วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

‘ณัฐวุฒิ’ ตั้งข้อสังเกต การแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต. เอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ / ประเด็น “ตะวันกับแบม” วอนศาล ปล่อยเด็กออกจากคุกก่อนดีไหม การพยายามเอาชนะในวันที่เขาที่เขาต่อสู้ตามความคิดความเชื่อ มันไม่มีประโยชน์อะไร

 


ณัฐวุฒิ ตั้งข้อสังเกต การแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต. เอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ / กรณี “ตะวันกับแบม” วอนศาล ปล่อยเด็กออกจากคุกก่อนดีไหม การพยายามเอาชนะในวันที่เขาที่เขาต่อสู้ตามความคิดความเชื่อ มันไม่มีประโยชน์อะไร


เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้กล่าวผ่านยูทูป ทางช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ในประเด็น “แบม ตะวัน ปฏิเสธสารอาหาร แต่ต้องการศาลยุติธรรม”


นายณัฐวุฒิได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในรัฐสภาขณะนี้  ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงท่วงทำนองของพรรคการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และที่สำคัญคือเรื่องที่เป็นประเด็นทางสังคมซึ่งเป็นที่จับตาและวิพากษ์วิจารณ์กันในขณะนี้ คือการอดน้ำอดอาหารเพื่อต่อสู้เรียกร้องของเด็กสาวสองคน “ตะวันกับแบม” โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวในรายการว่า


เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงกำหนดการอภิปรายรัฐบาลโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 แต่ประเด็นที่ผู้คนจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เวลานี้คือจะเกิดเหตุสภาล่มเหมือนที่ล่มซ้ำซากมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วหรือไม่? เค้าลางก็พอมีนะครับ เพราะพรรคภูมิใจไทยเริ่มมีการส่งสัญญาณทำนองว่า ไอ้ที่ล่ม ๆ มาตลอดคราวนี้ถึงทีภูมิใจไทยจะโชว์ล่มบ้างหรือเปล่า?


การอภิปรายคราวนี้อย่างที่ทราบว่าไม่มีการลงมติ ดังนั้นถ้าหากจะเกิดเหตุสภาล่มได้ก็มีวิธีเดียว คือมีสมาชิกยกมือเสนอนับองค์ประชุม และถ้าหากพรรคการเมืองที่เสนอนับองค์ประชุมเกิดไม่แสดงตัวในที่ประชุมเสียด้วย นั่นก็ชัดล่ะครับว่าเจตนาจะให้ล่ม


ส่วนตัวผม ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครพรรคไหนเล่นเกมนี้ เพราะถ้าเล่นก็เจ๊งกันทุกฝ่าย ไม่มีใครได้แต้ม ไม่มีใครได้คะแนนนะครับ โดยเฉพาะช่วงใกล้หมดวาระของรัฐบาล จะลงเลือกตั้งกันอยู่แล้ว มันคาตาคาใจประชาชนอยู่แบบนี้ ใครเขาจะไปทำ!


แต่ถ้าหากจะเอากันจริง ๆ ก็เอาเลยนะครับ ผมไม่ได้ยุ แต่อยากดูเหมือนกัน ว่าจะทำหน้ากันยังไง? สภาล่มแล้วล่มอีก แม้กระทั่งเวทีของฝ่ายค้านที่เขาจะได้อภิปรายรัฐบาลตามหน้าที่ตามกฎหมายยังจะล่มสภากัน ก็จะหมายความว่า 8 ปีที่ผ่านมา เอาคนดีย์มาปฏิรูปประเทศ เป็นยังไงล่ะครับ เจ๊งหมด!


รัฐบาลไม่มีผลงานแก้ปัญหาไม่ได้ รัฐสภาฝั่งส.ว. ก็เป็นส.ว.แบบข้าวกะเพราไข่ดาว อาหารตามสั่งของผู้มีอำนาจ สั่งยังไงก็โหวตอย่างนั้น สภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมก็ล่มมาตลอดและลุ่ม ๆ ดอน ๆ

 

ตลอดสมัย 8 ปีที่ผ่านมาก็เสียเปล่า แล้วก็จะเป็นบทเรียนใหญ่ของสังคมไทยนะครับ การเปิดให้อำนาจนอกระบบเข้ามา เปิดให้คนที่สวมเสื้อคลุมคนดีย์เข้ามา ปรากฏว่าสิ่งที่เหลวแหลกที่สุดเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับประเทศไทย


ส่วนฝ่ายค้านก็ต้องตระหนักนะครับ เขาเปิดอภิปรายกันคราวนี้ นอกจากท่านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแล้ว ประชาชนก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายค้านด้วย ว่าเอาเข้าจริง ๆ ท่านมีเนื้อหาสาระหนักแน่นลึกซึ้งเพียงพอหรือไม่ที่จะฝากรอยแผลไว้กับรัฐบาล หรือเพียงแค่ใช้เวลาสภาตามกฎหมายแล้วก็จบกันไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ที่จริงรัฐบาลนี้เขาสร้างแผลให้กับตัวเองมาตลอด 4 ปีอยู่แล้วนะครับ โค้งสุดท้ายฝ่ายค้านจะฝากรอยแผลอะไรไว้หรือไม่? ประชาชนเขาก็รอติดตาม


การเมืองในบรรยากาศเตรียมเลือกตั้งก็ยังไม่มีอะไรใหม่นะครับ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร เลิกเล่นซ่อนหากันแล้ว แต่ยังคงเล่นเกมชิงไหวชิงพริบหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเหมือนเดิม ส่วนพรรคต่าง ๆ ก็มีทั้งคนไหลออกไหลเข้า นโยบายของหลายพรรคก็เริ่มทยอยเปิดตัวกันออกมา เชื่อว่าหลังยุบสภาแต่ละพรรคก็คงจะเสนอนโยบายที่เชื่อว่าเป็นหมัดเด็ดของตัวเอง ส่วนจะเด็ดจริงหรือไม่? สุดท้ายก็ต้องให้ประชาชนเขาตัดสินใจล่ะครับ


ที่ต้องจับตากันหน่อยก็เวลานี้การแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต. บางพื้นที่มีเสียงโวยวายมาแล้วนะครับว่าแบ่งลึกลับซับซ้อนยึกยักเลี้ยวซ้ายแล้วขวา จะหาประโยชน์จะหาข้อได้เปรียบให้ใคร บางอำเภอถูกตัดออกเป็น 3 เขต 4 เขต ไอ้แบบนี้มันมีความชอบธรรมตรงไปตรงมาหรือไม่


แม้ว่าจะเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบโดยตรงของพรรคการเมือง แต่ก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนนะครับ ถ้าการเลือกตั้งมันบริสุทธิ์ยุติธรรมตั้งแต่ต้นทางในทุกขั้นตอนจนถึงปลายทาง พัฒนาการทางการเมือง พัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยก็จะแข็งแรงตามขึ้นไปด้วย


อีกเรื่องที่ต้องพูดกันคือการต่อสู้เรียกร้องสิทธิการประกันตัวของเด็กสาวสองคน “ตะวันกับแบม” ซึ่งประกาศอดน้ำอดอาหารต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว เวลานี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด อาการเข้าขั้นวิกฤตที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์


นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่ทุกคนทุกฝ่ายจะมองข้ามไปได้ แต่เป็นสัญญาณความเปลี่ยนแปลงที่ถูกส่งมาจากยุคสมัยโดยเด็กหนุ่มเด็กสาววัยไล่เลี่ยกัน


จริงอยู่ที่ข้อเรียกร้องของคนหนุ่มสาวบางข้อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สร้างพื้นที่ถกเถียงไม่ยอมรับกันได้อย่างสุดขั้ว ยากที่จะหาข้อยุติเป็นบทสรุปหรือเกิดความเปลี่ยนแปลงไปทางใดทางหนึ่งได้โดยง่าย


แต่ผมเห็นว่าเรื่องสำคัญที่เร่งด่วนที่ทุกฝ่ายควรช่วยกันทำตอนนี้ทันทีก็คือหาทางเอาเด็กออกมาจากคุกเสียก่อน สองคนนี้ที่อดอาหารไม่ใช่เพราะอยากทำลายชีวิตตัวเองนะครับ แต่อยากจะได้อิสรภาพของเพื่อน ๆ ที่ร่วมต่อสู้เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยกันกลับคืนมา


แม้ว่าปัจจุบันจะมีข่าวว่าทั้ง “ตะวันกับแบม” เริ่มรับสารน้ำไปบ้างแล้ว แต่ประเด็นของเรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่สารน้ำครับ มันอยู่ที่ศาลยุติธรรมว่าท่านจะใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ “ให้” หรือ “ไม่ให้” ประกันน้อง ๆ เหล่านี้ที่ยังเป็นผู้ต้องหา อย่างไร?


สถานการณ์มันบีบหัวใจนะครับ เวลาก็คงเหลือกันไม่มากนักสำหรับแต่ละฝ่าย ผมก็ไม่มีอำนาจหรือเจตนาจะไปแทรกแซงก้าวก่ายศาลนะครับ แต่คิดว่าการวินิจฉัยเรื่องนี้ นอกจากตัวบทกฎหมายซึ่งไม่ผิดอะไรเลยถ้าหากผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีจะได้รับการประกันตัว หรือแม้แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วก็มีสิทธิประกันตัวต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้


การวินิจฉัยเรื่องแบบนี้ก็ควรจะใช้เมตตาธรรมนำหน้า เอาเด็กออกจากคุกมาก่อนดีกว่า เพราะถึงจุดนี้ ไม่รู้ว่า “แบมกับตะวัน” แม้ว่าจะได้อิสรภาพมาแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารจะส่งผลต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร?


แต่ถ้าปล่อยให้เนิ่นช้าไปกว่านี้และเกิดเรื่องที่มันเสียหายมากไปไกลกว่านี้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคม ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในหมู่ประชาชน และแม้แต่ต่อกระบวนการยุติธรรมหรืออำนาจใด ๆ ก็ตาม มันจะไม่มากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้


ด้วยความห่วงใยน้อง ๆ ทั้งสองคนนะครับ ศาลที่เคารพ ผมว่าปล่อยเด็กออกมาจากคุกก่อน ดีหรือไม่? ไม่มีใครมองว่าท่านกำลังยอมแพ้พวกเขาหรอกครับ เพียงแต่การพยายามจะเอาชนะลูกหลานในวันที่พวกเขาต่อสู้ตามความคิดตามสิ่งที่เขาเชื่อ โดยเอาชีวิตวางเป็นเดิมพัน มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #ตะวันแบม