วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2566

“อ.ธิดา” ไม่เชื่อ “ทักษิณ” ยอมแลกอนาคต “อุ๊งอิ๊ง” จับมือลุงเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ถ้าเพื่อไทยจำเป็นต้องแยกกับก้าวไกล ขอให้รวมกันในทางอุดมการณ์และภารกิจที่ลงไว้ใน MOU คือแก้รัฐธรรมนูญ


“อ.ธิดา” ไม่เชื่อ “ทักษิณ” ยอมแลกอนาคต “อุ๊งอิ๊ง” จับมือลุงเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ถ้าเพื่อไทยจำเป็นต้องแยกกับก้าวไกล ขอให้รวมกันในทางอุดมการณ์และภารกิจที่ลงไว้ใน MOU คือแก้รัฐธรรมนูญ


[ถอดจากการสัมภาษณ์ของ PPTV : รายการ เข้มข่าวค่ำ : 31 ก.ค. 66]


ทักษิณเตรียมกลับไทย หลายคนจับตาว่ามีดีลลับ แลกกับการที่เพื่อไทยจับมือข้ามขั้วรัฐบาล รวมกับ 2 ลุง หรือไม่? หากรวมกันจริง การชุมนุมต่อสู้ทางการเมืองในอดีต สูญเปล่า หรือไม่?


แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็คือมีดีลเพื่อแลกมั้ย อาจารย์เชื่อว่าไม่กล้าแลก กับว่าถ้าสมมุติเกิดแลกแล้วจะมีผลอย่างไร? ประการแรกเลยอาจารย์เชื่อว่าไม่กล้าแลก คือประวัติศาสตร์ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมามันมีตัวเอกก็คือครอบครัวชินวัตรที่เป็นเหยื่อที่ถูกกระทำพร้อมกับพรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา แต่ว่ามันไม่ใช่มีแต่ประวัติศาสตร์ของครอบครัวคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทย แต่ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือประวัติศาสตร์ของประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร 2549 แล้วจึงกลายเป็นเสื้อแดง


เสื้อแดง/คนเสื้อแดง สีเสื้อแดงไม่ใช่สีของพรรคเพื่อไทย ถ้าไปดูของเก่าเป็นสีขาวสีน้ำเงินทั้งนั้นเลย สีแดงมันเป็นสีของการต่อต้านรัฐประหารและไม่เอารัฐธรรมนูญ 50 ก็คือโหวตโน นี่เป็นเสื้อแดงตั้งแต่ยุคแรก แต่ว่าพอมาปัจจุบันก็กลายเป็นสีเสื้อแดงกลายเป็นสีพรรค เหตุผลเพราะว่าก่อนหน้านั้นการเลือกตั้งก่อน ๆ หน้านั้นไม่ได้ใช้สีแดง ไม่มีฉาก ไม่มีเสื้อ บางครั้งให้ถอดอีก เพราะว่าอยากจะให้คนอื่นที่ไม่ใช่เสื้อแดงจะได้เลือกด้วยอะไรอย่างนี้


ประวัติศาสตร์ส่วนนี้เป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร มันยาวนาน 2 ทศวรรษ แล้วก็มีความสูญเสียบาดเจ็บล้มตาย แล้วมีความเจ็บปวดของพี่น้องประชาชนมากมาย แล้วคนส่วนใหญ่ต้องถือว่าเป็นคนชั้นกลางล่างทางเศรษฐกิจจนถึงคนยากจน คุณเข้าไปในโรงพยาบาล ถ้าเป็นระดับผอ.หรือว่าหัวหน้าพยาบาลอะไรพวกนี้ก็จะเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชน แต่ถ้าเป็นพลเปล คนถูบ้าน คนกวาด อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เสื้อแดงหมด ก็คือไพร่ชนบทด้วย กับไพร่ในเมืองด้วย คนจน คนจนเมือง คนจนชนบท แล้วประวัติศาสตร์การต่อสู้นี้ยาวนาน แล้วในระหว่างการต่อสู้เขามีความภาคภูมิใจที่เขาเป็นคนเสื้อแดง ก็จะเก็บประวัติศาสตร์ มีรูปมีอะไรไว้หมด บัตรนปช. เขาก็จะเก็บไว้หมด


คำถามว่าสิ่งเหล่านี้ 2 ทศวรรษ คุณทักษิณกับพรรคเพื่อไทยทำลายไม่ได้ หลายคนที่มาเป็นคนใส่เสื้อสีแดงยุคใหม่อาจจะไม่เข้าใจสิ่งนี้ที่บอกว่าจะมาแลกหรืออะไรเนี่ย อาจารย์ว่ามันไม่ใช่ ถ้าใช้ภาษาทางการสักหน่อยก็คือ ถึงเขาจะเป็นไพร่ชนบทเขาก็เป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ เป็น Active Citizen คิดเองได้ ประสบการณ์ในการต่อสู้หนึ่ง การปราศรัย การบรรยาย เราเปิดโรงเรียนการเมืองนะ ไม่ใช่โรงเรียนเศรษฐกิจ ในขณะที่พรรคไทยรักไทยนั้นเกิดมาในท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ แล้วต้องการมาแก้ความเดือดร้อนของประเทศชาติประชาชนหลังจากต้มยำกุ้ง เป็นโจทย์ทางเศรษฐกิจ แต่ว่าคนเสื้อแดงตอบโจทย์ทางการเมืองมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ประวัติศาสตร์ส่วนนี้และความภาคภูมิใจส่วนนี้ จะมาทำลายด้วยการที่ว่ามีดีลมีอะไรเป็นไปไม่ได้


เอาว่าตอนเลือกตั้งครั้งก่อน 15 ล้านกว่าเสียงก็คือตอน 54 ถูกปราบตอน 53 พอปี 54 เขาก็แลนสไลด์ให้พรรคเพื่อไทย นี่คือการต่อสู้สันติวิธี ก็ได้รับชัยชนะ ถามว่าทำไมเพื่อไทยเหลือ 10 ล้าน ก็คือแปลว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่เคยเลือกเพื่อไทย ซึ่งอาจารย์จะเรียกว่าเป็นคนเสื้อแดงก็ได้ ก็หายไป 5 ล้าน นี่เป็นโจทย์ที่พรรคเพื่อไทยและคนที่เป็นแฟนคลับพรรคเพื่อไทยควรจะค้นคว้าว่าเพราะอะไร คุณตีโจทย์ผิดหรือเปล่า จริง ๆ แล้วขณะนี้ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เขาไม่สามารถทนอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ได้แล้ว การเมืองต้องมาก่อน แล้วเศรษฐกิจตามมาทีหลัง ในทัศนะอาจารย์นะ ไทยรักไทยถูกกระทำ เราก็เป็นเรียกว่าเดินคู่กัน แต่ไม่ได้หมายความว่า belong ถูก เดินคู่กันแล้วก็ถือเป็นมิตร ช่วยเหลือกัน คือการเดินสองขา ในเวทีรัฐสภาก็เรียกว่ามีเพื่อไทยอยู่พรรคเดียว แต่ว่าตอนนี้มีสอง ต่อไปข้างหน้าอาจจะมีสามก็ได้นะที่เด่น ๆ ดังนั้น คนเสื้อแดงที่มีวิญญาณของการต่อสู้เผด็จการ ต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คนเหล่านี้ไม่เลิกนะ และมีจำนวนไม่ใช่น้อย


ปัจจัยที่ทำให้ “ทักษิณ” ไม่กล้าแลก ไปจับมือพรรค 2 ลุง


ที่สำคัญที่สุดด้วยก็คือว่า ครั้งนี้คุณทักษิณออกแรงสูงมากนะ คืออุ๊งอิ๊ง ลูกสาว กับคุณเศรษฐา คุณอุ๊งอิ๊ง อาจารย์ก็ยังชื่นชมเธอนะว่ามีความมุ่งมั่นในการที่จะเข้ามาทำงานการเมือง เพราะว่าเธอก็คงจะเจ็บปวดที่คุณพ่อและประชาชนถูกกระทำ ตรงนี้เราก็ต้องให้เครดิต และครอบครัวนี้เขาก็รักกันมาก เราก็เห็นคุณอุ๊งอิ๊งตั้งแต่ตอนที่เวลาศาลตัดสินคุณทักษิณเป็นยังไง สายตาเธอเป็นยังไง แล้วเธอก็สู้จนกระทั่งมาบัดนี้ คุณอุ๊งอิ๊งเป็นคนพูดเลยว่า “ไม่เอาลุง” ชัดเจน คุณเศรษฐาก็ไม่เอาลุง คำถามว่าถ้าคุณทักษิณจะไปเอาลุงด้วยประโยชน์ของตัวเองเพื่อแลก คุณทักษิณจะทำลายอนาคตลูกสาวอย่างนี้เหรอ ก็เรียกว่าเหมือนกับขายไปให้กับผลประโยชน์ของตัวเอง อาจารย์ไม่เชื่อ คุณอุ๊งอิ๊งเพิ่งจะก้าวเข้ามานะ พอก้าวเข้ามาแล้วเสียสัจจะทันที แล้วอนาคตการเมืองจะเหลือเหรอ นอกจากคุณอุ๊งอิ๊งแล้ว พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ มันหมด แล้วก็เที่ยวนี้เลือกตั้งครั้งนี้หายไป 5 ล้าน แล้วเที่ยวหน้าจะเป็นยังไง แน่นอนมันยังมีคนรัก แล้วก็คนเสื้อแดง ถามว่าเขาอยากให้คุณทักษิณมามั้ย เขารักคุณทักษิณมั้ย ไม่ว่าเขาเป็นนักต่อสู้หรือเขาเป็นเพียงแฟนคลับ เขาก็อยากให้คุณทักษิณมาทั้งนั้น อาจารย์ก็เหมือนกัน


ประกาศชัดไม่จับมือ พปชร./รทสช.


ด้วยความคิดของคุณอุ๊งอิ๊งเองแล้วก็คุณเศรษฐาเอง ก็ไม่เห็นด้วย เพราะว่าก็เข้าใจประวัติศาสตร์ คุณจะทำลายประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน มันก็เหมือนทรยศหักหลังคนที่ตายไปแล้ว คนที่ต้องติดคุกติดตะราง คนที่ต้องเจ็บปวด แล้วก็ที่ผ่านมาก็คือโอเคมาเป็นโหวตเตอร์ แต่ทั้งหมดนี้มันเป็นมรดกการต่อสู้ยาวนานของประชาชน ถ้าทำตรงนี้ก็ทำให้ชัยชนะของประชาชนที่ได้ 70 กว่าเปอร์เซ็น รวม 312 เสียงนะ ซึ่งไม่เอาเผด็จการ ตรงนี้สำคัญมากแล้วก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ปกติมันจะพอดี ๆ กันนะ เหลื่อมกันนิดหน่อย แต่เที่ยวนี้มันมากเลย จนกระทั่งเกิดความหวาดกลัวของฝั่งอนุรักษ์นิยมมาก แต่ว่าถ้าคุณไปจับมือมันก็ทำให้เรียกว่าชัยชนะของประชาชนถูกทำลาย


ไม่ว่าจะมองทั้งมุมการเมืองและมุมนักธุรกิจก็มีราคาที่ต้องจ่ายมากเกินไป จึงเชื่อว่าจะไม่มีการข้ามขั้ว


เอาธรรมดาง่าย ๆ นะ คิดแบบนายทุนก็ได้ มันไม่คุ้ม พรรคก็ไม่คุ้ม สูญเสียโหวตเตอร์ ฐานของคุณอยู่ที่ไหน ฐานของคุณไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยม คุณจะไปแย่งฐานเสียงกับประชาธิปัตย์เหรอ ประชาธิปัตย์ก็ไม่เหลือแล้ว คนรุ่นใหม่มันจะเป็นเสรีนิยมหมดเลย นี่คิดแบบนายทุนก็ได้นะไม่ต้องคิดแบบนักต่อสู้นะ ก็แปลว่าการตลาดคุณสูญเสียลูกค้าของคุณ ลูกค้าอยู่เสรีนิยม สูญเสียหมด ไม่คุ้ม แล้วก็สร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับผู้บริหารบริษัทนั้น ก็คือ 2 คน อันนี้พูดแบบในมุมธุรกิจนะ แต่ถ้าพูดในมุมนักต่อสู้ยิ่งไม่ได้เลย เพราะว่ามันไม่ใช่สูญเสียเป็นว่าแบรนด์ของการใช้ แต่มันหมายถึงอุดมการณ์ แล้วก็มันจบแล้วจบเลยนะ ไม่มีกลับ ในทางการเมือง มันไม่ใช่ขายไก่ทอดหรืออะไร ไม่ใช่ไปทำสูตรใหม่ คนอาจจะกลับมากิน มันไม่ใช่! อุดมการณ์การเมืองไม่ใช่สินค้าทางธุรกิจที่จะกลับมารีแบรนด์ จบแล้วจบเลย เพราะมันเป็นความเชื่อมั่นที่ต้องอาศัยพลังยิ่ง เพราะฉะนั้น ไม่คุ้ม อาจารย์คิดว่าเขาไม่น่าจะนะ


ประเมินทางเลือกของพรรคเพื่อไทยตอนนี้มี 2 ทาง


สูตรแรกที่เราชอบสุดเนี่ยก็คือจับมือกันก็รำวงกันไปรำวงกันมา หมายความว่าเดี๋ยวก็มีเรื่องนั้น เดี๋ยวก็มีเรื่องนี้ ส่วนที่คุณจะทำงานในฐานะนิติบัญญัติก็ทำไป เสนออะไรไป ถ้าสูตรที่ผ่ายประชาธิปไตยชอบที่สุดก็คือจับมือกันแน่น คือหมายความว่าสองพรรคก็เสมือนหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งที่จริงมันยากนะ มันยาก เพราะว่าเขาเป็นคู่แข่งกัน แต่ว่าในความคิดของฝ่ายประชาธิปไตยต้องการให้เป็นอันเดียวกัน ถ้ามันมีปัญหาก็ให้มีปัญหาด้วยกัน เพราะว่ามันจะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าที่เลือกมาไม่ผิดหวัง ก็รำวงกันไปจนถึง 10 เดือน ร้องเพลงใหม่ เปลี่ยนเพลงใหม่อะไรก็ว่าไป ดี/ไม่ดี ก็อาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นี่คือสูตรที่ 1


หรือว่ามิฉะนั้นก็คือเอาพรรคมาเติม แต่มันเกิดปัญหาว่าพรรคที่มาเติมเขาก็ไม่เอาก้าวไกล เพราะฉะนั้นสูตรที่ 2 ที่ว่าเอาพรรคอื่นมาเติม มันถูกปิดกั้น ทั้งหมดนี้คือผลพวงของรัฐธรรมนูญของคสช.ทั้งสิ้น


สูตรไม่มีก้าวไกล ไม่มีลุง แต่เอา ภูมิใจไทย/ประชาธิปัตย์ มาเติม


สูตรนี้มีความเป็นไปได้มาก แต่บนความเป็นไปได้ตรงนี้ประชาชนอาจจะยังรับไม่ได้เช่นพรรคประชาธิปัตย์ คือรับไม่ได้ 1) ทำไมคุณทิ้งก้าวไกล รับไม่ได้ 2) ทำไมมีประชาธิปัตย์มา ถ้าก้าวไกลยินดีเองในการที่จะไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อให้รัฐบาลทำภารกิจตามพันธสัญญาที่ตกลงเอาไว้ MOU แล้วก้าวไกลโหวตให้ คุณก็อาจไม่ค่อยมีปัญหา คือปัญหาน้อยลงหน่อย อีกอันหนึ่งก็คือหมายถึงว่าพรรคประชาธิปัตย์ ในมุมของอาจารย์นะ อธิบายได้ ประชาธิปัตย์วันนี้มันไม่ใช่ประชาธิปัตย์เมื่อมี 53 แล้ว จากเคยเป็นไม่ใช่ภูเขา เอาเป็นจอมปลวกใหญ่ ๆ ก็ได้ ตอนนี้มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว มันแหลกสลายเป็นดิน แล้วมันก็เป็นคนชุดใหม่ ก็เขาไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ ไปอยู่พลังประชารัฐหมด ตัวตึง ๆ เข้ม ๆ ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นมันเหลือแต่ชื่อแล้ว พรรคการเมืองผู้ถือธงอนุรักษ์นิยมก็ไม่ได้อยู่ในมือแล้ว ก็กลายเป็นพรรคเล็ก ๆ


แต่อาจารย์ให้ความสำคัญว่าถ้ามันติดกับทั้งหลายเราต้องวิเคราะห์ว่าสาเหตุมันมาจากไหน สาเหตุมันมาจากรัฐธรรมนูญและการไม่ยอมปล่อยอำนาจของพวกจารีตอำนาจนิยม ถ้าจำเป็นต้องแยกกัน เป็นรัฐบาลพรรคหนึ่ง เป็นฝ่ายค้านพรรคหนึ่ง แต่ขอให้รวมกันในทางอุดมการณ์และทางภารกิจ นั่นก็คือคุณต้องแก้รัฐธรรมนูญ คุณต้องปฏิรูปกองทัพ ที่ลงไว้ใน MOU นะ คือคุณแยกในการที่ทำภารกิจ แต่คุณต้องยังรวมกันในอุดมการณ์ ต้องมีกำหนดเลยว่ารัฐธรรมนูญจะเสร็จเมื่อไหร่ พอรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วยุบเลยรัฐบาล เลือกตั้งใหม่ ก็คือทำภารกิจที่ถูกจำกัดด้วยผลพวงการทำรัฐประหารและรัฐธรรมนูญฉบับนี้


ถ้าแยกกับก้าวไกลจริง จะมั่นใจได้หรือไม่ว่าเพื่อไทยจะขับเคลื่อนนโยบายตาม MOU ของ 8 พรรคต่อ


DNA ระหว่างเป็นนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ กับ DNA นักต่อสู้ คุณมีอันไหนมากกว่า แต่พูดก็พูด ถ้าคุณไม่ทำ คุณก็จบเหมือนกัน เพราะว่าตลาดของคุณเขาเป็นพวกต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ แล้วคุณจะไปแย่งชิงตลาดทำไมกับประชาธิปัตย์หรือรวมไทยสร้างชาติ เด็กรุ่นเยอเนอเรชั่นใหม่เขาก็ไม่เอาอนุรักษ์นิยมทั้งนั้นแหละ มันจะ 70-80-90 ไปเลย เพราะฉะนั้นจะทำให้ฝ่ายเสรีนิยมสามารถที่จะกลับมาคือรีแบรนด์ให้เป็นที่ชื่นชมได้ คุณต้องจริงใจในการที่ขจัดผลพวงการทำรัฐประหาร ตรงนี้ก็ต้องพิสูจน์ แล้วถ้าไม่ทำ แบรนด์นี้ก็จบเหมือนกัน จบอนาคตการเมืองของเพื่อไทยและคุณอุ๊งอิ๊งเองด้วย


อาจารย์ก็คิดว่าคุณทักษิณก็ไม่ใช่คนโง่ มาในเวลานี้แปลว่าคุณทักษิณก็คงต้องยอมเสี่ยงแล้วล่ะ มาเที่ยวนี้อาจารย์ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าข่ายถูกหลอกหรือเปล่านะ แต่ถ้าถูกหลอกก็คิดเสียว่าช่างหัวมัน ติดคุกก็ต้องติด เพราะว่าในคุกก็คนเหมือนกัน พวกแกนนำนปช.ก็ติดคุกกันแล้วคนละหลายรอบ นี่คดียังไม่หมดนะ แต่อาจารย์พูดแทนพวกเขาก็คือเขาก็สู้แล้วก็ยอมยากลำบาก


หากเป็นไปตาม 2 ทางที่กล้าวมา จะกระทบการที่คุณทักษิณจะกลับไทยหรือไม่


อันนี้เขาวางไว้แล้วที่กลับของเขา ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวอยู่บ้างพอสมควรกับบทบาทที่ดูว่าเป็นเสือที่น่ากลัวน้อยลง เพราะมีเสือตัวใหม่น่ากลัวกว่าคือก้าวไกล ลักษณะของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคที่จะมารื้อโครงสร้างทางการเมือง เพราะฉะนั้นความน่ากลัวของคุณทักษิณเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมันก็ลดลงมากแล้ว และอาจจะดูเหมือนว่าสามารถสกัดพรรคก้าวไกล แล้วก็ทำให้ลักษณะประนีประนอมสูงขึ้น แต่อาจารย์ก็ไม่ถนัดที่จะไปเข้าใจฝั่งของพวกอนุรักษ์นิยมนะ เพราะว่าพวกเขาก็ไม่น่าไว้ใจ อำมหิต แล้วก็มีเครือข่ายที่ลึกซึ้งและไม่ยอมคืนอำนาจ ก็คือคุณทักษิณต้องยอมเสี่ยงชีวิตตัวเอง แต่ว่าไม่ควรจะเสี่ยงที่จะไปทำให้การเมืองใหม่ของลูกและชีวิตของพรรคต้องถูกทำลาย ควรจะรับเองทั้งหมด ถ้าแม้นจะยากลำบากก็ต้องยอม


อาจารย์อยากจะพูดแทนคนเสื้อแดงว่า การรัฐประหาร 49 และ 57 รวมทั้งเด็กปัจจุบัน คุณทักษิณก็เป็นเหยื่อ และไม่ใช่คุณทักษิณคนเดียว เพราะฉะนั้นรัฐบาลใหม่ที่จะฟอร์ม ต้องมีคณะกรรมการที่จะมาจัดการเรื่องนี้ ถ้าคุณข้ามขั้วไปเอาคนที่มีส่วนในการฆ่าประชาชน จัดการคนเสื้อแดง และรวมทั้งคุณทักษิณ เข้ามาเป็นรัฐบาลด้วย คุณจะได้ความยุติธรรมที่ไหน ไม่ได้ความยุติธรรมไม่ว่าคุณทักษิณหรือแม้กระทั่งประชาชน นี่คือเหตุผลที่ว่าข้ามขั้วไม่ได้ คนจะโกรธ เหมือนนิรโทษกรรมสุดซอย คนเสื้อแดงก็ไม่เอา


เพราะฉะนั้น อาจารย์ดูว่าไม่น่าจะแลก ไม่ว่าจะคิดแบบนักธุรกิจ หรือว่าคิดแบบการเมือง หรือคิดแบบคนมีสำนึกในประวัติศาสตร์การต่อสู้ประชาชน มุมไหนก็ไม่คุ้ม ทีนี้ถ้าบอกว่าเกิดไปทำ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจบหมดเลยทุกอย่าง จบทั้งพรรค จบทั้งชีวิตการเมืองของลูกสาว แล้วก็มันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าอัปยศ ทั้ง ๆ ที่ประวัติศาสตร์ประชาชนนั้น คุณทักษิณถือเป็นผู้มีศักดิ์ศรีนะ เป็นเหยื่อที่ถูกกระทำจากเผด็จการ และเป็นผู้นำพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมจากประชาชนมาก จนกลายเป็นที่หวาดกลัวของฝ่ายอนุรักษ์นิยม/อำนาจนิยม จนต้องมาจัดการ ดูซิทำรัฐประหารตั้ง 2 รอบ มันไม่ใช่ความพ่ายแพ้นะ มันเป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะไปทำลายมันทำไม ถ้าติดสินใจแล้วอาจารย์ว่าคุณทักษิณคงยอมแล้ว


อย่างที่บอกว่าศักดิ์ศรีของประชาชน ประวัติศาสตร์ประชาชน รวมทั้งประวัติศาสตร์ของคุณทักษิณเอง ที่ต่อไปคนจะได้ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ทำให้การเมืองไทยหลังจากต้มยำกุ้งมีชีวิตประชาชนที่ดีขึ้น เอานโยบายเข้ามาแล้วทำให้คนชื่นชม และถูกทำรัฐประหารตั้ง 2 ครั้ง แต่ยังไม่เลิกสู้ไง!


ตอนนี้เนื่องจากมันยังไม่ชัดเจน ข่าวมันก็จะมีถ้าอย่างโน้น ถ้าอย่างนี้ แต่อาจารย์อยู่บนสมมุติฐานของการที่ว่าทำงานมวลชนอยู่กับคนเสื้อแดงมา แล้วพอจะเข้าใจวิธีคิดของนักธุรกิจอะไรบ้าง เพราะฉะนั้น เราพูดอย่างมิตร แม้นในการทำงานนปช. ก็ทำไม่ตรง คิดไม่ตรง นิรโทษก็คิดไม่ตรง ICC ก็คิดไม่ตรง ทำรัฐธรรมนูญก็คิดไม่ตรง ถามว่าโมโหมั้ย โมโห ทำไมไม่เชื่อเรา ก็โมโห แต่เราถือว่าเขาเป็นมิตรและเขามีความจำกัดทางความคิดของเขา คือเขาไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร เขาพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ แต่การต่อสู้ของประชาชนมา 90 ปีแล้ว เป็นการต่อสู้ที่ส่งทอดมา มันมีเป้าหมายอยู่ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นเป้าหมายที่ไปข้างหน้าที่คนต้องเท่าเทียม สิทธิเสมอภาค ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ ต่อสู้ให้อำนาจเป็นของประชาชน อันนี้เป็นการต่อสู้ที่ต้องเดินต่อ ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์เลย


เพราะฉะนั้น คนเสื้อแดงมันเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้แล้วและมีเป้าหมาย ฉะนั้นจะมีแกนนำหรือไม่มีแกนนำเขาก็สั่งตัวเองได้ เพราะเขาสู้มาตั้งสิบกว่าปี ต่อให้เขาเป็นชาวบ้านในชนบท คุณลองคิดดู เลือกตั้งครั้งที่แล้วปี 62 ก้าวไกล (อนาคตใหม่) ทำไมได้เสียงมากขนาดนี้ แม้กระทั่งในพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะประชาชนเขาตื่นรู้และต้องการเปลี่ยนแปลง


ในขณะนี้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจึงต้องคิดมาก แล้วก็ทำลายตัวเอง ทำลายประวัติศาสตร์ตัวเอง ทำลายอนาคตของลูก ทำลายอนาคตของพรรคการเมืองและเพื่อนร่วม และทำลายชัยชนะการต่อสู้ประชาชน ไม่คุ้มเลย!


ขอบคุณ PPTV ในการสัมภาษณ์


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณ #เพื่อไทย