อาวุธที่ใช้ทำลายล้างประชาธิปไตยเอาไว้ทำไม?
ต้องยกเลิก 250 ส.ว. ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระทั้งหมดที่มาจากคสช.ออกไปจากรัฐธรรมนูญ!
ส.ว.และองค์กรอิสระต่าง ๆ ที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ 2560 นี้ ตกทอดสืบเนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2540 รากฐานทางความคิดของการมีส.ว. เพราะ
“ดูหมิ่นดูแคลนเหยียดหยามการตัดสินใจทางการเมืองของประชาชน โดยปักใจเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกส.ส.เพราะได้รับเงินซื้อเสียงมา จึงต้องตอบแทนบุญคุณคนซื้อเสียงโดยไปหยอดบัตรเลือกเขา หรือไม่เช่นนั้นก็จะมีระบบหัวคะแนนที่รับเงินก้อนไปซื้อเสียง หากไม่ได้ตามเป้าต้องรับผิดชอบโดยประการต่าง ๆ จนกระทั่งความตาย”
ดังนั้น จึงดูแคลนเหยียดหยาม ส.ส. ส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง และป่าวร้องโฆษณาว่าพรรคการเมืองที่มีเงินมหาศาลสามารถซื้อประเทศไทยทั้งประเทศได้ จนสร้างข่าวคึกโครมว่ามีเงินระดับหมื่นล้านก็จะซื้อประเทศไทยได้ แล้วไปสูบเลือดกินเนื้อเอาคืนจากความมั่งคั่งของประเทศไทย
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีองค์กรอิสระต่าง ๆ เอาไว้ตรวจสอบควบคุม ส.ส. และพรรคการเมืองอย่างเข้มงวดเคร่งครัด ไม่ให้มีช่องที่จะคอร์รัปชั่นได้ หากมีร่องรอยแม้เพียงนิดเดียวก็ต้องฟาดฟันอย่างไม่ยั้งจนถึงกับทำลายชีวิตทางการเมืองไปตลอดกาล เช่น ยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ฟ้องยึดทรัพย์ กระทั่งทั้งครอบครัวหรือทั้งโคตร
เมื่อต้องจัดให้มีองค์กรอิสระขึ้นเพื่อบังคับควบคุม ส.ส. แล้ว ก็ต้องมีองค์กรในระดับเดียวกับส.ส.เพื่อสรรหาองค์กรอิสระ และเพื่อมากำกับควบคุมดูแลองค์กรอิสระอีกโสดหนึ่ง
จึงเป็นที่มาของ ส.ว. จากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งประเทศ
ในคราว สสร.40 กำลังยกร่างรัฐธรรมนูญ40 อยู่นั้น สมาพันธ์ประชาธิปไตยอันเป็นองค์กรนำในการต่อสู้เมื่อพฤษภาทมิฬ35 กับ รสช. คณะรัฐประหาร34 เสนอให้ มีเพียงสภาเดียว ไม่ต้องมีส.ว. เพราะจะมาทำหน้าที่ซ้ำซ้อน กับ ส.ส. และเกิดปัญหาในเรื่องอำนาจทางการเมือง
และเมื่อครั้งคณะราษฎร2475 โดยปรีดี พนมยงค์ ได้ประกาศไว้กว่าเจ็ดสิบปีแล้วว่า หากราษฎรได้รับการศึกษาภาคบังคับเกินกว่าครึ่ง ก็ยกเลิกการมี ส.ว. ไปเลย สมาพันธ์ประชาธิปไตยจึงเสนอว่าหากจะมีองค์กรอิสระก็ให้ยึดโยงกับ ส.ส. โดยตรง แต่น่าเสียดายที่ สสร.40 ไม่เห็นด้วย
ภายหลังการใช้รัฐธรรมนูญ40 ฝ่ายอนุรักษ์จารีตอำนาจนิยม เห็นผลสัมฤทธิ์ของระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะกำหนดชะตาชีวิตของตนและประเทศได้โดยการเลือกตั้ง พวกเขาจึงมุ่งหมายที่จะทำลายระบอบประชาธิปไตยลงไป โดยใช้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศเรื่องโกหกสารพัดที่สลับซับซ้อนจนทำให้คนหลงเชื่อจำนวนไม่น้อย
รวมไปถึงใส่ร้ายว่า ส.ว. เป็นสภาผัวสภาเมีย สภาครอบครัว รับใช้ตระกูลชินวัตร แต่ไม่ยักจะกดดันให้ยกเลิก ส.ว. (น่าแปลกแฮะคราวนี้ปี 2564 พวก 250 ส.ว. ลากตั้งกลับกลืนเสลดน้ำลายเหม็นเน่าที่พวกตนเคยถ่มถุยออกไปกลับเข้าลำไส้พวกตนเสียฉิบ ยังคงต้องการรักษา ส.ว. ไว้)
จนนำไปสู่การรัฐประหาร 49 และจัดทำรัฐธรรมนูญ 50 ของพวก คปค. ทำให้เกิดระบบ ส.ว. มาจากการแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง แต่การรัฐประหาร 49 ไม่อาจทำให้ความตั้งใจที่จะลากประเทศไทยให้ถอยหลังกลับไปสู่มืดมิดที่พวกเขาต้องการได้ จึงยึดอำนาจอีกและจัดทำรัฐธรรมนูญ60 ออกมา
คราวนี้พวกขวาจัดเอาสุดทาง กำหนดให้ส.ว. 250 คน มาจากการลากตั้งทั้งหมด เพื่อการปกป้องคุ้มครองและเสริมสร้างการเผด็จอำนาจของพวกขวาจัดอย่างถาวรแข็งแรง
ดังนั้น องค์กรอิสระทุกองค์กร รวมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาจากพวก คสช. จึงมีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ครอบงำและทำลายอำนาจทางการเมืองของประชาชนลงไปได้
ดังนั้น เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนได้รับการสถาปนาขึ้นอย่างแท้จริงแข็งแรงถาวร จึงต้องยกเลิกองค์กรอิสระทั้งหมดที่ไม่ได้มาจากประชาชน รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญด้วย และทำให้ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยได้ใช้อำนาจทางการเมืองที่ประชาชนมอบหมายมาให้โดยตรงได้อย่างแท้จริง
หากติดตามการอภิปรายในวาระแรกในการพิจารณารับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหนึ่งแสนห้าหมื่นชื่อในวันที่ 16 พ.ย. 64 จะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงจุดยืนทางการเมืองของ ส.ส. ฟากรัฐบาลและ 250 ส.ว. ลากตั้ง ล้วนแต่ต้องการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ60 ของ คสช. อย่างสุดชีวิตจิตใจ เพราะพวกเขาต้องการสร้างสังคมไทยที่เป็นประชาธิปไตยจำแลง ไม่ต้องการประชาธิปไตยแท้จริง
แต่ก็ไม่กล้าที่จะสร้างสังคมที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยในรูปแบบเปลือกนอก เพราะทั่วโลกไม่มีใครยอมรับกันอีกแล้วถ้าไม่ใช่สังคมประชาธิปไตย น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยประชาชนกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ต้องถูกตีตกในวาะที่หนึ่งไปอย่างแน่นอน
ที่มา : เฟซบุ๊ก Weng Tojirakarn 17 พ.ย. 64
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์