ครย. โดยกลุ่ม 24มิถุนาประชาธิปไตย
ร่วมกับ องค์กรนิสิต ม.เกษตร ร้องขอยูเอ็นออกมาตรการแซงชั่นประเทศไทย เหตุรัฐบาล
"ประยุทธ์" ก่ออาชญากรรมต่อคนไทยเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
ด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เป็นเวลากว่า 8 ปี
วันที่ 10 ธ.ค. เวลา 11.00 น. ที่หน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ
ประจำประเทศไทย คณะรณรงค์ยกเลิกมาตรา
112 (ครย.) โดยกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี
โดย นายเจษฎา ศรีปลั่ง
ร่วมกับองค์การบริหารองค์กรนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำโดย
นายเพลง ทัพมาลัย
นายกองค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันสิทธิมนุษยชนโลก
มายื่นหนังสือกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก่ออาชญากรรมต่อคนไทยเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
ด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ตลอด 7 ปีที่บริหารประเทศ
มีการใช้ความรุนแรงทางการเมืองกระทำต่อประชาชนอย่างโหดเหี้ยม อาทิ การจับกุมคุมขัง
การปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบ
การใช้กฎหมายในการปิดกั้นความจริงและใช้ทหาร ตำรวจ
ตุลาการจับกุมคูมขังประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นทางการเมิองโดยสงบ ให้เกิดความทุกข์ทรมาน
ก่อผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง
อาทิ
การใช้กำลังดำรวจและอาวุธเข้าสลายการชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมและดำเนินคดีชาวบ้านจาก
อ.จะนะ จ.สงขลา เดินทางมาติดตามสัญญาที่รัฐบาลจะหยุดการสร้างนิคมอุดสาหกรรม
เพื่อศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้าน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบของแกนนำกลุ่มราษฎร
เป็น ล้างการปกครองที่มีโทษประหารชีวิต
และคุกคามสื่อมวลชนไม่ให้มีการนำเสนอข่าวเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
ต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ผ่านเจ้าหน้าที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย โดยมีตัวแทนของกลุ่ม
3 คนนำหนังสือเข้าไปยื่น
นอกจากนี้
กลุ่มผู้ชุมนุมยังเรียกร้องให้องค์การสหประชาติและนานาชาติ กดต้นรัฐบาลประยุทธ์
ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้วยการลดระดับความน่าเชื่อถือด้านสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมทั้งงดเว้นการเชิญตัวแทนรัฐบาลไทยในการประชุมนานาชาติ
งดเว้นการประชุมความร่วมมือนานาชาติในทุกด้าน
งดเว้นการซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์และเครื่องมือสลายการชุมนุมของรัฐบาลไทย
งดเว้นความร่วมมือระหว่างประเทศในกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ
เพื่อให้รัฐบาลไทยหยุดการคุกคาม ปราบปรามประชาชน ปล่อยตัวนักโทษการเมือง
แก้ไขกฎหมายให้ยกเลิกมาตรา 112
หยุดการคุกคามเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและหยุดการใช้กฎหมายที่เป็นการคุกคามเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ
ผู้ร่วมกิจกรรมมีการชูป้ายข้อความเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่าง
ๆ อาทิ “ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าไม่ผิด จะปฏิบัติเสมือนผู้ทำผิดไม่ได้
Innocent until proven
guilty”, “เสรีภาพในการแสดงออก
Freedom of Expression เป็นสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ”,
“#112 มรดก 6ตุลา #ยกเลิก112”,
“#savechana”, “วันสิทธิมนุษยชนสากล
Human
Right Day 2021 เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์” เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยเล็ก
ๆ อาทิ น.ส.สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหาย
ด้าน น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้ พะเยา พูดถึง “เฮียซ้ง” ที่เป็นนักโทษทางการเมืองถูกคุมขังด้วยคดีชิงตัวผู้ต้องหาและต้องป่วยโควิดแทบปางตายในเรือนจำ
แม้ต่อมาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก็ยังต้องรักษาตัวต่ออีก 4-5เดือน จากนั้นตัวแทนนักศึกษาได้กล่าวถึงกฎหมายอาญา
มาตรา 112 ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือปราบปรามเยาวชนและประชาชนที่ออกมาเรียกร้องในปัจจุบันนี้
ต่อด้วยการอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ
ปิดท้ายด้วยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้กล่าวว่าวันนี้เป็นวันสิทธิมนุษยชนโลกและวันรัฐธรรมนูญด้วย
วันนี้มาเพื่อต้องการให้ประชาคมโลกรับรู้ถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศที่มีความร้ายแรงและรุนแรงภายใต้การบริหารงานของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งนายสมยศได้กล่าวถึงผู้เห็นต่างทางการเมืองที่สูญหายรวมถึงศพที่พบ
แต่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจในการหาความจริงของการสูญหาย รวมทั้งการจับกุมคุมขังและไม่ให้ประกันตัวเยาวชนผู้เห็นต่างทางการเมืองเป็นจำนวนมาก
กิจกรรมต่อมามีการจุดเทียนเป็นเลข 10
หมายถึงวันที่ 10 ธ.ค. วันสิทธิมนุษยชนโลก และตัวแทน 3 คน
ได้นำข้อเรียกร้องเข้าไปยื่นต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ผ่านเจ้าหน้าที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เป็นอันจบกิจกรรมวันนี้
#วันสิทธิมนุษยชนโลก
