"ทนายอานนท์" ยืนยัน พวกเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม
เพื่อจะตอบคำถามกับดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตว่าการสูญเสียของท่านจะไม่สูญเปล่า
และการต่อสู้ของท่านจะจบในรุ่นนี้
ยูดีดีนิวส์
: 6 ต.ค. 63 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ได้มีการจัดงานรำลึก 44 ปี 6 ตุลา ณ
สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ “ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”
โดยในปีนี้ทางสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มอบรางวัล “จารุพงษ์ ทองสินธุ์”
ให้กับ นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก
ในฐานะผู้ที่มีความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
หลังจากรับเกียรติบัตรแล้วนายอานนท์ได้กล่าวว่า
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วผมมีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมพ่อแม่ที่ทำงานในกรุงเทพฯ
สถานที่ที่ผมมักจะมาเสมอในฐานะที่เป็นเด็กต่างจังหวัดคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เพราะผมรู้สึกได้ว่าที่นี่มันมีแรงดึงดูด แรงบันดาลใจอะไรบางอย่างให้ต้องมาเยี่ยม
มาเดิน มาสูดบรรยากาศทุกปี
หลังจากนั้นผมก็ได้เอ็นทรานซ์เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่นี่เป็นสถานที่บ่มเพาะ เป็นต้นทุน
เป็นกำลังใจในการเรียนและการทำงานของผมในการที่จะมุ่งหวังทำงานเพื่อสังคมและเปลี่ยนแปลงสังคม
เมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ผิดพลาดในฐานะของนักสิทธิมนุษยชนโดยการโพสต์ข้อความที่ลดทอนความรุนแรงในเรื่องเพศสภาพ
ผมได้เรียนรู้และกล่าวขอโทษในทวิตเตอร์ ในสังคมก็ให้อภัยในความผิดพลาดนั้น
แต่เหตุการณ์ที่สำคัญ
ๆ ในบ้านเมืองที่มีคนล้มตายกันหลายคนไม่ถูกกล่าวถึง ไม่ถูกไต่สวน เหตุการณ์ 6 ตุลา 19
องคาพยพของผู้กระทำไม่ได้ถูกพูดถึงอย่างแท้จริง
ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐ คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงชนชั้นนำไทย
เราผ่านเหตุการณ์
6 ตุลา มา 44 ปี
ก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกที่ในปีนี้มีคนรุ่นใหม่ได้พูดถึงปัญหานั้นในที่สาธารณะอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง
ผู้เสียชีวิตทุกคนในวันที่ 6 ตุลา 19 แววตาของนักสู้ของคนเหล่านั้นมันมาปรากฏอยุ่ในแววตาของรุ่นน้อง
ของคนรุ่นใหม่ ของเพนกวิน ของไมค์ ของรุ้ง ของทัตเทพ และอีกหลาย ๆ คน
เสมือนหนึ่งว่าคนที่จากเราไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วเขาไม่ได้จากเราไป
เขากลับมาเกิดในร่างของคนรุ่นใหม่เพื่อที่จะมายืนยันมาทวงถามความยุติธรรมให้กับพวกเขา
แต่สิ่งที่น่าเสียดายในวันนี้ก็คือคนที่ยังมีชีวิตรวมทั้งคนที่มีบทบาทในช่วง
6 ตุลา 19 ก็ได้มีการพยายามกัดเซาะ บั่นทอน
การต่อสู้ของน้อง ๆ คนรุ่นใหม่
ซึ่งพยายามต่อสุ้ในเรื่องเดียวกันกับคนที่เสียชีวิตในปี 19 ประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นจะไม่มีทางซ้ำรอย
เพราะในวันนี้วิญญาณของวีรชนที่เสียชีวิต
ได้จุติและมาเกิดใหม่ในแววตาในร่างกายของคนรุ่นใหม่ในวันนี้
ในฐานะที่เป็นตัวแทนและได้รับมอบรางวัลในวันนี้ ขอยืนยันกับทุกท่านว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นมาต่อสู้ในประเด็นที่แหลมคม ในประเด็นที่หลายคนไม่อยากพูดถึง พวกเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม เพื่อจะตอบคำถาม ตอบกับดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตว่าการสูญเสียของท่านจะไม่สูญเปล่า และการต่อสู้ของท่านจะจบในรุ่นนี้ จะจบในรุ่นของพวกเรา ขอบคุณครับ นายอานนท์กล่าวในที่สุด