วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

“อรรถสิทธิ์” เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนสน.ดินแดง กรณีถูกคุมตัวเข้าห้องสืบสวนและโดนซ้อมทรมาน หลังร่วมงานรำลึกการเสียชีวิตของ “วาฤทธิ์ สมน้อย” ทนายหวังว่าคดีนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดการออกกฎหมายรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศที่เป็นสากลว่าด้วยการป้องกันการทรมาน

 


“อรรถสิทธิ์” เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนสน.ดินแดง กรณีถูกคุมตัวเข้าห้องสืบสวนและโดนซ้อมทรมาน หลังร่วมงานรำลึกการเสียชีวิตของ “วาฤทธิ์ สมน้อย” ทนายหวังว่าคดีนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดการออกกฎหมายรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศที่เป็นสากลว่าด้วยการป้องกันการทรมาน

 

วันนี้ (26 พ.ย. 64) เวลา 13.00 น. นายอรรถสิทธิ์ นุสสะ ผู้ถูกควบคุมตัวเข้าไปในสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ภายหลังงานรำลึกนายวาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 15 ปีที่ถูกยิงจนต่อมาเสียชีวิตนั้น เดินทางมายัง สน.ดินแดง พร้อมกับทนายความจากภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน และผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เพื่อเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน หลังแจ้งความขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ทำร้ายร่างกาย

 

นายอรรถสิทธิ์ เปิดเผยว่า “วันที่มาทำกิจกรรมไว้อาลัยให้น้องที่เสียชีวิตบริเวณหน้า สน. มีคลิปที่ปรากฎว่าผมโดนทำร้ายร่างกายโดยเจ้าหน้าที่ตรงประตูด้านหลัง จากนั้นก็โดนพาเข้าไปในห้องสืบสวนด้านหลัง ช่วงนั้นประมาณ 6 โมงถึง 1 ทุ่ม ผมโดนซ้อมร่างกาย ซ้อมทรมาน”

 

นายปรีดา นาคผิว ทนายความจากภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ชี้แจงกระบวนการวันนี้ว่า “วันนี้พนักงานสอบสวนที่น้องได้แจ้งความร้องทุกข์เรื่องซ้อมทำร้ายไว้แล้วให้มาให้ปากคำ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดทั้งมวล เพื่อเข้าสู่สำนวนคดีเรื่องทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและเป็นเรื่องที่สังคมกำลังจับตามอง และผลักดันให้เกิดการตรากฎหมายของประเทศไทย เพื่อรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศที่เป็นกติกาสากลว่าด้วยการป้องกันการทรมาน ซึ่งไม่มีบุคคลใดสมควรถูกซ้อมทรมานไม่ว่ากรณีใดใดทั้งสิ้นยิ่งเป็นเจ้าพนักงานต้องใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายด้วย”

 

“พนักงานสอบสวนแม้จะอยู่ใน สน. ท้องที่เดียวกันก็ควรจะดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ และรวบรวมหลักฐานทุกชิ้นเข้ามาในสำนวน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่น้องได้เรียกร้องไปแล้ว มีหนังสือถึงผู้กำกับไปแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าว่ามีการรวบรวมกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุไว้อย่างไร ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน ซึ่งจะต้องในการสืบสวนสอบสวนหาบุคคลที่ร่วมกระทำผิด โดยเฉพาะตั้งแต่หน้าพื้นที่ก่อนเข้าอาคารด้วย มีการซ้อมทำร้าย มีคลิปเห็นได้ชัด และในห้องด้วยที่น้องบอกว่าโดนทำร้ายจนมีบัตรแผลตามร่างกาย” ทนายความ กล่าว

 

ด้าน นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า “ผู้เสียหายประสงค์ดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุดในการเรียกร้องความเป็นธรรมจากเหตุที่เกิดขึ้นที่ สน. นี้ จากการถูกจับกลุ่มควบคุมตัวแล้วพาตัวเข้าไปในห้องในพื้นที่นี้ แล้วพบว่ามีร่องรอยบาดแผลที่โดนเนื้อตัวร่างกาย ทำให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำที่ละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชน เป็นการทำร้ายร่างกายระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่อาจถึงขั้นการทรมาน”

 

“เราคิดว่าควรมีหน่วยงานอื่นที่เป็นกลาง เราก็ไปร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชนที่สภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ก็ได้ไปให้ปากคำกับทางสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และทุกคำที่เราได้ยินคือกำลังดำเนินการกันอยู่ วันนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ให้การเพิ่มเติม เราก็อยากจะรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดหรือมีการบันทึกภาพและเสียงระหว่างการสอบสวนหรือเปล่า เพื่อจะเป็นพยานหลักฐานยืนยันกับสภาพเนื้อตัวร่างกาย ที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากออกจากห้องสืบสวนเวลาตี 3 เราจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องสืบสวนห้องนั้น” ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าว

 

นายอรรถสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เคสการซ้อมทรมานเกิดขึ้นได้ทุกคนอยู่แล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ยังถูกซ้อมทรมาน จึงอยากช่วยผลักดันตรงนี้ ส่วนใครที่โดนซ้อมทรมานมาก่อนแล้ว โดนตำรวจซ้อม โดนเจ้าหน้าที่รัฐซ้อม อยากให้ออกมาแจ้งความเพราะตำรวจต้องรักษากฎหมาย แต่ที่นี่ก็เป็นที่เกิดเหตุ จึงคิดว่าควรมีหน่วยงานกลางที่ช่วยเหลือมากกว่า”

 

ทนายความ ทิ้งท้ายว่า “หวังว่าที่นี่จะเป็นที่พึ่งของประชาชนอีกระดับหนึ่งในส่วนของพนักงานสอบสวน แต่ถ้าน้องรู้สึกไม่สบายใจอาจจะต้องมีมาตรการต่อไปในการที่จะติดตามเรื่องราวนี้ว่ามีการสอบสวนมากน้อยแค่ไหนเพียงใดและอยากให้มีการตรวจสอบว่าไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้นทั่วประเทศไทยเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป”

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์