‘เบนจา อะปัญ’ ถูกฝากขังต่อไปอีก 7 วัน คดีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หน้าตึก ซิโน-ไทย เมื่อ 10 ส.ค. 64 "คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช"
วานนี้ (29 พ.ย. 64)
ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ฝากขัง น.ส.เบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
ต่อไปอีก 7 วัน
ซึ่งทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ ความว่า
“ด่วน! ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ฝากขัง
#เบนจา
อะปัญ ในคดีปราศรัยใน #ม็อบ10สิงหา
ต่อไปอีก 7 วัน ศาลระบุ
"อัยการมีเหตุและความจำเป็นในการสั่งสำนวนการสอบสวนเพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องผตห.หรือไม่
โดยต้องส่งสำนวนไปให้อัยการสูงสุดตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด
เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ
แม้เหตุดังกล่าวเป็นเพียงระเบียบภายในองค์กรผู้ร้อง แต่ผู้ร้องจำต้องปฏิบัติ
อีกทั้งเหตุดังกล่าวไม่กระทบต่อการพิจารณาของศาลว่ากรณีสมควรปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนหรือไม่
จึงมีเหตุอันสมควรอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนต่อไปอีก 7 วัน
ผลจากคำสั่งนี้จะทำให้เธอต้องถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไปโดยขณะนี้เธอถูกคุมขังเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น
53 วัน นับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 64”
คดีนี้
ในวันที่ 7 ต.ค. 64 ‘เบนจา’ ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจากสถานีนครบาลทองหล่อ
เข้าแสดงหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 441/2564 ลงวันที่ 3
กันยายน 2564 ในข้อหา
“หมิ่นประมาทมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ
ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มี พ.ต.ต.ภิชาภัช ศรีคำขวัญ สารวัตรสอบสวน สน.ทองหล่อ
เป็นผู้ร้องขอออกหมาย และมีนายพีระศักดิ์ ใจเสงี่ยม เป็นผู้พิพากษาที่ออกหมาย โดยมีนายจักรพงศ์
กลิ่นแก้ว สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)
เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564
โดยกล่าวหาจากเนื้อหาคำปราศรัย
และเนื้อหาในแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 เรื่อง ประกาศเป้าหมาย “นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา”
และการเมืองหลังระบบประยุทธ์
หลังจากการจับกุมเบนจาแล้ว
พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวในชั้นสอบสวนและได้ยื่นคำร้องขอฝากขังเบนจาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
ซึ่งศาลฯ อนุญาตให้ฝากขังตามคำขอ ทนายความได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่ให้ประกันตัว
‘เบนจา’ เรื่อยมาและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วก็ตาม
แต่ในที่สุดศาลอาญากรุงเทพใต้ก็ยังคงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเช่นเดิม
ที่มา : https://tlhr2014.com/archives/36285
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์