ผลจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ :
คดีปราศรัยล้มล้างการปกครอง
ผลจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
คดีปราศรัยล้มล้างการปกครอง ไม่ใช่เฉพาะผลต่อผู้ถูกร้อง 3 คนเท่านั้น
แต่ยังมีปัญหาในเนื้อหาคำวินิจฉัยที่ผู้คนสงสัย และผลต่อสังคมและคดีความต่าง ๆ
ที่จะตามมา ดังที่ผู้ร้องเองก็คาดหมายว่าจะดำเนินการต่อไปคือฟ้องร้องยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งผู้คนที่สนับสนุนตลอดจนนักวิชาการ ประชาชน ที่ลงชื่อสนับสนุน
นี่จะเป็นเรื่องใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์คดีการเมืองไทย
และจะถูกขยายนำไปสู่คดีมากมายต่อไป
ปฏิกิริยาเฉพาะหน้าที่เห็นก็มีผู้เห็นต่างจากการวินิจฉัย
โดยเฉพาะองค์กรขบวนการนิสิตนักศึกษาและประชาชน
ในส่วนของดิฉันเอง
นอกจากมีความกังวลในอนาคตการเมืองไทยและขบวนการต่อสู้ของเยาวชน ของประชาชน
ที่จะหักเห เห็นได้ว่ามี 2 ทาง คือทางหนึ่งสยบต่อคำวินิจฉัย
อีกทางคือยิ่งเร่งปฏิกิริยาการต่อสู้ ส่วนฝ่ายจารีตนิยม อนุรักษ์นิยม
ก็สามัคคีกันทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล หน่วยงานความมั่นคง นักร้อง กระบวนการยุติธรรม
จากตำรวจ อัยการ ไปจนถึงระบบตุลาการทั้งหลาย ก็จะเร่งเครื่องฟ้องร้อง จับกุม
ไม่ให้กันประกันตัวมากขึ้น ๆ โดยได้อาศัยพื้นฐานจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้
ก็จะยิ่งเท่ากับจุดระเบิดทั่วประเทศนั่นแหละ ชักธงรบจากฝ่ายจารีตนิยม อำนาจนิยม
เต็มอัตราศึก
เราจะเห็นได้ประการแรก
ไม่มีการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง โดยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่ามีข้อมูลเพียงพอ และได้ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคง
เช่น เลขาธิการสมช. ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ อัยการ ตำรวจ
ให้ความร่วมมือเต็มที่ โดยการขอจากรัฐบาล พูดง่าย ๆ
คือศาลรัฐธรรมนูญรับฟังจากพยานรัฐบาล หน่วยงานจารีตนิยมอำนาจนิยมที่มีจุดยืนพิทักษ์ความมั่นคงในระบอบดั้งเดิม
ไม่รับฟังทัศนะจากพยานฝ่ายผู้ถูกร้องแต่อย่างใด แม้จะเป็นคนอย่าง อ.สุลักษณ์
ศิวรักษ์ ซึ่งเป็นผู้นิยมเจ้าเต็มที่ก็ตาม
ประการที่สองข้อต่อมาคือ
การขยายความผิดจากผู้ถูกฟ้อง 3 ท่าน ไปถึงขบวนการนักศึกษาประชาชนทั้งหมด
ทั้งการกระทำในอดีตไปจนถึงในอนาคต ว่าเป็นขบวนการผู้ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ อันนี้อันตรายมากที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดสงครามคดีความขนาดใหญ่ทั่วประเทศทุกส่วน
ตั้งแต่พรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ ประชาชน เยาวชน
ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่มีนับพันคดี และคดี 112 กว่า 150 คดี
ประการที่สาม
เนื้อหาคำวินิจฉัยระบุเรื่องคำหยาบคาย, ความเท็จ, การทำลายพระบรมฉายาลักษณ์,
การลบสีน้ำเงินจากธงไตรรงค์, การปลุกระดมใช้ข้อมูลเท็จ
ต้องมีความชัดเจนว่าใครทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไร? และเกี่ยวข้องกับผู้ถูกร้องอย่างไร?
จริงหรือไม่? เพราะจากคำปราศรัยระบุได้ไหมว่ามีความเท็จหรือความจริง หยาบคายไหม
ยุยงให้ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ หรือทำลายธงไตรรงค์หรือไม่? อย่างไร? การพูดถึงลอย ๆ
ให้ผู้ถูกร้องมีความผิด ทำให้เกิดความกังขาต่อคำวินิจฉัย
ประการที่
4 การอ้างถึงประวัติศาสตร์การมีสถาบันกษัตริย์อยู่คู่กับประเทศไทยต้องไม่ถูกโต้แย้งได้
เช่น คำว่า “ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” มีมาเมื่อไร? แต่ไม่ใช่จาก
พ.ศ. 2475 รัฐธรรมนูญ 2475 ทั้งฉบับถาวรและฉบับชั่วคราวนั้น
เป็นฉบับที่ตกลงกันระหว่าง ร.7 กับคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ตัวแทนคณะราษฎร
ก็ไม่มีคำนี้
แต่ไม่สำคัญเท่ากับเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญดังคำปรารภของพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
พุทธศักราช 2475 บัญญัติว่า
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า
โดยที่คณะราษฎรได้ขอร้องให้อยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม
เพื่อบ้านเมืองจะได้เจริญขึ้น และโดยที่ได้ทรงยอมรับตามคำขอร้องของคณะราษฎร
จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยมาตราต่อไปนี้”
และอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวสยาม
ไม่ใช่อำนาจอธิปไตยเป็นของพระมหากษัตริย์อีกต่อไป แต่พระองค์ทรงใช้อำนาจตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั่นเอง
และทรงยอมรับคำขอร้องของคณะราษฎรให้อยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
พุทธศักราช 2475 และการอ้างถึงการใช้พระราชอำนาจนั้น ตามที่อ้างมาตรา 1 มาตรา 2
มาตรา 3 ของพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475
ขอให้สังเกตดู มาตรา 6 และมาตรา 7 ประกอบด้วย
*พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
พุทธศักราช 2475*
มาตรา 6 กษัตริย์จะถูกฟ้องร้องในคดีอาชญาในโรงศาลไม่ได้ เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรจะวินิจฉัย
มาตรา 7 การกระทำใด ๆ ของกษัตริย์ต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดลงนามด้วย
โดยได้รับความยินยอมของคณะกรรมการราษฎรจึ่งจะใช้ได้ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
ดังนั้น
การทำรัฐประหารแล้วฉีกรัฐธรรมนูญเดิมได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ล้าหลัง
เป็นแนวทางของฝ่ายจารีตนิยมนับจากรัฐประหาร พ.ศ. 2490 และรัฐธรรมนูญล้าหลัง 2492
ก็เป็นต้นแบบรัฐธรรมนูญที่ล้าหลังกว่าฉบับ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้
ระบบตุลาการที่เป็นจารีตนิยมอำนาจนิยม
จึงสามารถรับรองการทำรัฐประหารว่าถูกกฎหมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สงครามความคิด,
สงครามคดีความ (นิติสงคราม) จะนำพาไปสู่สงครามระหว่างประชาชนเสรีนิยม กับ
อำนาจรัฐจารีตนิยม อำนาจนิยม ที่มีขนาดใหญ่โตหรือไม่ น่าเป็นห่วงอนาคตประเทศไทย!
ธิดา
ถาวรเศรษฐ
12 พ.ย. 64
ลิ้งค์ฉบับเต็ม พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2475/A/166.PDF
#ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง #UDDnews #ยูดีดีนิวส์