"ปิยบุตร-พริษฐ์" ผิดหวังหลังสภาคว่ำร่างรธน.ฉบับปชช. ยันรณรงค์ต่อ ปลุกปชช.อย่าสิ้นหวัง หวังพรรคการเมืองผลักดันเป็นนโยบาย ย้ำถ้ารธน. 60 ยังอยู่วิกฤติประเทศไม่จบ
วันนี้ (17 พ.ย. 64) รองศาสตราจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ผู้ชี้แจงและนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ร่วมแถลงภายหลังที่ประชุมรัฐสภาไม่รับหลักการร่างแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชนที่นำเสนอโดยกลุ่ม Re-Solution ที่มีประชาชนเข้าชื่อร่วมแก้ไขกว่า 135,247 รายชื่อ
ด้วยคะแนนเสียงเห็นรับหลักการ 206 เสียง ประกอบด้วยผู้แทนราษฎรจำนวน 203 เสียง และสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 3 เสียง และเสียงไม่รับหลักการจำนวน 473 เสียง ประกอบด้วย ผู้แทนราษฎรจำนวน 249 เสียง และสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 224 เสียง และงดออกเสียงจำนวน 6 เสียง คือผู้แทนราษฎร 3 เสียง และผู้แทนวุฒิสภา 3 เสียง
โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่าในฐานะผู้สนับสนุนแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ที่ข้อเสนอไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติในทางสังคม
พร้อมย้ำว่า ข้อเสนอตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เป็นเรื่องสุดโต่ง หรือทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบ แต่ต้องการสร้างระบบการเมืองที่ควรจะเป็น โดยการปรับระบบรัฐสภาให้เป็นสภาเดี่ยว ปรับที่มาขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นกลางมากขึ้น รวมทั้งให้ประชาชนมีเสรีภาพในการเลือกพรรคการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ และสร้างกติกาที่เป็นกลาง เป็นธรรมในการตรวจสอบ
ทั้งนี้ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาที่โหวตรับหลักการ และแม้จะไม่รับหลักการ แต่ก็ได้อภิปรายในประเด็นที่เป็นประโยชน์กับประชาชน พร้อมกล่าวต่อไปว่า
ที่สำคัญต้องขอบคุณและขอโทษจากใจจริงต่อประชาชนกว่า 130,000 คนที่ร่วมเดินทางกับเรา หรือหลายคนที่ติดตามการอภิปรายและคาดหวังอยากให้ร่างฉบับนี้ผ่านวาระที่ 1 เราพยายามใช้เวลา 3 ชั่วโมงอย่างเต็มที่ในการโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาให้เห็นชอบ แต่ไม่สามารถทำสำเร็จในครั้งนี้
แต่ท้ายสุดแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญยังต้องเดินหน้าต่อไป เราเชื่อว่าถ้ายังมีรัฐธรรมนูญที่มีที่มากระบวนการและเนื้อหาที่ไม่ชอบธรรมทำ จะไม่สามารถแก้วิกฤติทางการเมืองได้
ผ่านมาเกือบ 3 ปีตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด 3 รอบ มีเพียงร่างเดียวที่ผ่านได้คือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระบบเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจประยุทธ์ นี่หรือคือนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ นี่หรือคือเนื้อหาสาระสำคัญที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเคยประกาศไว้ว่าเป็นเงื่อนไขเข้าร่วมบริหารประเทศ นายพริษฐ์กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่รองศาสตราจารย์ปิยบุตร ตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2540 น้อยมากที่ร่างพระราชบัญญัติที่ประชาชนเข้าชื่อจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เท่าที่จำได้มีเพียงพระราชบัญญัติป่าชุมชน ส่วนการเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เคยผ่านความเห็นชอบในวาระรับหลักการเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการสักครั้งเดียว ยังคงปิดประตูการมีส่วนของประชาชนโดยตรงต่อไป
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง แม้รัฐธรรมนูญปี 2560 จะถูกออกแบบให้การแก้ไขทำได้ยาก แต่ขอให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้ และคาดหวังว่าหลังจากนี้ระบบประชาธิปไตยโดยผู้แทนฯ จะผลักดันแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ต่อเนื่อง แม้วันนี้จะยังเป็นเสียงข้างน้อยในสภาฯ แต่ขอฝากให้พิจารณาจัดทำนโยบายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง เพื่อให้ประชาชนที่สนับสนุนการแก้ไขธรรมนูญได้เลือกกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯและร่วมกันแก้ไขธรรมนูญให้สำเร็จ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รธน60
