แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.71
ตอน : การเมืองเรื่องของสองพรรคใหญ่
เร็วและแรง!!!
วันนี้ดิฉันอยากจะคุยเรื่องที่น่าสนใจ
ก็คือเรื่องของพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค ก็คือพรรคพปชร.กับพรรคเพื่อไทย ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ใช่พรรคการเมืองใหญ่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อันนี้ก็เป็นการทำลายประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่ยาวนานมาตลอดเมื่อมีการเลือกตั้งโดยปกติ ยกเว้นถ้าทำรัฐประหาร
พรรคประชาธิปัตย์ก็ดำดิน
ขณะนี้ดิฉันหมายถึง
พรรคพปชร. กับ พรรคเพื่อไทย
การเมืองเรื่องของสองพรรคใหญ่
เร็วและแรง!!!
เร็วและแรง
ก็คือเกม ดิฉันจะไม่พูดเรื่องพรรคประชาธิปัตย์นะคะ ก็ให้ฟื้นตัวต่อไป
ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ว่าดูหมิ่น แต่ว่าเราต้องยอมรับความจริง
สองพรรคนี้เกมเร็วและแรง ดิฉันอยากจะพูดถึงพรรคพปชร.ก่อน
พปชร.
ความจริงตั้งแต่ต้น เขาเล่นเกมค่อนข้างเร็วและแรง
ก็คือตั้งเป้าเป็นพรรคขนาดใหญ่ตั้งแต่แรก ในทัศนะดิฉัน
แล้วก็ตั้งเป้าที่จะชิงส.ส.เขตจากพรรคประชาธิปัตย์และจากพรรคเพื่อไทยเป็นด้านหลัก
ตอนแรกดิฉันก็คิดว่าเขาจะเอาส.ส.มาจากไหน แต่อย่างที่บอกว่าบ้านเรานั้นการเป็นส.ส.เขต
ยิ่งเป็นยุคแรกเลยก็จะเป็นอิทธิพลของครอบครัว อิทธิพลของตัวคนนั้น ๆ
จนกระทั่งเรามีคำพูดว่าบ้านใหญ่หรือตระกูลใหญ่ นั่นก็คือมีคะแนนพื้นฐานของผู้สมัคร
ดังนั้นเราจึงมีนักการเมืองเป็นตระกูล มีนักการเมืองท้องถิ่น แล้วสมัยในอดีตเราจะมีผู้ที่ประสานงาน
แล้วก็จะมีโควตา 5 เขต จะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ ถ้าได้ 8 เขตหรือ 10 เขต
ก็จะได้มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี นี่ในอดีตนะคะ ก็เป็นอย่างงั้น
ดังนั้น
ในบางยุคเช่นตอนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ใช้วิธีนี้ หาร ๆ
ๆ ก็คือเอาตัวเลขเป็นหลัก เพราะมีพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก
และพรรคท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก ที่เราเห็นล่าสุดก็คืออย่าง ชลบุรี สุพรรณบุรี
ซึ่งเราเห็นเป็นตระกูล อย่างตอนนี้นครปฐมก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เช่นนี้เป็นต้น
เมื่อมีรัฐธรรมนูญปี
2540 แล้วก็เกมเปลี่ยนเป็นพรรคใหญ่ ก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย
ในที่สุดประชาธิปัตย์ก็ไปไม่ถึงฝัน
แม้นว่าจะได้คะแนนส.ส.เขตมากกว่าที่เคยเป็นแล้วก็ตาม
เพราะพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทยได้มากกว่า
พรรคเล็กพรรคน้อยก็ถือว่าพรรคไหนได้คะแนนมาก
สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เขาก็พร้อมจะร่วม ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย มัชฌิมาฯ
พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ดังนี้เป็นต้น แม้กระทั่งพรรคพลังชล
อย่างนี้เป็นต้น ก็สามารถร่วมได้กับพรรคการเมืองใดก็ตาม
เพราะอันนี้ไม่ใช่เป็นอุดมการณ์แบบในตะวันตก ในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น
คุณเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม คุณเป็นพรรคเสรีนิยม คุณเป็นพรรคสังคมประชาธิปไตย
คุณเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ คุณเป็นพรรคสังคมประชาธิปไตยแบบเข้มข้น แบบกลาง แบบอ่อน
อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ มันไม่ใช่
การเมืองบ้านเราเป็นเรื่องของท้องถิ่น
ของตระกูล จนกระทั่งได้พัฒนามาเป็นไทยรักไทย ซึ่งมีเรื่องใหม่เกิดขึ้นในสังคมไทย
เป็นที่มา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่าง ๆ ที่ทำงานแล้วก็ได้ผล โฆษณาก็ได้ผล
ขณะนี้ถ้าเรามาพูดปัจจุบัน
มันก็ยังมีเรื่องคะแนนของผู้สมัครและความเป็นคะแนนของผู้มีอิทธิพลประจำถิ่นอยู่
เพราะฉะนั้นเราก็จะสังเกตว่ามีเรื่องของนายกอบจ. อบต. อะไรต่าง ๆ
มันก็มีภาพซ้อนอยู่ บางครั้งก็มีในตระกูลไปสมัครอบจ. แล้วก็มาสมัครส.ส.
แล้วในอดีตส.ว.มาจากการเลือกตั้งก็ส่วนหนึ่งมาสมัครส.ว.
ซึ่งมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นเอง
เพราะว่าเราไม่มีพรรคการเมืองในลักษณะที่เป็นนโยบายที่จับหัวใจประชาชนได้
ดังนั้น
นี่จึงเป็นเหตุที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ได้ผลมาตลอด
นั่นก็คือได้ส.ส.เขตค่อนข้างมาก เพราะพอเวลามีการยิงนโยบายจากส่วนกลาง
พรรคเล็กหรือผู้ที่มีอิทธิพลบางครั้งก็ต้านไม่ไหว
จึงจำเป็นต้องมีคะแนนพรรคมาประกอบ เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองก็ต้องเลือกคน
ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องมีหลักการที่ไปกันได้ส่วนหนึ่ง แต่คนบางส่วนเขาไม่มีหลักอะไร
พรรคไหนเขาก็โอเค มีหลักการซึ่งทั้งสองฝ่ายพอใจ อันที่สองก็คือมีคะแนนของพรรคด้วย
พรรคเขาก็ต้องดูว่าคน ๆ นั้นมีคะแนนพื้นฐานแค่ไหน
นี่จึงเป็นที่มาของการที่เราเคยพูดว่า
เมื่อมีการเอาบัตรสองใบเข้ามา ก็เป็นที่ชัดเจนว่าขณะนี้มีสองปีก
เป็นนโยบายพรรคใหญ่ คำถามว่าแรง-เร็ว เพราะฉะนั้น พปชร.
ก็เริ่มยุทธศาสตร์ของพรรคใหญ่ ดิฉันก็ต้องชมเขาว่า เขาเก่งและกล้าด้วย
ก็คือตัดสินใจเลย แน่นอนก็ต้องมีกล้วยไว้แจกเยอะแหละ ดิฉันก็จะไม่ก้าวเข้าไปว่า
พล.อ.ประวิตร ซึ่งมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคน่าจะมีบทบาทสำคัญในการดูแล
มันเป็นเรื่องของสื่อและเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะต้องไปหาว่าพลังของพล.อ.ประวิตรได้มาจากไหน?
พล.อ.ประยุทธ์บอกไม่เกี่ยว
แต่พล.อ.ประวิตรนะ ซึ่งเป็นคนอาจจะมีเพื่อนมาก ให้ยืมนาฬิกาบ้าง ยืมอะไรบ้าง อาจจะมีการให้ยืมการลงทุนด้วยหรือเปล่า
ดิฉันไม่รู้ แต่มันต้องมี ไม่อย่างนั้นมันไม่สามารถที่จะดึงคนมาจากพรรคการเมือง
เช่น ประชาธิปัตย์ แต่ประชาธิปัตย์ก็ดึงไม่มากเท่ากับดึงมาจากเพื่อไทย
แต่ไปข่มในพื้นที่ได้
เพราะฉะนั้นพลังของพปชร.
นั้นก็คือ แรง โดยการใช้อำนาจรัฐจากกลาโหม มหาดไทย แล้วก็ “น่าจะ” ดิฉันใช้คำว่าน่าจะต้องมีอำนาจเงิน
นอกจากกลาโหม มหาดไทยแล้วก็ยังมีเกี่ยวกับยุติธรรมด้วยหรือเปล่า
เพราะว่าเป็นเรื่องคดีความ
มา
ณ บัดนี้ การเปิดฉากเอาบัตรสองใบ มันก็เต็มที่แล้วสำหรับพรรคพปชร.
แต่ว่าภาพที่เราเห็น ที่ดิฉันใช้คำว่าแรงและเร็ว ก็คือนำมาสู่เรื่องสุดท้ายที่เกิดความขัดแย้งระหว่าง
พล.อ.ประยุทธ์ กับเลขาธิการพรรคพปชร. ก็น่าสนใจว่า เกมนี้ใครแพ้ ใครชนะ เร็วมั้ย
แรงมั้ย แรง!!!
การที่พล.อ.ประยุทธ์ประชุม
แล้วรัฐมนตรีก็ลาออก เพื่อหวังที่จะให้คุณธรรมนัสหลุดจากเลขาธิการพรรค
เป็นเรื่องที่ชัดเจน ไม่มีใครปฏิเสธได้ ชัดเจนเพราะตัวรัฐมนตรีต่าง ๆ
ก็พูดออกมาเอง แรงมั้ย? แรง เกมนี้แรง เร็วมั้ย? เร็ว
ในขณะเดียวกันคุณธรรมนัสก็แรงและเร็วเหมือนกัน
คือพล.อ.ประยุทธ์เล่นเกมหลังจากที่ไม่พอใจในการโหวต เสียงของพล.อ.ประยุทธ์
แน่นอนผ่าน แต่ทำไมมันน้อยกว่าคนอื่น รักหน้าไง เสียหน้า
แล้วก็มองว่าคุณธรรมนัสเล่นเกมอะไรอยู่ก่อน
จนกระทั่งต้องมามีการเจรจาเพื่อจะทำให้กดดันให้เกมของคุณธรรมนัสไม่สามารถที่จะสร้างความน่าเกลียดน่าชังให้กับพล.อ.ประยุทธ์ได้
ซึ่งกล้าด้วยนะ กล้าด้วยแล้วก็เร็วและแรงสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ ดิฉันใช้คำว่ากล้าเพราะว่าปกติเขาจะไม่โฉ่งฉ่างขนาดนี้
แต่อันนี้โฉ่งฉ่างเลย อาจจะบอกว่าทำแบบทหารก็ได้ ก็คือจัดการอย่างแรง เร็ว
โฉ่งฉ่างเลย
สำหรับคุณธรรมนัส
พล.อ.ประยุทธ์อาจบอกว่ามาเล่นผมก่อนก็ได้
ซึ่งอันนี้เราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องคะแนนรอบที่แล้ว รอบต่อไปก็จะต้องมีอะไรเป็นหลักประกัน
ทีนี้คุณธรรมนัสแก้เกมในการปลด ซึ่งอาจจะร่วมกับพล.อ.ประวิตรด้วย
นั่นก็คือชัดเจนว่าสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารส่วนอื่นนั้นยังต้องการคุณธรรมนัส
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าพล.อ.ประวิตร
เล่นสองขา ขาพรรคกับขารัฐบาล ขาพรรคก็บอกตรง ๆ ว่าปฏิเสธไม่ได้ก็เท่ากับบอกให้ประยุทธ์รู้ว่าเอาออกไม่ได้ธรรมนัส
ถ้าเอาออกพรรคแตก เพราะฉะนั้นฝันที่จะสืบทอดอำนาจและอยู่ยาวมันไม่สำเร็จ
พรรคก็จะแตกเหมือนกับพรรคทหารในอดีตที่ผ่านมา
เพื่อจะไม่ให้พรรคแตกเหมือนในอดีตที่ผ่านมาจำเป็นต้องเอาธรรมนัสไว้
ซึ่งก็ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องรู้ว่าตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะสั่งการได้ง่าย
ๆ สั่งการรัฐมนตรีได้ แต่มาสั่งการในพรรคและนักการเมืองไม่ได้
นี่เป็นสิ่งที่ทหารที่มาจากการทำรัฐประหาร ยึดอำนาจประเทศ แล้วสั่งการนายพัน นายพล
ง่าย ๆ ต้องเรียนรู้ว่าสั่งการนักการเมืองไม่ได้ง่าย ๆ ต่อให้มีเงิน ต่อให้มีอำนาจ
ก็ไม่ใช่ว่าจะสั่งการได้ง่าย ๆ เพราะในทางการเมืองนั้น เขาก็ต้องการคนที่ใจถึง
ช่วยเขาได้ เพราะแต่ละคนมีปัญหาหมด ถ้าคนไหนพิสูจน์ว่าใจถึงและจริงใจพร้อมจะช่วย มันก็ซื้อใจได้มากกว่า
ดังนั้น
การทำสองขาของพล.อ.ประวิตร จะอยู่ไปได้นานเท่าไหร่
เพราะว่าขณะนี้เท่ากับธรรมนัสขาเดียว พล.อ.ประยุทธ์ขาเดียว แต่ประวิตรสองขา
แล้วหน้าที่ก็คือต้องประคับประคองสองขานี้ต่อไป
ดังนั้นจะว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็ได้ ก็คือนี่น้อง
ยังไงมาด้วยกันแยกจากกันไม่ได้ ส่วนทางนี้ก็หนุนน้องนั่นแหละ ถ้าพูดอย่างนั้น
ก็หนุนน้องและหนุนตัวเองด้วย แล้วก็อาจจะเสียไปมากแล้ว
จ่ายไปมากแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ และเพื่อมีหลักประกันว่าจะได้อยู่ด้วยกันต่อไป
ก็ถือว่าทางนี้ก็น้องเหมือนกัน แต่เป็นน้องในฝ่ายกลุ่มการเมือง
ดังนั้นต้องดูว่าขาของพล.อ.ประวิตรสองขานี้มันจะฉีกมั้ย?
แล้วเหลือขาเดียวมั้ย? จะเหลือขาข้างไหน? แต่ดิฉันก็คิดว่าแกก็คงจะต้องพยายามสองขา
สุดท้ายอาจจะเหมือนกับท่าเต้นบัลเล่ต์ ซึ่งไม่รู้จะทำได้มั้ย?
ก็คือฉีกขาออกไปสุดเลย อันนี้ก็คือ พปชร. เร็วและแรง
ดิฉันอยากจะกลับมาพูดถึงเรื่องพรรคเพื่อไทย
น่าสนใจมากสำหรับพรรคเพื่อไทยที่มีการเปิดตัวไม่นานมานี้
รวมทั้งการปรับโครงสร้างในการที่มีการปรับผู้อำนวยการพรรค
มีการปรับประธานยุทธศาสตร์ แล้วก็เปลี่ยนหัวหน้าพรรค ดิฉันมองว่ามีสิ่งใหม่ ๆ
ไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคลเกิดขึ้น
แน่นอน
ตัวบุคคลมีข้อดี คุณหมอชลน่าน เราเอาให้ตรงประเด็นก่อนก็ได้ ถามว่าเร็วและแรงมั้ย
เร็วและแรง คุณหมอชลน่านบอกเพิ่งรู้ตัวว่าจะมีการปรับวันสองวันนี้เอง
แต่ดิฉันเข้าใจว่าการตระเตรียมก็คงเตรียมมานาน เพราะมันเข้าสู่ฤดูการเลือกตั้ง
การปรับเปลี่ยนตัวนี้มันบ่งชี้
ข้อที่
1 ก็คือว่า ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย
เป็นพรรคที่อยู่ในการสืบทอดมาจากไทยรักไทย ก็คือพรรคที่คุณทักษิณมีบทบาทสูง
ดิฉันใช้คำอย่างนี้นะ มีบทบาทสูงซึ่งบางคนจะเรียกว่าครอบงำ ผิดหรือเปล่า?
มีบทบาทสูงในการชี้แนะเพราะว่าคุณทักษิณก็มีสมอง
ข้อที่
2 เรื่องที่มาที่ไปอะไรต่าง ๆ แนวทางนโยบายอะไรต่าง ๆ
ก็อาจจะมีคำชี้แนะหรืออย่างไร? ดิฉันก็จะไม่ไปยุ่ง ณ ที่นี้
เอาเป็นว่ามันเร็ว
เร็วในการปรับโครงสร้างและหัวหน้าพรรคใหม่ ข้อดีของคุณหมอชลน่าน
แน่นอนก็คือลดวัยลงมาจากวัยของหัวหน้าพรรคคนเดิม อันที่สองที่สำคัญ
คุณหมอชลน่านเป็นคนที่มีท่วงทำนองในการเจรจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่วงทำนองกับพรรคก้าวไกล
และฝั่งที่เป็นปฏิปักษ์ มีท่วงทำนองดี ดิฉันใช้คำว่าท่วงทำนองนะ
ก็คือท่วงทำนองคนยังคงหลักการได้
แต่ว่าหลักการไม่จำเป็นต้องคู่กับความก้าวร้าวหรือการแสดงความหยิ่งยโส
ก็คือยึดหลักการแต่ว่าท่วงทำนองที่เป็นมิตรต่อมิตร ซึ่งอันนี้ดิฉันก็คิดว่าถูกแล้ว
แต่ว่าต่อศัตรูนั้นต้ององอาจกล้าหาญ ต้องมีความกล้า
แต่อย่างไรก็ตามประมาณเรื่องหยิ่งยโสหลงตัวเองมันก็ไม่ใช่วิถีทางที่ดีของนักการเมืองและพรรคการเมือง
หมอชลน่านก็คือแน่นอน เพราะว่ากติกาก็คือหัวหน้าพรรคต้องเป็นส.ส.จากที่แล้วมา
นี่ก็คือหมอชลน่าน
แต่ว่าที่เป็นเรื่องที่แรงและเร็วมาก
ก็คือคุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร
ตรงนี้มันเป็นการแสดงว่าเป็นการให้กับสังคมรู้ว่าพรรคนี้ถือว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลชินวัตรนั้นมีผลต่อความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน
พูดง่าย ๆ ว่าได้เสียงแหละ ได้ความเชื่อมั่น มั่นใจ แล้วก็คิดว่าได้สมองอย่างน้อย
สมองและสองมือของคุณทักษิณแน่นอน ก็เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจ
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะว่าคุณอุ๊งอิ๊งก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามา
และดูคุณอุ๊งอิ๊งท่วงทำนองก็ยังต่างกับคุณปูซึ่งแก้ไขไม่แก้แค้น
แต่ว่าคุณอุ๊งอิ๊งก็มีสไตล์ซึ่งกล้าพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดิฉันรู้สึกว่าแย่มาก
ๆ ก็คือกรณีอาจารย์บางคนมาพูดเรื่องเก่า เรื่องการเอนทรานซ์หรืออะไร
คือดิฉันไม่อยากพูดมาก ขอให้รู้ว่า ออกมาพูดอีก แสดงออกมาเลย
แล้วสังคมจะสงสารคุณอุ๊งอิ๊งว่าถูกไอ้พวกนี้รังแกอีกแล้ว แล้วเป็นอาจารย์แบบไหนก็ไม่รู้ที่มาสนใจในเรื่องแบบนี้
คุณสนใจมหาวิทยาลัยของคุณซิ มหาวิทยาลัยของคุณยุ่งเรื่องวางเสลี่ยงหรือเปล่า?
แล้วมายุ่งเรื่องที่ว่าศิษย์เก่าเขาจะเป็นหัวหน้าพรรค
หรือว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือจะเป็นนายกรัฐมนตรี
คุณรู้หรือเปล่ามหาวิทยาลัยของคุณอยู่ในลำดับไหนของมหาวิทยาลัยโลก ไม่เข้าท่าเลย
แล้วจะทำให้คุณอุ๊งอิ๊งได้คะแนน แล้วฉลาดหรือโง่ นี่แหละ!
มหาวิทยาลัยไทยถึงไม่ติดร้อยอันดับของโลก
เพราะว่ามัวแต่ยุ่งบ้ากับเรื่องจารีตประเพณี มัวแต่จับผิดเด็ก
และมัวแต่ไปหาเรื่องเยาวชน
เอาล่ะ
คือของคุณอุ๊งอิ๊งก็จะทั้งโดนโจมตีแล้วประชาชนจะสงสาร พอถูกโจมตีมาก
คนก็รำลึกได้ว่าตระกูลนี้ถูกกระทำอย่างไร
เพราะฉะนั้นมันก็เป็นดาบสองคมซึ่งคุณแพทองธารก็ต้องอดทนอย่างสูง และต้องแก้เกมต่าง
ๆ ให้ได้ คือถูกโจมตีแล้วต้องแก้เกมให้เป็นคุณ เพราะว่ามีบทเรียนมามากแล้ว
ที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งก็คือเอาคนชุดเก่าไปอยู่ประธานยุทธศาสตร์
เหตุการณ์เมื่อคืนที่เพื่อไทยมีการออกคำแถลงโดยคุณชัยเกษม นิติสิริ
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย
ออกแถลงการณ์ตอนกลางคืนกลางดึกเลย หลังจากที่มีขบวนของประชาชนออกมาเต็มถนน เพื่อที่จะมาลงลายเซ็นให้ยกเลิกมาตรา
112 แล้ว “รุ้ง” ก็ต้องมากรีดเลือด เพราะว่าขณะนี้จากคนที่ไม่สนใจข้อที่ 3
ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ บางคนก็อาจจะบอกว่าเอาไว้ก่อน เอา 2 ข้อ แต่ ณ
บัดนี้มันไม่ใช่ คือคุณยิ่งทำกับเด็กมาก ยิ่งทำมากมันยิ่งฟ้องว่าข้อ 3 นี้มันมีปัญหาจริง
ๆ
ยกตัวอย่างมาตรา
112 เมื่อ 9-10 ปีที่แล้ว ความพยายามในการที่จะขอแก้ไข แก้ไขนะ คล้าย ๆ
ที่อาจารย์ธิดาเคยพูดว่าก็แก้ไม่ให้คนบ้าบอคอแตกอะไรฟ้อง
แก้ปัญหากฎหมายคือไม่จำเป็นต้องมีโทษขั้นต่ำก็ได้ และโทษ ไม่ควรจะสูงมากขนาดนี้
คุณไม่แก้ผ่านมาจนกระทั่งบัดนี้กลายเป็นว่ามันยิ่งหนัก หนัก หนัก
ตอนนี้คนก็เลยไม่พูดเรื่องแก้แล้ว พูดเรื่องยกเลิกเลย มันทำให้การต่อสู้ของเยาวชน
ข้อเรียกร้องประชาชนยกเลิก 112
ข้อเรียกร้องประชาชนเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มีน้ำหนัก มีความชอบธรรมมากขึ้น
เพราะฝ่ายจารีตเองที่จัดการกับเยาวชนและประชาชนอย่างไม่น่าเชื่อ โหดเหี้ยม
รุนแรงมากมาย ไม่ได้คำนึงถึงว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องเล็ก ๆ
น้อย ๆ แต่การที่คุณหาเรื่องมากอย่างนี้ทำให้กลุ่มคนที่ไม่สนใจยกเลิก 112 เอาง่าย
ๆ อย่างพรรคเพื่อไทยนี้ ใครจะไปนึก หรือว่าเป็นเพราะปรับโครงสร้างด้วย
ตอนเย็นมีม็อบขนาดใหญ่แม้ว่าฝนจะตก พอกลางคืนดึกหน่อย แถลงการณ์ออกมาเลย
แถลงการณ์ก็คือพูดถึงปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน
ใช้คำนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 112 มาตรา 116 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศต่าง ๆ ดิฉันไม่อ่านทั้งหมดนะคะ
สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนสงสัยว่า
ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม ตามที่ประชาชนได้เรียกร้องเสนอออกมา
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภา
พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา
เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ ตำรวจ อัยการ ศาล
ราชทัณฑ์ และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขกฎหมาย
ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัวและไม่ให้เกิดเพิ่มขึ้นอีก
ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย
คือไม่ได้เขียนว่าสนับสนุนให้ยกเลิก
112 เราเข้าใจ แต่อย่างน้อยที่สุดก็คือสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นดิฉันถึงได้ใช้คำว่า แรง/เร็ว นี่เร็วมากเลย ก็แสดงให้เห็นว่าการปรับโครงสร้างอาจจะเป็นการทำให้มีความคล่องตัว
อย่างในประเด็นกฎหมาย
ประธานยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นอดีตอัยการสูงสุดก็อาจจะถือว่ามีความชอบธรรมเต็มที่ในการที่จะออกมาในเวลาตอนกลางคืนตอนดึก
กระทั่งเยาวชน
ดูเหมือน “รุ้ง” เขาก็งงว่าเออ ก็บอกว่าดีใจ แปลกใจ
แต่ว่าถ้าจะให้ดีก็น่าจะสนับสนุนเรื่องยกเลิกเลย
แต่อย่างไรก็ตาม
ดิฉันก็ถือว่าอันนี้มันแสดงถึงการที่พรรคเพื่อไทยได้มีการปรับตัว
คือจะอืดอาดแบบเมื่อก่อนนี้ไม่ได้ มันดูเหมือนอืดอาดมายาวนาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม่ลงตัวในเรื่องหัวหน้าพรรค ในเรื่องโครงสร้างพรรค
จนกระทั่งมีการแยกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีไทยรักษาชาติ
ซึ่งอันนั้นก็ต้องถือว่าเป็นการเดินเกมของพรรคเพื่อไทยเองที่ประมาณว่าแตกแบงค์
แต่ว่าแบงค์ใหญ่เกินไป ทีเดียวก็เลยใช้ไม่ได้เลย
มันก็จะพูดว่าเกมนั้นก็เสียหายไปจำนวนหนึ่ง และในที่สุดก็เพิ่งจะมาปรับใหม่
เพราะฉะนั้น
เร็ว แรง ไม่ว่าเป็นการแสดงออกของคุณอุ๊งอิ๊ง การแสดงออกของประธานยุทธศาสตร์
แล้วสำหรับตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคซึ่งเป็นตำแหน่งประมาณว่าไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง
อันนั้นก็ต้องดูผลงานของหมอเลี๊ยบต่อไป
ดิฉันดูแล้วว่าสองพรรคนี้
พรรคพปชร. ไม่ยอมเป็นพรรคเล็ก ประวิตรไม่ยอมแตก ก็จะถ่างสองขาอยู่แบบนี้
แล้วก็หวังว่าจะได้เป็นพรรคใหญ่ ส่วนสำหรับพรรคเพื่อไทยก็ไม่ยอมเป็นพรรคเล็ก
จะเป็นพรรคใหญ่ แต่ว่าการเดินเกมของเพื่อไทยและพปชร.ตอนนี้แรงและเร็ว
พปชร.ก็มีการปรับเอาหัวหน้าภาคไปขึ้น นั่นก็อาจจะเป็นวิธีการที่พล.อ.ประวิตรบอกว่าแก้เกมไม่ให้คุณธรรมนัสมีอำนาจมากเกินไปก็ได้
ผมจะดูแลหัวหน้าภาคเองเพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์สบายใจขึ้น ไม่รู้สึกว่าแพ้ร.อ.ธรรมนัส
มันเป็นไปได้ยังไงว่าแพ้ร.อ.แป้ง ไม่น่าเชื่อ แต่ก็แพ้ไปแล้ว
ก็คิดว่าไม่ได้แพ้ทั้งหมด อย่างน้อยที่สุดก็คือมีความพยายามจะปรับให้หัวหน้าภาคมาขึ้น
ในส่วนของเพื่อไทยก็มีการปรับแบบประมาณว่าสู้ยิบตา
คุณอุ๊งอิ๊งสัญลักษณ์ของการสู้แบบเต็ม ๆ
อีกอย่างหนึ่งก็มีการเปลี่ยนสัญลักษณ์สีเป็นสีแดงทั้งหมด
ถ้าคนดูนะเขาก็ประเมินออกว่าเป็นการรักษาฐานและบอกให้รู้ว่าพรรคนี้เป็นพรรคสีแดงพรรคของคนเสื้อแดง
ไม่อยากให้นอกใจ แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าประการหลัง เรื่องคนเสื้อแดง ถ้าใครจะไปหลอกต้มใครอีกในพรรคเพื่อไทยอย่าให้ถูกหลอกต้มเลย
แบบที่เราจะเห็นไม่ว่าจะเป็นบอกว่าเป็นหมู่บ้านเสื้อแดงแล้วก็ไปอยู่พปชร.
หรือว่าบางคนก็เดินเกมว่าดูแลมวลชน อะไรต่าง ๆ เหล่านี้
จริง
ๆ มวลชนเสื้อแดงเขาเข้าใจแม้กระทั่งการแก้ไข 112 ตอนรอบก่อน
คนเสื้อแดงก็เป็นกำลังช่วยให้กับปัญญาชนและนิติราษฎร์
คนเสื้อแดงเขาตาสว่างเขาตื่นตัว และถ้าแกนนำไม่เข้าท่าเขาก็ไม่เอา
การเลือกตั้งนี่ก็เหมือนกัน เขาก็จะดู ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนสีพรรคแล้วคนเสื้อแดงจะมาได้ทั้งหมด
สีแดงก็มีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือนโยบายแล้วก็ปัญหาหลักการ
เพราะว่าคนเสื้อแดงเขาตื่นตัวและตาสว่างมานานแล้ว
สุดท้ายนี้ แม้ดิฉันอยากจะเอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย แต่ก็อยากฝากพูดคำพูดของ “ไอน์สไตน์” ที่ว่า ถ้าเราทำซ้ำ ๆ แบบเดิมแล้วหวังผลของการเปลี่ยนแปลง มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์