วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ชัชชาติ-กรุงเทพธนาคม ชำแหละสัญญาสายสีเขียว โจทย์สำคัญคือ "ภาระหนี้" ยืนยัน พร้อมเปิดสัญญาต่อประชาชน หากไม่ผิดข้อกฎหมาย คาด ส.ค.นี้ เตรียมเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 2

 


ชัชชาติ-กรุงเทพธนาคม ชำแหละสัญญาสายสีเขียว โจทย์สำคัญคือ "ภาระหนี้" ยืนยัน พร้อมเปิดสัญญาต่อประชาชน หากไม่ผิดข้อกฎหมาย คาด ส.ค.นี้ เตรียมเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 2 


วันนี้ (2 ก.ค. 65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมประชุมประเด็นสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว


ศาสตราจารยพิเศษธงทอง กล่าวว่า เบื้องต้นจะเร่งพิจารณา 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องร้องเรียนปมทุจริตในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรุงเทพธนาคมจะทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช แสดงความจำนงในการให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ ส่วนสัญญาการเดินรถในส่วนต่อขยาย 2 จากการทบทวนเปรียบเทียบกับส่วนต่อขยาย 1 แล้วพบว่าส่วนต่อขยาย 2 ไม่ได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากกรุงเทพมหานคร จึงได้เรียนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หาแนวทางในการดำเนินการที่ถูกต้องต่อไป


ส่วนการรับผิดชอบของ กรุงเทพธนาคมโดยตรง จะเจรจาเรื่อง ค่าใช้จ่ายการเดินรถตามสัญญา จากการตรวจสอบสัญญาพบว่า สูตรคำนวณน่าจะมีความคลาดเคลื่อนบางประการ โดยภายในเดือนนี้จะเชิญบริษัทเอกชนคู่สัญญาเข้ามาเจรจาหารือเพื่อสนับสนุนข้อมูลร่วมกันด้วย 


ประเด็นการเปิดเผยสัญญาสัมปทาน จากการหารือพบว่า กทม.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ มีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลในสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หาก กทม.ได้รับข้อมูลนี้ไปแล้วจะปฏิบัติอย่างไรต่อก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ


สำหรับคดีความระหว่าง กทม.กับบีทีเอส ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถือเป็นจำเลยที่หนึ่ง ส่วนประธานบอร์ดกรุงเทพธนาคมเป็นจำเลยที่สอง ต้องดูว่าคำให้การนั้นครบถ้วนหรือไม่ และมีประเด็นอะไรที่ต้องให้การเพิ่มเติม สามารถทำสิ่งนี้ควบคู่ไปกับการเจรจาขอให้ทุเลาความได้


นายชัชชาติ เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวเกี่ยวข้องกับ 4 องค์กร ได้แก่ กทม. กรุงเทพธนาคม บริษัทเอกชนคู่สัญญา และสภา กทม. สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ ภาระหนี้ หากหนี้เกิดขึ้นถูกต้องตามตามกฏหมาย มีการอนุมัติจากสภา กทม. ก็พร้อมที่จะจ่าย ส่วนที่กรุงเทพธนาคม ทำการติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ถือเป็นรายละเอียดที่กรุงเทพธนาคมต้องดำเนินการ กทม.จะสนับสนุนข้อมูลตัวเลขให้


ประเด็นการเปิดเผยสัญญาต่อสาธารณชน ขณะนี้มีหลายหน่วยงานยื่นขอเข้ามา เช่น สภาองค์กรของผู้บริโภค หากข้อกฎหมายระบุ ให้เปิดเผยข้อมูลได้ จะดำเนินการเปิดเผยให้เห็นว่า หากใช้สัญญาการจ้างเดินรถ 2572-2585 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจะเป็นเท่าไร


นายชัชชาติ ย้ำว่า ปัญหาเร่งด่วนคือ หนี้ เพราะดอกเบี้ยยังเดินอยู่แต่การจะจ่ายหนี้ต้องให้แน่ใจว่า การเกิดหนี้ถูกตามกระบวนการหรือไม่ ต้องรอบคอบเพราะเป็นเงินภาษีประชาชน โดยคาดว่าจะเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 2 ได้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะต้องพิจารณาเรื่องตัวเลขค่าโดยสารให้ชัดเจน


“อยากให้เปิดเผยสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อประชาชน เราจะกลัวอะไรเพราะเอาเงินประชาชนมาจ่าย ประชาชนต้องมีสิทธิ์ สิ่งที่อยากเปิดเผยมากที่สุดคือค่าใช้จ่าย การเดินรถต่อปีอยู่ที่เท่าไร เหลือเท่าไร จะได้รู้ว่าต้องจ่ายค่าเดินรถเท่าไร”


ประเด็นการโอนหนี้สินจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มา กทม. นายชัชชาติ ระบุว่า ใจจริงอยากให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับรถไฟฟ้าทุกสาย รถไฟฟ้าทุกสายในกรุงเทพฯ รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่างานโยธา หากรัฐบาลให้เรามาแบกรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ ก็จะทำให้ค่าโดยสารเราแพงขึ้น


ส่วนข้อบัญญัติอนุมัติให้กู้เงินเพื่อจ่ายหนี้ ขณะนี้เรื่องค้างอยู่ที่สภา กทม. ถือเป็นเรื่องแปลกปัจจุบันยังไม่เห็นมติรับหนี้ แต่มีมติให้เอาเงินไปจ่ายหนี้ คงต้องถามสภา กทม.ว่า ความหมายคือยอมรับหนี้แล้วใช่หรือไม่ หรือเป็นวิธีการหาเงินกู้ไปจ่ายหนี้


#รถไฟฟ้าสายสีเขียว

#ชัชชาติสิทธิพันธุ์

#ผู้ว่าฯกทม

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์