วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

รุ้ง ปนัสยา -ทนายของอานนท์ และไมค์ เดินออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยคดีการชุมนุมล้มล้างการปกครองหรือไม่ ชี้กระบวนการพิจารณาไม่ชอบ เพราะไม่มีการไต่สวน ขณะที่ศาลย้ำว่ากระบวนการพิจารณารอบคอบ ให้โอกาสโต้แย้งเต็มที่


รุ้ง ปนัสยา -ทนายของอานนท์ และไมค์ เดินออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยคดีการชุมนุมล้มล้างการปกครองหรือไม่ ชี้กระบวนการพิจารณาไม่ชอบ เพราะไม่มีการไต่สวน  ขณะที่ศาลย้ำว่ากระบวนการพิจารณารอบคอบ ให้โอกาสโต้แย้งเต็มที่ 


วันนี้ (10 พ.ย. 64)เวลา 15.00 น.  ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นให้วินิจฉัยการกระทำของ นายอานนท์ นำภา, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, และภาณุพงศ์ จาดนอก เมื่อวันที่ 3 และ 10 ส.ค. เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ 


ก่อนการอ่านคำวินิจฉัย ฝ่ายแกนนำราษฎร ได้นำนาย ส.ศิวรักษ์  เพื่อมาเป็นพยานและขอให้ศาลทำการไต่สวน โดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส   ทนายของนายอานนท์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่ออ้างว่าอานนท์แจ้งว่าไม่ประสงค์ให้มีตัวแทนเข้าฟัง เนื่องจากอยากให้มีการไต่สวน เพราะได้เตรียมพยานมาด้วยเพื่อจะได้มีโอกาสในการต่อสู้คดี หากศาลไม่อนุญาตก็ให้ทนายความซึ่งเป็นตัวแทนออกจากห้องพิจารณา ไม่ให้มีตัวแทนเข้ารับฟังการวินิจฉัย


จากนั้นทนายความของภาณพงศ์ ก็แจ้งไม่อยู่รับฟังคำวินิจฉัย


เช่นเดียวกับ รุ้ง ปนัสยา แย้งว่าส่วนตัวอาจไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย อยากให้มีการไต่สวน โดยได้เตรียมพยานมาด้วย ซึ่งไม่ใช่การประวิงเวลา แต่เมื่อไม่มีการไต่สวน ก็ไม่ขอฟัง ดังนั้นทั้งทนายความของอานนท์และ ไมค์ และรุ้ง จึงออกจากห้องพิจารณาคดี   


ศาลชี้แจงว่าได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้องครบถ้วน ซึ่งกระบวนการพิจารณาของศาลไม่ใช่ระบบกล่าวหาแต่เป็นระบบไต่สวน ศาลมีอำนาจไต่สวน ได้ให้ฝ่ายผู้ถูกร้องทราบพยานหลักฐานทุกอย่าง ให้โอกาสโต้แย้ง ถือว่ากระบวนการพิจาณาถูกต้อง สิ่งที่คุณอ้างก็เป็นเรื่องของคุณ ศาลใช้เวลาพิจารณาเป็นปีกว่า ย้ำว่าเป็นไปด้วยรอบคอบ โดยหาพยานจากที่ต่างๆมาประกอบการพิจารณา     ทั้งนี้ศาลจึงได้ให้เจ้าหน้าที่บันทึกว่าผู้รับมอบฉันทะมาในห้องพิจารณาแล้วออกไป  


จากนั้นศาลได้อ่านคำวินิจฉัย โดยระบุว่าจากการปราศรัยในที่สาธารณะหลายครั้งของทั้ง อานนท์  รุ้ง ปนัสยา และไมค์ ภาณุพงศ์  มีเนื้อหาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์   ศาลเห็นว่าการกระทำและพฤติกรรมต่อเนื่องของทั้ง 3 คน มีเจตนาซ่อนเร้น เซาะกร่อนบ่อนทำลาย เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพมุ่งล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจึงสั่งการให้ทั้ง 3  และเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าว โดยรุ้ง-ปนัสยา ร่วมนั่งฟังการอ่านคำวินิจฉันด้านนอกพร้อมมวลชน 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์