวบรวมหลักฐานได้ใช้กล้องวงจรปิดกว่า 54 ตัวและพยานแวดล้อม
และเห็นว่าหลักฐานที่คณะกรรมการตรวจสอบได้กับหลักฐานของเจ้าหน้าที่รัฐมีความแตกต่างกันพอสมควร
ซึ่งความรับผิดชอบจากกรณีดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น และเยาวชนก็เสียชีวิตไปแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อมีการสลายการชุมนุมจะมีข้อมูล 2 ชุด คือ
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐและข้อมูลจากผู้ชุมนุม
คณะกรรมการก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยหลักฐานทั้งหมด
ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจบริสุทธิ์ใจต้องเอาหลักฐานของตัวเองมาแสดงด้วย
ที่ผ่านมาเราได้รับความร่วมมือน้อยมาก และมีการอ้างอยู่เสมอว่าปฏิบัติตามหลักสากล
โดยวันนี้เราได้เชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน
(คฝ.) มาชี้แจงต่อกมธ. ซึ่งเราพยายามที่จะพูดคุยว่าแนวทางควรจะเป็นอย่างไร
แต่ได้รับความร่วมมือน้อยมาก เช่น กรณีที่มีการจับกุมนักข่าวเมื่อปีที่แล้ว
กว่าที่จะเชิญมาได้ต้องใช้เวลาถึง 6 ครั้ง
นายปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า
อย่างไรก็ตาม เราจะเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาความรับผิดชอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลตำรวจอยู่ ขณะเดียวกัน ถ้าการชุมนุมโดยสันติ
การนำเสนอข่าวอย่างเสรียังเป็นไปไม่ได้
เราก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในการโดนคุกคามทั้งคดีความที่เกิดขึ้นกับพรรคการเมือง
สื่อมวลที่โดนลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม
ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างมาก ซึ่งนอกจาก
กมธ.พัฒนาการเมืองจะดำเนินการตรวจสอบกรณีนี้แล้ว
พรรคก้าวไกลก็จะดำเนินการในสภาด้วยที่จะทำให้พื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยกันสามารถเป็นไปได้
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์