แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.74
ตอน : ฤาว่าประเทศเราเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์
ในขณะนี้ดิฉันค่อนข้างที่จะตกผลึกความคิดอย่างหนึ่ง
ซึ่งจะมาเป็นหัวข้อในคำพูดในวันนี้ เพราะว่ารอบที่แล้วเราได้อธิบายว่าบรรดากลุ่มเยาวชนจากในสถานะจำเลยก็ได้พลิกกลับมาเป็นโจทก์
เพื่อที่จะฟ้องร้องต่อสังคมไทยและสังคมโลกว่า
เขาเป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
เขาไม่ใช่เป็นผู้ทำลาย แต่ว่าปัจจุบันเขาเปลี่ยนก็คือแทนที่จะเป็นจำเลย
เพราะฉะนั้นเขาจะเป็นโจทก์กล่าวคือเขาต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เขาไม่ได้เป็นผู้ทำลาย ตรงข้าม
เขากลับเป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายอย่าง :-
ประการแรก
จากการที่ถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่รัฐบาลนี้ออกแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี 19 พฤศจิกายน 2563 ก็มีคดีความในการจับกุมเยาวชนเกิดขึ้นมากมาย
อันนี้ต้องถือว่าเป็นวิกฤตหนึ่งที่กระทำต่อกลุ่มเยาวชนและผู้ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและรวมทั้งประเด็นปฏิรูปสถาบันฯ
ด้วย เป็นการกระทำอย่างหนักหน่วง คนถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก
ท้ายสุดเขาจึงมีคำขวัญว่าเขาต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
จากการถูกจับกุมคุมขัง จากคำแถลงการณ์ว่าจะจัดการโดยใช้กฎหมายทุกมาตรา
จากการเคยพักคดี 112 แล้วตอนนี้แต่ละคนโดน 20 กว่าคดี 10 คดี 9 คดี ล่าสุด “รุ้ง”
ก็ถูกถอนประกัน ซึ่งดิฉันมองแล้วว่าคงยาก
เพราะว่าบุคคลเหล่านี้ก็เรียกว่ามีคดีความ โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำมีคดีความอยู่มากมาย
โดยเฉพาะมาตรา 112, มาตรา 116 คนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 อย่างน้อย 156 คน ใน 162
คดี อันนี้จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
การนำมาตรา
112 กลับมาใช้ครั้งใหม่ที่เราพูดไปแล้ว ปรากฏว่าถูกดำเนินคดีกันเป็นจำนวนมาก
อย่างคุณพริษฐ์ ชิวารักษ์ 22 คดี คือ “เพนกวิน” อย่างที่บอก 22 คดี
ถ้าสมมุติว่าเจอขั้นต่ำของมาตรา 112 เอา 3 ปี คูณเข้าไปก็คือ 66 ปี เป็นอย่างต่ำ
นี่ยกตัวอย่าง อานนท์ นำภา 14 คดี, รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 9 คดี, ภาณุพงศ์
จาดนอก 9 คดี, เบนจา อะปัญ 6 คดี ยังมีอีกมากมาย ขนาด มายด์ ภัสราวลี
ธนกิจวิบูลย์ผล ก็เจอ 3 คดี นี่เป็นตัวอย่างของคนที่ถูกมาตรา 112
ดังที่ได้บอกแล้วว่าสถานการณ์
ประการแรกมีการจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมากอย่างหนักหน่วง และใช้การปราบปรามรุนแรง
ประการที่สองก็คือ
ปัญหาศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งสร้างความตกอกตกใจตื่นตระหนก
แล้วก็ถูกตีความว่าประเทศไทยมีระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มายาวนาน แล้วอ้างไปตั้งแต่สมัยสุโขทัยดังนั้น
ดิฉันก็คิดว่าวันนี้ที่ดิฉันจะพูดก็คือ
“ฤาว่าประเทศเราเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์”
คือที่เราพูดอย่างนี้เพราะขณะนี้คำขวัญของกลุ่มเยาวชนในการต่อสู้เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ก็คือ ต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ดิฉันก็นั่งพิจารณา แน่นอน
พล.อ.ประยุทธ์วัดรอยเท้าจอมพลสฤษดิ์มาเยอะมาก
ตั้งแต่ให้ทหารปลูกผักชีล่าสุดหรือว่าขนส่ง
ยุคจอมพลสฤษดิ์ก็ให้ทหารไปจับปลาทูมาขาย คือเป็นวิธีคิดแบบทหารเป็นใหญ่
ทหารแก้ปัญหาทุกอย่าง อำนาจทั้งหมดอยู่ในมือทหาร เวลามีปัญหาก็ต้องเอาทหาร
มันไม่ใช่ทหารนำการเมืองอย่างเดียว นำเอาทหารมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วย
ถามว่าแล้วมันใช่เหรอ? เอาการทหารมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เอาการทหารมาแก้ปัญหาการเมือง
เอาการทหารมาแก้ปัญหาสังคมและความยุติธรรม ถามว่าได้เหรอ? แต่ประเทศไทยเป็นไปแล้ว
ดังนั้น
ฤาว่าเราปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์
ดิฉันเท้าความนิดเดียว ก็คือ คณะราษฎรที่ได้รับการตกลงเป็นฉันทามติกับพระมหากษัตริย์ก็คือ
ร.7 ดังที่เราได้พูดมาแล้ว จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
คืนมอบอำนาจให้กับราษฎร อำนาจเป็นของราษฎร แล้วก็มีรัฐธรรมนูญ
ซึ่งพระมหากษัตริย์ก็เห็นชอบด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือรัฐธรรมนูญที่ไม่ใช่ฉบับชั่วคราว 2475
แต่แม้กระทั่งในฉบับชั่วคราว พระองค์ก็ทรงลงพระปรมาภิไธย แปลว่า ณ
บัดนั้นประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
ดังที่เราพูดแล้วว่า ใช้คำว่าเป็น Constitutional monarchy ไม่ได้ใช้คำว่า
Democracy ตั้งแต่ต้น เพราะเกรงว่าจะเข้าว่า Republic
ดิฉันพูดไปแล้วก็พูดทวนอีกครั้งหนึ่ง ก็แปลว่าเราเป็นระบอบประชาธิปไตย
มีการเปลี่ยนแปลง แน่นอนมันยังไม่สมบูรณ์แบบเพราะว่ายังมีส.ส.ประเภท 2 ต่อมาเป็นพฤฒิสภา
แต่อย่างไรก็ตามเราเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนกระทั่งมีการทำรัฐประหาร 2490
เมื่อมีการทำรัฐประหาร
2490 แล้ว ในที่สุดกลายเป็นว่าจอมพล ป. สามัคคีกับกลุ่มชนชั้นนำจารีตนิยม
แล้วขัดแย้งกับอาจารย์ปรีดี ต้องลี้ภัยไป ถึงตรงนั้น ในทัศนะดิฉันก็คือ
มันเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยในยุคของคณะราษฎรแล้ว
เพราะรัฐธรรมนูญที่มีใน 90 และ 92 นั้น
เป็นรัฐธรรมนูญตามแบบฉบับของจารีตนิยมและฟื้นอำนาจจารีตนิยม
อาจจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยจำแลงก็ได้
แต่ว่าเมื่อจอมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหารในปี 2500 และ 2502 การทำรัฐประหาร 2 รอบของจอมพลสฤษดิ์
ใช้คำว่า “ปฏิวัติ” เปลี่ยนระบอบ
มันจะเปลี่ยนระบอบอะไรนอกจากเปลี่ยนจากระบอบประชาธิปไตยจำแลงมาเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ใช่หรือเปล่า? ดิฉันตั้งคำถามเอาไว้อย่างนี้ เพราะกติกาต่าง ๆ และกฎหมายต่าง ๆ
เรียกว่ามาเส้นทางของจารีตนิยม อนุรักษ์นิยมเป็นลำดับ
ก็กลายเป็นว่าถ้าเป็นระบอบก่อนหน้านี้ก็คือพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
จากนั้นก็จะเป็นระบอบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีรัฐธรรมนูญ
ที่มีรัฐสภามาจากการแต่งตั้งมากหรือน้อย มาเป็นลำดับ
เพราะถ้าเราคิดย้อนหลังมาจนถึง
ณ บัดนี้ เราก็จะเห็นว่า ปัญหากระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
จากตำรวจมายังอัยการมาจนถึงศาล
เส้นทางนี้ในขณะนี้มันได้มีการออกมาพูดในลักษณะยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่ขึ้นต่อระบอบดั้งเดิม
จะเป็นราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็ตาม ไม่ได้ขึ้นกับประชาชน
เพราะนี่มาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเองด้วยซ้ำ
เพราะเมื่อการต่อสู้เข้มข้นขึ้น ก็มีการพูดชัดเจน
กระบวนการยุติธรรม
แล้วก็กองทัพและฝ่ายความมั่นคง
เราจะเห็นชัดว่าดูประหนึ่งไม่ได้ขึ้นต่อระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน
เพราะว่าสิ่งที่ปกป้องไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ปกป้องระบอบประชาธิปไตย
ไม่ได้ปกป้องสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม
แต่ว่าปกป้องสิ่งที่เรียกว่าเป็นความมั่นคงคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ตามแบบฉบับประหนึ่งในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือเปล่า?
ที่ดิฉันพูดอย่างนี้เพราะว่า
ถ้าเรามาดูคำสั่งศาลฎีกา คือกองทัพทำรัฐประหาร
แล้วจากนั้นศาลโดยคำพิพากษาฎีกาตั้งแต่ 95, 96 และประกาศของคณะรัฐประหาร 2490
ก็ตาม คือถือว่าเมื่อยึดอำนาจแล้วประเทศต้องอยู่ภายใต้การปกครอง
เพราะว่าการยึดอำนาจปัญหามีว่ากฎหมายภายในจะรับรองสถานะของการรัฐประหารอย่างไร
ในประเทศไทยแนวคิดเดิมก็คือฝ่ายผู้เข้ายึดอำนาจ ถ้ายึดอำนาจสำเร็จ
ผู้ยึดอำนาจก็อยู่ในฐานะเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดหรือเป็นรัฏฐาธิปัตย์
จึงพ้นจากความรับผิดทางกฎหมายทั้งปวงและสามารถที่จะตรากฎหมายขึ้นบังคับใช้เอง
อันนี้เราจะพบว่ามีคำพิพากษาฎีกาที่
45/2496, คำพิพากษาฎีกาที่ 1153-1154/2495, คำพิพากษาฎีกาที่ 2376/2526,
คำพิพากษาฎีกาที่ 6411/2534 เป็นต้น
ประหนึ่งว่าเป็นความจำเป็นว่าเมื่อมีคนยึดอำนาจแล้ว ถ้าสำเร็จแล้ว
ก็สามารถตรากฎหมายแล้วก็บังคับใช้ได้ กลายเป็นผู้มีอำนาจอันแท้จริง
บางคนก็บอกว่า
อย่าง ดร.หยุด แสงอุทัย ก็บอกว่า
“การปฏิวัติหรือรัฐประหารนั้นในครั้งแรกเป็นการผิดกฎหมาย
แต่เมื่อผู้ใดกระทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารจนสำเร็จบริบูรณ์ กล่าวคือ
สามารถยืนหนัดอำนาจอันแท้จริงของตนได้โดยปราบปรามอำนาจของรัฐบาลเก่าหรือกลุ่มบุคคลที่ต่อต้านแพ้ราบคามไปแล้ว
ก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจสุงสุดในรัฐ ฉะนั้นจึงอยู่ในฐานะที่จะให้รัฐธรรมนูญใหม่และยกเลิกกฎหมายใหม่บัญญัติกฎหมายใหม่ตามชอบใจ”
อันนี้เป็นแถลงการณ์ฉบับที่ 15 ของคณะรัฐประหาร 2490 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.
2490 อันนี้ส่วนหนึ่งดิฉันเอามาจากข้อมูลที่คุณ Somjai Sungstamp ได้โพสต์
แต่ว่ามีการอ้างอิงเอาไว้
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าอันนี้ก็คือแม่แบบ
ถามว่าแล้วประเทศไทยจะเป็นยังไง?เพราะถ้ากองทัพมีปืน ประชาชนไม่มี
ก็เหมือนเอาปืนจี้หัวนั่นแหละ ปืนจี้หัวเจ้าของบ้าน แล้วก็ยึดบ้าน
เจ้าของบ้านไม่มีปืน
จากนั้นก็มีหัวหน้าหมู่บ้านมาตัดสินว่าก็สู้ไม่ได้ก็ต้องยกบ้านให้เขา เขามีอำนาจ
ไม่ใช่ประชาชนอีกแล้ว
ดังนั้น
เมื่อมีการทำรัฐประหาร มีการลงพระปรมาภิไธย มีการรับรองโดยศาล
ก็ทำให้การรัฐประหารนั้นมันเกิดขึ้นเป็นลำดับ คือต้องพยายามทำให้สำเร็จก็จะเป็นรัฏฐาธิปัตย์
ถ้าไม่สำเร็จก็จะเป็นกบฏ แล้วพอทำสำเร็จก็ออกการนิรโทษกรรมไปตลอดเลย
ไม่ให้มีใครมาฟ้องร้องได้ ถามว่าแล้วประเทศไทยจะเป็นอย่างไร?
สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าประเทศนี้ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย
นั่นก็คือกระบวนการยุติธรรมหนึ่ง กองทัพหนึ่ง
ถ้าอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าอำนาจเป็นของประชาชนจริง
จะปล่อยให้คณะนายทหารบางส่วนมาทำอย่างนี้กับประเทศไทยไม่ได้
คือไม่ใช่แต่เพียงว่ามีปืนแล้วมีอำนาจ คำถามว่าถ้าเป็นอย่างนั้น
ก็ไม่ผิดอะไรกับในยุคอยุธยานะ ในยุคสุโขทัย ก็คือใครก็ตั้งตัวเป็นเจ้า
ก่อนจะเป็นเจ้าอีก ก็คือมารบชนะ แล้วสถาปนาตัวเองเป็นเจ้าเป็นกษัตริย์
ก็เป็นกษัตริย์ต่อไปจนกว่าจะมีราชวงศ์ใหม่ ซึ่งก็มาจากการปราบดาภิเษก
มันก็มีศัพท์คำว่าปราบดาภิเษกคือไม่ใช่สืบสันตติวงศ์ อย่างนี้
อันนี้ดูเหมือนเป็นการกระทำที่สืบทอดมาจากระบอบราชาธิปไตยหรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
บางคนอยากจะใช้คำว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เฉพาะยุค ร.5 จากยุค ร.5 มา
ก่อนหน้านั้นก็ยังไม่อยากจะเรียกว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เพราะว่าอำนาจไม่ได้อยู่ในมือกษัตริย์ทั้งหมด
แต่จะอย่างไรก็ตามก็ใช้คำว่าราชาธิปไตยก็ได้ คือเป็นระบอบที่กษัตริย์ปกครอง
มีอำนาจสุงสุด เช่นนั้น ผู้รบชนะก็คือเจ้า ถ้าแพ้ก็เป็นโจรกบฏ ประมาณนั้น
ก็เสี่ยงเอา
แต่ปัจจุบันมันแทบไม่มีความเสี่ยงเลย
เพราะเจ้าของอำนาจเป็นประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ฉะนั้นผู้ถืออาวุธกับผู้ถือตาชั่งพอรวมกันก็เหมือนกับว่าถ้าใช้คำว่าเป็นคอนเซปหรือวิธีคิดแบบระบอบเก่า
ก็คือยึดอำนาจแล้วไง ได้รัฏฐาธิปัตย์ ประชาชนต่อสู้มั้ย ประชาชนออกมานะ
แต่ว่าเขาเอารถถังออกมาด้วย ก็ประชาชนอย่างลุงนวมทองก็ได้แต่เอาแท็กซี่มาชนรถถัง
เป็นต้น ยังถูกเยาะเย้ยถากถางอีกว่าไม่มีใครที่ตายเพราะรักระบอบประชาธิปไตย
กลายเป็นอย่างนั้นไป
ดังนั้น
ดิฉันคิดว่าเราควรจะทำความเข้าใจให้ชัดว่า ณ บัดนี้ สถานการณ์มันบ่งชี้ให้เห็นว่า
สิ่งที่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนจริงนั้นมันไม่มี
มันเป็นระบอบประชาธิปไตยจำแลงซึ่งอยู่ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือเปล่า?
ในต่างประเทศ
ในยุคซาร์ หรือในยุคที่มีการปฏิรูปของราชวงศ์ต่าง ๆ
พยายามจะปรับเปลี่ยนให้มีสภาผู้แทนราษฎรระดับหนึ่ง
แต่ว่าพระมหากษัตริย์ยังมีพระราชอำนาจสูงสุด
นั่นเป็นสิ่งที่ในบางประเทศซึ่งทำเอาไว้ว่าเป็นเช่นนั้น
ทีนี้อย่างที่บอกว่าของเราพัฒนาการจากอำนาประชาชนสูง แล้วก็ลงมาทันที 2490, 2492 พอ
2500 อำนาจประชาชน ถ้ามันเป็นกราฟขึ้นนะ เป็นกราฟแนวตั้งนะ อำนาจประชาชนก็ลงมาต่ำ
ต่ำมาก แล้วจากนั้นอำนาจประชาชนก็มีสูง มีต่ำ
ในทัศนะของดิฉันก็ยังถือว่ามันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยจริง
นับจาก 2490 หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจาก 2500 เป็นต้นมา แน่นอนมีการต่อสู้ประชาชน
2516 ก็ดูเหมือนสถานการณ์อำนาจประชาชนสูงขึ้น แต่ไม่ถึง 3 ปี จาก 2519
ลงฮวบอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าเขียนเป็น curve ก็คือลงมา แล้วก็ลง ๆ ๆ
มีขึ้นลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเส้นทางลง แล้ว ณ บัดนี้มีการต่อสู้รอบใหม่ เรามีรอบ
2516 เรามีรอบ 2535 มีการต่อสู้ประชาชน หรือ 2516, 2519 แล้วมาจนกระทั่งปี 2551,
2552, 2553 แล้วมาจนยุคปัจจุบันคือยุคเสื้อแดง
แล้วมายุคของเยาวชนประกอบกับเสื้อแดงที่ยังมีแรงอยู่
ในขณะนี้น่าสงสัยว่าความเข้มแข็งของระบอบเก่าซึ่งสามารถยึดกุมกองทัพ
สามารถยึดกุมระบบยุติธรรมเอาไว้
ก็ทำให้เกิดปัญหาของความชอบทางการเมืองการปกครองว่ามันเป็นระบอบประชาธิปไตยหรือไม่?
และระบบยุติธรรมของเราเป็นระบบยุติธรรมในระบอบอะไร?
ตอนนี้ก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว
ดิฉันอยากจะให้กลับไปทบทวนดูว่าคำปฏิญาณของนายกรัฐมนตรีกับคณะรัฐมนตรี
กระทั่งรัฐธรรมนูญยังไม่กล้าเอ่ยเลยว่าจะรักษารัฐธรรมนูญ
อย่างนี้จะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้อย่างไร?
ถ้าแม้นแต่รัฐธรรมนูญซึ่งตัวเองเขียนเองนั้นยังไม่กล้าปฏิญาณว่าจะรักษารัฐธรรมนูญ
ทุกอย่างมันชัดเจน
หรือเอาว่าคำปฏิญาณของศาล
ของผู้พิพากษา ดิฉันอยากให้ไปดู ก็จะไม่มีเรื่องรัฐธรรมนูญ
ไม่มีเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไม่มีคำปฏิญาณต่อประชาชน
ดังนั้นมันก็ต้องชัดอีกว่ามันอยู่ในระบอบอะไร? นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ!
ในสุดท้ายนี้
ดิฉันอยากจะขอเรียกร้องว่า เราทุกคนต้องช่วยกันเป็นโจทก์ฟ้องร้องต่อสังคมไทยเพื่อให้เห็นว่า
หรือในความเป็นจริงแล้วนี่ไม่ใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
มันเป็นแต่เพียงระบอบประชาธิปไตยจำแลง
และมันเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จริงหรือเปล่า?
มันจึงต้องทำร้ายผู้เรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะเยาวชนถึงขนาดนี้ จับกุมคุมขัง
ไม่ให้ประกันตัว ใช้กฎหมาย ใช้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น
ยกตัวอย่างเช่นในยุคของเสื้อแดง เรียกร้องให้ยุบสภา ให้มีการเลือกตั้ง
ต่อต้านรัฐประหาร ถูกกระทำทั้งแพ่ง ทั้งอาญา ทั้งถูกจับกุมคุมขัง
ทุกยุคทุกสมัยแม้กระทั่งมาถึงทุกวันนี้
ดิฉันจึงคิดว่าเราต้องร่วมกันในการเป็นโจทก์ช่วยกันฟ้องร้องสังคมไทย
ถ้าสังคมไทย
ประชาชนไทยทั้งหมดยังไม่ตระหนักว่าตัวเองกำลังอยู่ในการเมืองการปกครองระบอบอะไร?
ยังไม่ต้องการความเท่าเทียม ยังไม่ต้องการอำนาจ ยังไม่ต้องการสิทธิเสรีภาพ
มันจึงเป็นการยาก เพราะการจะต่อกรกับปืน กับอำนาจอาวุธ และอำนาจของกระบวนการยุติธรรมนั้น
มันต้องใช้อำนาจทางความคิดของประชาชนที่กล้าแข็ง แกร่งกล้า
ที่ไม่ยอมที่จะให้ประเทศนี้เปลี่ยนแปลงจากการปกครองที่ประชาชนมีอำนาจไปเป็นคณะบุคคลหรือบุคคลมีอำนาจ
ดิฉันจึงอยากจะเรียกร้องว่าต้องช่วยเยาวชน
ต้องช่วยคนที่ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียมและความยุติธรรมในประเทศนี้อย่างเต็มกำลัง
อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว
อย่าปล่อยให้เขาถูกจับกุมคุมขังเหมือนดังคนในอดีตที่มีมามากแล้ว
ดิฉันคิดว่าเยาวชนที่ถูกจับกุมคุมขังรอบนี้ มันเป็นการกระทำที่ท้าทายประชาชนมากเกินไปจากฝ่ายจารีตนิยม
หวังว่าคนไทยทั้งหลายจะช่วยกันเป็นโจทก์ เพื่อที่จะฟ้องร้องสังคมโลก
รวมทั้งสังคมทั่วไปว่า ผู้ที่เป็นจำเลยและควรจะถูกพิพากษาที่แท้จริงนั้น
ไม่ใช่เยาวชนผู้มาเรียกร้องระบอบประชาธิปไตย แต่ว่าคนที่เป็นจำเลยที่แท้จริงคือคนที่มาเรียกร้องและรักษาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ต่างหากค่ะ
#สมบูรณาญาสิทธิราชย์
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์