วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ของประเทศไทย

 


ธิดา ถาวรเศรษฐ : ลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ของประเทศไทย


“17 ปี นวมทอง ไพรวัลย์”

ณ สดมอนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์

ใต้สะพานลอย หน้าสำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต

31 ตุลาคม 2566


สวัสดีค่ะ ก่อนที่ดิฉันจะพูด อยากจะให้เราได้ฟังเสียงลุงนวมทอง เป็นเสียงของลุงเอง ดิฉันจะถือว่าลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ทั้งในอดีตและปัจจุบันของประเทศไทย ฟังเสียงลุงนวมทองก่อนนะคะ


“ต้องการให้โลกรู้ ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ ว่าปฏิวัติครั้งนี้มีแท็กซี่ชนรถถังจนกระทั่งตัวตาย เพราะลุงบอกตรง ๆ ว่า (เสียงสะอื้น) ลุงไม่อยากจะอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ ลุงพลีชีพเพื่อชาติได้ เพราะลุงไม่ทำแล้วใครจะทำ ลุงพลีชีพ คนพลีชีพมาตั้งเท่าไหร่กว่าจะเป็นประชาธิปไตยได้ ลุงอีกคนเดียวจะเป็นอะไรไป”


ก่อนอื่นดิฉันขอขอบคุณท่านผู้มาร่วมงานในวันนี้ทุกคน สื่อมวลชนที่มองเห็นความสำคัญของคนเล็ก ๆ คนเล็ก ๆ แต่เป็นนักต่อสู้สามัญชนที่ยิ่งใหญ่ ในทัศนะดิฉัน ถึงแม้ว่าดิฉันจะมีอายุมากพอควร เราต่อสู้มา 50 ปีแล้ว แต่เมื่อดิฉันได้ประมวลสิ่งที่ลุงนวมทองได้ทำ ได้พูด ได้เขียน ดิฉันคิดว่าในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะสดุดีลุงนวมทองในฐานะครูของนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แท้จริงของคนไทย แม้นว่าท่านจะใช้วิธีอัตวินิบาต ซึ่งเราก็คงจะไม่เห็นด้วย แต่ท่านเป็นคนเล็ก ๆ ท่านบอกแล้ว ท่านทำได้แค่นี้ ดิฉันจะไม่พูดยาวเพราะว่าวันนี้ดิฉันอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ออกมาพูดด้วยนะคะ แต่ว่าดิฉันจะสรุปลักษณะสำคัญที่เราควรจะเรียนรู้ของนักต่อสู้แบบลุงนวมทอง


ลุงนวมทองเป็นสามัญชน เรียกว่ากรรมาชีพอิสระ ไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งใด ๆ เป็นปัจเจกชน ดิฉันจะเริ่มด้วยประการที่ 1 ลุงนวมทองเป็นนักต่อสู้ที่เชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐประหารอย่างแท้จริง ท่านยืนอยู่ในการต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ และท่านต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของวีรชนเดือนตุลา 14ตุลา16, 6ตุลา19 ท่านเป็นสามัญชนธรรมดา ไม่ได้เป็นปัญญาชน ไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งขององค์กรใด ๆ เป็นกรรมาชีพอิสระ แต่ว่ามีความรู้ หลักการ ทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ และอันเดียวที่สำคัญที่สุดคือท่านไม่อยากอยู่กับการปฏิวัติอีกต่อไป แปลว่าท่านไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังต้องมีชีวิตอยู่เช่นนี้อีกต่อไป นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกคนรุ่นหลังไว้ว่า สังคมไทยไม่ควรทนอยู่กับการใช้อำนาจรัฐประหาร ปล้นอำนาจประชาชน


ประการต่อมา ท่านสอนให้คนรุ่นหลังและเยาวชนทั้งหลายได้รู้ว่า ในการต่อสู้ วิธีปฏิบัติไม่ใช่สู้แบบปัจเจกชนโดดเดี่ยวแบบท่าน ไปดูข้างหลังเสื้อของท่าน “อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน” คือนอกจากอุดมการณ์ในข้อที่ 1 ว่าไม่ควรจะมีรัฐประหารอีกต่อไปในแผ่นดินนี้ อันที่ 2 ก็คือไม่ต้องสู้แบบท่าน แต่ต้องรวมกันมีลักษณะจัดตั้ง “สามัคคีมีจัดตั้ง” เยาวชนทั้งหลายฟังเอาไว้ ท่านไม่ใช่วีรชนเอกชน ไม่ใช่ว่ากูเก่งคนเดียว ยอดคนเดียว ต้องเป็นวีรชนคนเดียว ไม่ใช่ ท่านแนะวิธีปฏิบัติในการต่อสู้ คือต้องสามัคคี มีการจัดตั้ง แล้วรวมกันเป็นพลังยิ่งใหญ่ ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน หมายความว่า วิธีการต่อสู้กับพวกที่ปล้นอำนาจประชาชน ประชาชนต้องสามัคคีกัน นี่ก็คือเป็นคำสั่งเสียข้อที่ 2 ของท่าน


ประการที่สามที่ดิฉันอยากจะพูดก็คือ ท่านอยู่ในจุดยืน ต่อสู้ในฐานะประชาชน ไม่ได้เกี่ยวกับองค์กรพรรคการเมืองใด ๆ ฟังไว้อีกครั้งหนึ่ง ท่านเป็นนักต่อสู้ประชาชน ในขณะนั้นมีสงครามสี มีพรรคการเมือง มีคนที่ไม่เอาพรรคการเมืองหนึ่ง แล้วยินยอม รับการรัฐประหาร เราต้องเข้าใจว่าในการต่อสู้ไม่มีสักคำที่ท่านพูดเรื่องพรรคการเมือง ท่านเป็นนักต่อสู้ในฝ่ายประชาชนจริง ๆ ถามว่าครั้งนั้นมันมีอยู่แล้วมั้ย มี! มีเหลือง-แดง (อ.ธิดาขออภัย สีแดงยังไม่ทันมี) มีการต่อสู้ มีการเกลียดชังทุนสามานย์ มันเกิดขึ้นแล้วในช่วงยุคนั้น แต่ว่าท่านไม่พูดถึงเลย ท่านพูดเฉพาะเรื่องของอุดมการณ์และวิธีในการปฏิบัติในการต่อสู้


สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ในช่วงเวลานั้น มันมีสงครามสี ปัญญาชนจำนวนมาก ศาสตราจารย์จำนวนมากไม่เข้าใจว่าความขัดแย้งหลักของสังคมคืออะไร ไม่อยากได้ระบอบทุนสามานย์ แต่ว่ายินดีที่จะยอมรับการรัฐประหาร ในเวลานั้นศาสตราจารย์ทั้งหลาย ปัญญาชนทั้งหลาย องค์กรเอกชนทั้งหลาย ซึ่งถือว่าเป็นคนก้าวหน้าในสังคมนั้น ปรากฏว่าไม่รู้ว่าความขัดแย้งหลักของสังคมคืออะไร ในขณะที่ลุงนวมทองรู้ว่าความขัดแย้งหลักในสังคมก็คือความขัดแย้งระหว่างผู้ที่ปล้นอำนาจประชาชน ขัดแย้งกับประชาชนผู้ถูกปกครอง


ดังนั้น นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ดิฉันเห็นว่า ลุงนวมทอง ไม่แน่ใจว่าการศึกษาอยู่ในขั้นไหน แต่สามารถที่จะยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่าศาสตราจารย์ ยิ่งกว่าปัญญาชนก้าวหน้า ยิ่งกว่าพวกที่เรียกว่าเป็นวีรชนเดือนตุลา ผู้นำเดือนตุลา ซึ่งหลงทางหมด ไม่รู้ว่าความขัดแย้งหลักคืออะไร แต่ลุงนวมทองรู้ว่าความขัดแย้งหลักก็คือผู้ปกครองที่ปล้นอำนาจประชาชน คุณอาจจะไม่ชอบพรรคการเมือง แต่นั้นคือความขัดแย้งรอง คุณไปเอาความขัดแย้งรองมาเป็นความขัดแย้งหลัก แล้วนำพาประชาชนหลงทิศผิดทาง


ลุงนวมทองในทัศนะดิฉันถือว่ายิ่งใหญ่ ลุงไม่ต้องเรียนสูงเป็นศาสตราจารย์ แต่ว่าจุดยืน วิธีการ ทัศนะ ชัดเจน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ดิฉันอยากจะฝากเอาไว้ให้กับเยาวชนรุ่นต่อมาว่า จงเรียนรู้ลุงนวมทองเป็นครู ในวิธีคิด วิธีทำงาน แต่อย่าเอาเยี่ยงลุงนวมทองตอนที่ท่านคิดว่าท่านจำเป็นต้องสละชีวิตเยี่ยงนี้ เพราะท่านคนเดียว ท่านทำอะไรไม่ได้ แต่ครูที่มีจุดยืนมั่นคง รู้ว่าอะไรเป็นความขัดแย้งหลัก รู้ว่าอะไรเป็นความขัดแย้งรอง แล้วผลประโยชน์อยู่ที่ประเทศชาติประชาชน ไม่ใช่เรื่องของการเมือง ไม่ใช่เรื่องการปกป้องพรรคการเมืองใด ลุงนวมทองไม่ได้ออกมาปกป้องพรรคการเมืองใด แต่ลุงนวมทองออกมาสู้กับเผด็จการแล้วไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติรัฐประหารอีก


ดิฉันจึงอยากจะฝากเรื่องนี้เอาไว้กับนักต่อสู้รุ่นหลังว่า ลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ ซึ่งสามารถที่จะเป็นที่เชิดชูของเยาวชนรุ่นต่อไปและของประชาชนรุ่นนี้ แล้วจะได้ให้แง่คิดว่า ชีวิตของลุงนวมทองนั้นสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้เกี่ยวกับการต่อสู้ว่าจะไปเชียร์พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในฐานะที่อาจารย์ธิดาเป็นคนรุ่นเก่า อายุก็มากพอควร คิดว่าอนาคตต่อไปไม่ว่าจะเป็นการจัดงานลุงนวมทอง, หรือวีรชนรุ่นต่าง ๆ คนรุ่นหลังก็ไม่แต่เพียงรำลึก แต่ว่าให้สามารถที่จะหยิบประเด็นสำคัญมาเพื่อจะสืบทอดเจตนารมณ์ได้


ในทัศนะของดิฉันก็ขอคารวะวิญญาณลุงนวมทองด้วยใจจริง และอยากจะให้พวกเราทั้งหมด ณ ที่นี้ ได้ถือว่าลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ประชาชนไทยที่แท้จริง ขอบพระคุณมากค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ