วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2566

‘ธนาธร’ ลุยชัยภูมิ ชี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนไร้การกดขี่ ชวนทุบโครงสร้างทุนผูกขาด-รัฐราชการรวมศูนย์-เอาทหารออกจากการเมือง ย้ำ เลือกแบบเดิมได้แบบเดิม อยากเปลี่ยนต้องก้าวไกลสองใบเท่านั้น

 


ธนาธร’ ลุยชัยภูมิ ชี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนไร้การกดขี่ ชวนทุบโครงสร้างทุนผูกขาด-รัฐราชการรวมศูนย์-เอาทหารออกจากการเมือง ย้ำ เลือกแบบเดิมได้แบบเดิม อยากเปลี่ยนต้องก้าวไกลสองใบเท่านั้น

 

วันที่ 11 มีนาคม 2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยแนะนำนโยบายของพรรคก้าวไกล และแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 6 คน ในเขตรอบนอกอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ ที่มณฑปพระแท่นบัลลังก์ อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ โดยได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก ทำให้เก้าอี้ที่เตรียมไว้ 800 ที่นั่งไม่เพียงพอ ต้องเสริมเพิ่มกว่าเท่าตัว จนประชาชนล้นหลามไปทั้งลานมณฑปพระแท่นบัลลังก์และพื้นที่โดยรอบ

 

หลังจากการปราศรัยโดยผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 6 เขตแล้ว ธนาธร ได้ขึ้นปราศรัยปิดเวทีเป็นคนสุดท้าย เริ่มต้นด้วยการพูดถึงวงจรชีวิตของคนอีสานจากที่ตัวเองได้สัมผัส โดยระบุว่าชีวิตของคนอีสานจำนวนมากยังต้องวนเวียนอยู่ในความยากลำบาก ทุกพื้นที่ที่ไปมา ตนได้พบเจอกับเด็กน้อยจำนวนมากที่แทบไม่มีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้ากับพ่อแม่ ที่ต้องเข้าไปหางานทำในเมือง ฝากลูกหลานให้อยู่กับปู่ย่าตายาย มาถึงวัยเรียนก็ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนรอบบ้านที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอนและบุคลากร อยากเข้าโรงเรียนดีๆ ก็ต้องเสียเงินเรียนพิเศษ หรือใครพอมีเงินก็ต้องส่งลูกหลานไปเรียนในเมืองหรือในกรุงเทพฯ บ้างก็ต้องกู้หนี้ยืมสิน กยศ. มาเรียน จบออกมาก็เป็นหนี้

 

ตั้งแต่เกิดจนเรียนหนังสือจบ ชีวิตคนอีสานจำนวนไม่น้อยต้องติดลบไปแล้วสองแสนกว่าบาท เรียนจบกลับมาบ้านจะหางานทำที่มีคุณภาพก็ไม่มี มีแต่งานรับจ้างรายวันแบบมีบ้างไม่มีบ้าง จะรับราชการก็อาจเจอระบบเส้นสายที่ถ้าไม่รับใช้นายก็ไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ยาเสพติดเต็มตำบลแบบที่ทุกคนในตำบลรู้หมดว่าบ้านไหนขาย ยกเว้นตำรวจที่หลายคนเอาเวลาส่วนใหญ่ไปรับใช้นายเพื่อหวังเติบโต ทำอาชีพเกษตรก็ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง กลุ่มทุนผูกขาดก็ขึ้นราคาปุ๋ยทุกปี เป็นหนี้เป็นสินกันถ้วนหน้า

 

เมื่อโอกาสและอนาคตที่บ้านไม่มี ก็ต้องไปหางานรับค่าแรงขั้นต่ำทำในเมือง ตามบริษัทห้างร้านโรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก โอกาสน้อยมากที่แก่เฒ่ากลับบ้านมาร่ำรวย โอกาสที่จะมีบ้าน มีที่ดิน มีรถ มีครอบครัวที่อบอุ่น กลายเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกินในประเทศนี้ พอแก่ตัวลงมา การเข้าถึงบริการสาธารณะก็ยาก เข้าคิวทั้งวันเพื่อให้ได้เจอหมอแค่ 15 นาที โรงพยาบาลที่ทันสมัยก็หาได้ยาก คนส่วนใหญ่ของประเทศยังเข้าไม่ถึงน้ำประปาที่ใสสะอาดมีใช้ทั้งปี บริการขนส่งสาธารณะก็ไม่มี

 

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่านี่คือวงจรชีวิตคนอีสานและคนชนบทในแทบทุกจังหวัดของประเทศไทย ที่ตั้งแต่เกิดจนแก่เฒ่าก็ยังต้องยากลำบาก หลายคนบอกว่าเป็นเพราะคนเหล่านี้ทำบุญมาไม่พอหรือขี้เกียจ ตัวเองขอยืนยันว่าไม่ใช่ คนอีสานไม่ใช่คนขี้เกียจ มือของคนอีสานคือมือที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ปลูกข้าวเลี้ยงคนทั้งประเทศ สร้างบ้านสร้างเมืองให้คนทั้งประเทศ ที่พวกเขาต้องยากจนไม่ใช่เพราะทำบุญมาไม่พอ แต่เพราะโครงสร้างสังคมที่ไม่เป็นธรรมต่างหาก

 

ที่ผ่านมาคนไทยจ่ายภาษีมากมายในชีวิต แต่ไม่เคยเห็นดอกผลจากการจ่ายภาษีเลย ยิ่งใช้ชีวิตไปยิ่งมองไม่เห็นอนาคต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหยุดวงจรชีวิตแบบนี้ จะเปลี่ยนแปลงได้ต้องสู้กับโครงสร้างสังคมที่ไม่เป็นธรรม ต้องเก็บภาษีคนรวยมากกว่านี้ ยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีที่อนุญาตให้บริษัทพันล้านหมื่นล้านทำธุรกิจบางประเภทได้แบบไม่ต้องเสียภาษี ลูกหลานเราเปิดร้านกาแฟยังต้องเสียภาษีแต่คนรวยไม่ต้องเสียภาษีเลยได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรที่ดินรกร้างว่างเปล่าในมือนายทุนไม่กี่คนที่กว้านซื้อไว้แทบจะไม่ต้องเสียภาษี พอจะเก็บก็เอาไปปลูกกล้วยเลี่ยงภาษี

 

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าเราต้องเก็บภาษีคนที่ที่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากกว่านี้เพื่อให้สังคมเป็นธรรม ที่ผ่านมาดอกผลการพัฒนาตกไปอยู่ในมือของคนร่ำรวยมากเกินไปแล้ว ตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจากนโยบายของพรรคก้าวไกล นี่คือพรรคที่จะยืนอยู่ข้างคนยากจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ จัดการกับทุนผูกขาด ไม่ว่าจะกลุ่มทุนพลังงานที่ร่ำรวยเป็นแสนล้านภายในไม่กี่ปีจากนโยบายที่เอื้อกลุ่มทุนพลังงาน กลุ่มทุนสุราที่ผูกขาดตลาด 4 แสนล้านบาทต่อปีเพียงไม่กี่เจ้า จะแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนต้องเข้าไปจัดการกับกลุ่มทุนพวกนี้ เปิดโอกาสให้ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยมีโอกาสค้าขาย

 

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าพรรคก้าวไกล ไม่เคยสัญญาว่าจะเอาโครงการอะไรมาให้ จะสร้างบ่อน้ำที่ไหน แต่พรรคก้าวไกลเสนอเรื่องปลดล็อกท้องถิ่น ปฏิรูประบบราชการ เอางบประมาณและอำนาจกลับมาอยู่ที่ตำบลและจังหวัดของทุกคน จะบริหารอย่างไรให้คนท้องถิ่นจัดการกันเอง ไม่ใช่กำหนดโครงการมาจากส่วนกลางแล้วจัดอบรมทั่วประเทศแบบที่ไม่ตอบโจทย์พื้นที่ เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการความเมตตา แต่ต้องการความเป็นธรรม ไม่ต้องการระบบที่ต้องเขียนโครงการขึ้นไปขอแล้วรอความเมตตามอบลงมาให้

 

ธนาธรยังระบุด้วย ว่าอย่างไรก็ตามทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย อย่างที่เห็นกันว่าพรรคก้าวไกลยืนยันเสมอถึงความจำเป็นในการปฏิรูปกองทัพ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ป้องกันไม่ให้ใครมาทำลายประชาธิปไตยด้วยการรัฐประหารอีก โดยก้าวแรกคือการยกเลิกเกณฑ์ทหาร พรากอนาคตของคนหนุ่มในวัยที่มีพลังชีวิตที่สุดให้ต้องไปรับใช้บ้านนายพล

 

จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลนำทุกเรื่องเหล่านี้เข้าสู่สภา ทั้งด้วยการอภิปรายให้รัฐเปลี่ยนนโยบายเลิกเอื้อกลุ่มทุนพลังงาน เสนอร่างสุราก้าวหน้า เสนอร่างปลดล็อกท้องถิ่น และเรื่องอื่นๆ อีกมาก และแม้จะไม่สำเร็จด้วยความเป็นฝ่ายค้าน แต่พรรคก้าวไกลที่เป็นแค่ฝ่ายค้านก็ยังทำได้มากมายขนาดนี้ และตนยังเห็นพรรคก้าวไกลยืนยันจะทำต่อในทุกเรื่อง และจะทำจนกว่าจะสำเร็จ

 

ธนาธรยังกล่าวต่อไป ว่าจากพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล จะเห็นได้ว่านี่คือพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศและประชาชน เป็นปากให้คนไม่มีเสียง เป็นเกราะป้องกันให้คนเปราะบางในสังคม เป็นทัพหน้าที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นตัวแทนผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม จะเห็นได้ว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลตอบแทนความไว้วางใจของประชาชน คือคำสัญญาว่าจะทำงานหนักและไม่ทุจริต และตนมั่นใจว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้อำนาจเมื่อไร พรรคก้าวไกลจะเอาอำนาจนั้นมาเพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน

 

สี่ปีที่ผ่านมา จากอนาคตใหม่มาถึงก้าวไกล พวกเขาได้พิสูจน์ให้ทุกท่านเห็นแล้วว่าพวกเขาของจริง เอาจริง มีความมุ่งมั่นจริงที่จะแก้ไขประเทศไทย ไม่ใช่แบบปะผุขอไปที ทำทีละปัญหาทีละเรื่อง พรรคก้าวไกลคือพรรคที่ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาทุกเรื่องได้ ต้องทำให้โครงสร้างสังคมเป็นธรรมมากกว่านี้ การเลือกตั้งเป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด ต้นทุนเดียวที่ท่านต้องจ่ายคือค่ารถไปคูหา จะให้ประเทศไปในทิศทางไหนอยู่ที่การกากบาทของทุกคน อยากให้เป็นแบบเดิมก็กาแบบเดิม แต่ถ้าอยากได้การเปลี่ยนแปลงต้องกาก้าวไกลสองใบเท่านั้น” ธนาธรกล่าว

 

สำหรับช่วงบ่ายไปจนถึงเย็นวันนี้ ธนาธร จะยังคงเดินสายช่วยหาเสียงให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลอยู่ในจังหวัดชัยภูมิอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำหนดการขึ้นรถแห่ไปตามถนนใน อ.แก้งคร้อ และ อ.คอนสวรรค์ ก่อนที่ช่วงเย็นจะมีการเดินตลาดแจกแผ่นพับและแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตอำเภอเมือง ที่ถนนคนเดินชัยภูมิ (Night Bazaar) เป็นลำดับสุดท้าย

 

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล ทั้ง 7 เขต ประกอบด้วย :

1) นัฎฐิกา โล่ห์วีระ (อ.เมือง)

2) ทัศนัย สุขประสาน (อ.บ้านเขว้า อ.เนินสง่า อ.จัตุรัส)

3) เกรียงไกร จันกกผึ้ง (อ.หนองบัวระเหว อ.ทรัพย์ใหญ่ อ.เทพสถิต)

4) สิทธิพล ภูธรณ์ (อ.หนองบัวแดง อ.ภักดีชุมพล)

5) พิมพ์กานต์ ยศพิทักษ์ (อ.เกษตรสมบูรณ์ อ.คอนสาร)

6) อรนุช ผลภิญโญ (อ.บ้านแท่น อ.ภูเขียว)

7) กิตติธัช คำวงษ์ (อ.แก้งคร้อ อ.คอนสวรรค์)

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66