วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

นายกฯ มอบนโยบาย แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่ หมดไปจากประเทศไทย

 


นายกฯ มอบนโยบาย แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่ หมดไปจากประเทศไทย


วันที่ 8 ธันวาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมมอบนโยบาย และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด, นายอำเภอ และผู้บังคับการตำรวจนครบาล, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รวมไปถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ณ ห้องรอยัลจูบิลี บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายชาดา ไทยเศรษฐ์, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานทุกที่เข้ามามีส่วนร่วม วันนี้ไม่ได้เชิญทุกท่านมากระชับอำนาจให้ตัวเอง แต่มาขอแรงจากทุกท่านทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน มาช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่ หมดไปจากประเทศไทย พี่น้องเพื่อนร่วมชาติเราจำนวนมากมีความทุกข์ ถูกพรากอิสรภาพในการใช้ชีวิต เพราะมีหนี้สินจองจำพวกเขาอยู่ พวกท่านในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครองที่ทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตนเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถช่วยพี่น้องประชาชนให้มีอิสรภาพ /ต่อชีวิต สร้างขวัญและกำลังใจให้กับพวกเค้าได้


ในฐานะนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องขอพึ่งพาความรู้ความสามารถของพวกท่าน ช่วยให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นอิสระ หลุดพ้นพันธนาการจากหนี้นอกระบบนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ “เป็นวาระแห่งชาติ” ที่พวกเราทุกคนจะต้องมาร่วมแรงร่วมใจกัน แก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม การทวงถามหนี้ที่มีลักษณะคุกคามขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้าย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสงบเรียบร้อยของสังคม


เรื่องนี้ ผมได้แถลงนโยบายที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และ ครม. ก็ได้มีคำสั่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้วระหว่างที่เราไป ครม. สัญจร ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการ ขับเคลื่อน และประสานงานร่วมกัน  เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในวันนี้ มีผู้บริหารระดับสูงและผู้นำหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนทั่วประเทศ มารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ ผมจึงอยากให้ทุกท่านได้รับรู้ และทำความเข้าใจที่ตรงกันว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น เป็นวาระสำคัญของชาติจริง ๆ


นี่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ของผม หรือของหน่วยงานท่าน แต่นี่คือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ให้สามารถฟื้นกลับมาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง และมีรอยยิ้มได้โดยทั่วกัน


สำหรับกระบวนการเกี่ยวกับการร้องเรียน ผมคงต้องขอพูดถึงการลงทะเบียนที่เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด (Customer Journey) ที่ประชาชนจะเข้ามาสัมผัสกับพวกท่าน  มาเล่าให้ฟังถึงความเดือดร้อนของพวกเค้า วันนี้เราทำต่างจากที่เคยทำมาในอดีต เราได้บูรณาการช่องทางให้หลากหลาย เพื่อให้พี่น้องประชาชน “เลือก” เข้าไปในช่องทางที่พวกเค้ารู้สึกสะดวก ปลอดภัย


ช่องทางแรก ทุกท่านคงทราบกับดีแล้ว ว่ากระทรวงมหาดไทยได้เปิดให้มีการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบผ่านศูนย์ดำรงธรรม ทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ รวมถึงเบอร์ติดต่อ 1567 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ถึงวันนี้ ได้มีลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนแล้วกว่า 71,000 คน รวมยอดมูลหนี้นอกระบบกว่า 3,500 ล้านบาท


นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สายด่วน 1599 และประชาชนก็สามารถเข้าไปที่โรงพักใกล้บ้านเพื่อแจ้งเหตุได้


ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สายด่วน 1111 ที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถร้องเรียนความเดือดร้อนปัญหาหนี้นอกระบบได้ เมื่อรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ข้อมูลของประชาชนจะมีการประสานเชื่อมโยงฐานข้อมูลจาก “ทุกช่องทาง” เข้ามาด้วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ได้รับการดูแลไม่ให้ตกหล่น และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ประชาชนที่ลงทะเบียนก็จะได้รับเลข Reference Number ใน “ทุก ๆ กรณี” เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้า หรือสถานการณ์การดำเนินการที่ได้ร้องเรียนไว้บนเว็บไซต์ของภาครัฐได้ตลอดเวลา


ทั้งหมดที่ผมกล่าวไปนั้น ทั้งในการเปิดช่องทาง ทั้งที่ศูนย์ดำรงธรรม ทั้งที่อำเภอและเบอร์ 1567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบอร์ 1599 หรือที่โรงพักใกล้บ้าน และศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์สายด่วนสำนักนายกรัฐมนตรี 1111 จะทำให้ประชาชนสามารถ “เลือก” ช่องทางที่ตนเองรู้สึก “ปลอดภัย” ไม่ต้องกลัวผู้มีอิทธิพล รวมถึงสามารถเดินไปร้องเรียนข้ามเขต ข้ามอำเภอ ก็ได้


ผมขอให้ทุกท่านร่วมกันเป็นกระบอกเสียง ช่วยกันสื่อสาร เชื้อเชิญให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อนเข้ามาลงทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้จากแก๊งหมวกกันน็อค เว็บไซต์ให้กู้ยืมออนไลน์ หรือเจ้าหนี้นอกระบบในรูปแบบอื่น ๆ ทุกการสื่อสารของพวกท่านล้วนเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขหนี้นอกระบบประสบผลสำเร็จครับ


หลังจากที่เรื่องร้องเรียนเข้ามาในระบบแล้ว ส่วนกลางจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดประเภทเรื่องที่ร้องเรียน ก่อนส่งไปให้ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการต่อ ซึ่งถ้าพบว่ามีกรณีที่องค์ประกอบความผิดครบ  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานอัยการสามารถดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที ไม่ได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด


แต่ผมเชื่อว่าในหลาย ๆ ครั้ง เจ้าหนี้และลูกหนี้ก็ยังพร้อมที่จะประนีประนอมกันได้ ก็ขอให้เชิญเข้ามาไกล่เกลี่ยกัน ให้เข้ามาร่วมกันหาทางออกอย่างสันติวิธี และถูกต้องตามกฎหมาย จัดทำเป็นสัญญาประนีประนอมต่อกัน ตามแบบฟอร์มที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้จัดเตรียมไว้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และงวดผ่อนชำระหนี้ ที่เหมาะสมกับศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีทั้งกับเจ้าหนี้และลูกหนี้นะครับ


การดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่รับเรื่อง รัฐบาลจะมีการติดตามผล โดยสำนักนายกรัฐมนตรี 1111 จะทำการติดต่อติดตามผล (Follow Up) เพื่อดูว่าทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ สามารถดำเนินการตามข้อตกลงที่ทำไว้ได้หรือไม่ แล้วหากยังพบปัญหา ไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาฉบับใหม่ได้ ก็จะขอเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้ามาร่วมกันแก้ไขข้อตกลงให้เหมาะสมกันอีกครั้ง หรือถ้าในภายหลัง พบว่ายังมีการข่มขู่ หรือ เจ้าหนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาไกล่เกลี่ยฯ จนเป็นเหตุให้ลูกหนี้เดือดร้อน พนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป


ประชาชนก็สามารถติดตามผลการดำเนินการไกล่เกลี่ยได้จาก 5 ช่องทางตั้งแต่ ศูนย์ดำรงธรรม หรือเบอร์ 1567 หรือเว็บไซต์ debt.dopa.go.th หรือเบอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 หรือเบอร์สำนักนายก 1111กระบวนการทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ในการใช้สิทธิอื่น ๆ ตามกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ นะครับ แต่ผมขอย้ำว่านี่เป็นกระบวนการที่เจ้าหนี้ และลูกหนี้ ร่วมกันสมัครใจเข้ามาเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยรัฐยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือทั้งในชั้นการไกล่เกลี่ย การให้คำแนะนำ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินของรัฐ


ผมเข้าใจดีว่าในหลายครั้ง ลูกหนี้ตั้งใจที่จะฟื้นฟูศักยภาพ และต้องการช่องทาง แหล่งเงินอื่นๆ นอกเหนือจากเจ้าหนี้ที่กล่าวไป กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามโครงการที่ได้จัดเตรียมไว้


ท่านจะเห็นว่า ขั้นตอนที่ผมกล่าวไปทั้งหมดมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นทาสหนี้นอกระบบ ผมขอให้ทุกท่านศึกษาและทำความเข้าใจกระบวนการปฏิบัติงาน ซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการทำงาน หรือ Standard Operating Procedure (SOP) ให้ถ่องแท้ ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนตั้งแต่การรับเรื่อง การช่วยเหลือ การไกล่เกลี่ย การบังคับทางกฎหมาย และอื่น ๆ


ผมขอให้ทั้งเจ้าหน้าที่มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ร่วมกันศึกษาในรายละเอียดของกันและกัน ให้เข้าใจถึงความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานไม่ซ้ำซ้อน บูรณาการได้จากทุกฝ่าย หนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ที่อำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ไม่เพียงพอที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร วันนี้ผมจึงขอให้ทุกท่านทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง หรือกระทรวงการคลัง ให้ใช้อำนาจอย่างถูกต้องตามที่พวกท่านถืออยู่ตามกฎหมาย ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในขณะที่ท่านก็สามารถปฏิบัติราชการได้อย่างสบายใจ


ขั้นตอนที่ผมกล่าวไปนั้น เป็นขั้นตอนมาตรฐานที่ผมมั่นใจว่าทุกท่านในที่นี้มีความสามารถที่จะปฏิบัติตามได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในส่วนที่สำคัญ และผมอยากจะลงรายละเอียดให้มากขึ้น คือขั้นตอนที่ผมเข้าใจว่าในทางปฏิบัติมีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ การไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาท” ขั้นตอนนี้ เป็นทั้งศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ การคิดดอกเบี้ยหนี้สิน และเป็นทั้งศิลป์ ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ปัญหาที่ท่านอาจจะพบคือการที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ท่านอาจจะต้องออกไปพบ ไปพูดคุย เชิญชวน ซึ่งเป็นมาตรการที่ผมเรียกว่า “ไม้อ่อน” เพื่อให้พวกเค้า “สมัครใจ” เข้ามาสู่กระบวนการ และในหลาย ๆ ครั้ง ท่านอาจจะต้องเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการบังคับ (Enforce) ซึ่งเป็น “ไม้แข็ง” ในการนำเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เข้าสู่ระบบ


ผมขอให้ทุกท่าน ไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ไม่หยุดช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในกรณีที่พวกเค้าไม่ยอมสมัครใจเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งผมขอมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ที่มีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนนานาชนิด ต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่าปล่อยผ่าน ท่านต้องนำ “ความรู้” ด้านการทำสัญญาประนีประนอม ที่ต้องระบุรายละเอียดเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้ชัดเจน กำหนดมูลหนี้ การคิดอัตราดอกเบี้ย การยกเลิกเพิกถอนสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเงื่อนไขอื่นๆ ในการบังคับคดีหรือสิทธิในทางศาลได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ผมขอฝากให้ท่านใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างตรงไปตรงมาในการดำเนินงานนี้นะครับ


เรื่องถัดไปที่สำคัญ การทำงานเราจะต้องมีเป้าหมาย ใช่มั้ยครับ? ผมขอประกาศเป้าหมายว่า “หนี้นอกระบบจะต้องได้รับการโดยเด็ดขาด” ทั้งฝ่ายปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่เหมาะสม และกรอบเวลา (Timeline) ที่ชัดเจน ซึ่งผมขอหลักการกว้าง ๆ ให้ท่านดังนี้


ท่านจะต้องไม่ตั้งเป้าหมายที่ “ง่ายเกินไป” จนไม่สามารถวัดผลอะไรได้ และไม่ “ยากเกินไป” จนเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกไม่อยากเริ่มทำ ทางสำนักงานตำรวจ ท่านควรจะต้องกำหนดระยะเวลาดำเนินการในการจับกุมเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด และระยะเวลาการทำสำนวนการสอบสวน ทางกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายปกครอง ก็ควรกำหนดสัดส่วนเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และเรื่องที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ร่วมกันทำสัญญาประนีประนอมได้สำเร็จ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการแต่ละขั้นตอน ทั้งในชั้นรับเรื่องร้องเรียนถึงการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และชั้นการทำสัญญาประนีประนอม ไว้ให้ชัด และไม่นานจนเกินไป อย่างที่กล่าวไปกรอบข้างต้นเป็นกรอบกว้างๆ ที่ผู้บริหารจะต้องช่วยกันนำไปย่อยเป็นเป้าเล็ก ๆ ให้เป็นความสำเร็จ นายกฯ กล่าวในที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หนี้นอกระบบ #เศรษฐาทวีสิน