ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
ประเมินความ (ไม่) เชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคการเมืองไทย
ในห้วงเวลาปัจจุบัน ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2568
ในขณะที่ประชาชนไทยปัจจุบันอยู่ในระบบอุปถัมภ์แบบจารีตและเสรีชนผู้รักประชาธิปไตย
ที่น่าสังเกตคือ
ทุกโพลจะพบว่ามีคนไทยประมาณ 30% ที่ยังไม่มีพรรคการเมืองใดที่อยากจะโหวตให้คะแนนเสียง
รวมทั้งผู้นำที่เป็นนายกฯ บางคนอาจถือว่าเป็น swing voter
คือพร้อมเปลี่ยนแปลงในวันสุดท้ายที่เข้าคูหา
แต่ดิฉันไม่ประเมินเช่นนั้น
ดิฉันประเมินว่าคนเหล่านี้เขาหาพรรคและผู้นำที่ถูกใจไม่ได้จริง ๆ
อาจจะมีส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มมวลชนจารีตอำนาจนิยม
แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้รักประชาธิปไตยที่เป็นพวกอยากเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวหน้า
เป็นสัดส่วนค่อนข้างมากในผู้คนส่วนนี้ คือไม่ถูกใจพรรคใดในปัจจุบันมากพอ
แสดงออกทั้งผลการเลือกตั้งที่อุตส่าห์ไปแสดงตัวไม่เลือกใครจำนวนมาก
และผลโพลตรงกันทั่วประเทศ
สำหรับดิฉันคิดว่า
ประชาชนส่วนหนึ่งก้าวหน้าไปกว่าพรรคการเมือง น่าจะเป็นส่วนใหญ่
กับอีกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นส่วนน้อยที่ยังรอการอุปถัมภ์อยู่
จึงตัดสินเลือกพรรคผู้อุปถัมภ์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองทุกฝ่ายต้องตระหนักว่า
ประชาชนไม่ใช่หมูในอวย ไม่ใช่ของตาย
ไม่ใช่โหวตเตอร์ที่เดินตามพรรคที่เคยเลือกเชื่อง ๆ พรรคไปทางไหนก็เดินตาม
การแก้ปัญหาโรคระบาดโควิดในอดีต
และการแก้ปัญหาน้ำท่วมก็มีผลด้านลบต่อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีแผลเรื่องการฮั้วสว.และเขากระโดง
เป็นแผลเก่ามาซ้ำเติมแผลใหม่ คือแก้ปัญหาน้ำท่วม หลังจากที่มีด้านบวก
คือการได้รับการยอมรับจากชนชั้นนำจารีต ใบอนุญาตที่ 2 รวมทั้งการมี MOA กับพรรคประชาชน
ที่ครองเสียงสูงสุดของคะแนนเสียงจากประชาชน เป็นในอนุญาตที่ 1
น่าสนใจว่า
พรรคภูมิใจไทย จะฝ่ากระแสน้ำท่วมไปได้ไหม?
ซึ่งเป็นไปได้ว่าคะแนนเสียงภาคใต้อาจเทกลับไปให้พรรคประชาธิปัตย์
ภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกฯ 100 ศพ)
เจ้าของพื้นที่เก่ามาทวงคะแนนคืน
น่าสนใจว่า
นายกฯ 150 ศพ (น้ำท่วม) กับ นายกฯ 100 ศพ (ปราบประชาชน)
ใครจะชิงพื้นที่ภาคใต้ได้มากกว่ากัน
เพราะคนภาคใต้
ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดน ส่วนมากจะเป็นแนวคิดจารีตอำนาจนิยม เป็นพันธมิตรสีเหลืองและกปปส.
ภายใต้ห้วงเวลายุคประชาธิปัตย์ครองภาคใต้ในเวลานั้น ๆ
ส่วนมวลชนฝ่ายเสรีนิยมก้าวหน้าผู้รักประชาธิปไตยที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล
ก็สับสนรวนเรจากการที่พรรคประชาชนไปทำ MOA สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย
ซึ่งเป็นผู้ถือธงของฝ่ายจารีตอำนาจนิยม เป็นพันธมิตรทำ MOA สนับสนุนให้
“อนุทิน” เป็นนายกฯ ผู้ที่ยึดหลักการ จุดยืนฝ่ายประชาธิปไตยจำนวนมากรับไม่ได้
และคนเหล่านี้ไม่ใช่โหวตเตอร์ธรรมดาที่พรรคประชาชนคิดว่าอาจเสียไป
และคนส่วนที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยในคราวปี
2566 โดยเชื่อมั่นว่ามีจุดยืนเสรีประชาธิปไตย และเชื่อมั่นในคุณทักษิณ ชินวัตร
ก็อาจสับสนรวนเรกับสภาพพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ที่ไม่อาจถือธงฝ่ายประชาธิปไตย
เพราะข้ามขั้วไปอยู่ฝั่งจารีต และไม่อาจถือธงของฝ่ายอนุรักษ์นิยมเช่นกัน ซ้ำถูกกระทำเช่นเดิม
ข้อสรุปของดิฉันคือ
ประชาชนนั้นมีพลังความคิด มีพลังในการออกเสียง ตามความเชื่อและข้อมูลของตน ไม่ใช่หางเครื่องหรือโหวตเตอร์ที่ถูกจูงจมูกได้
แบบที่พรรคการเมืองไทยในปัจจุบันคิดและเชื่อ ไม่ว่าพรรคนั้นจะเป็นพวกจารีตอำนาจนิยม
หรือเสรีนิยมก้าวหน้า
ขอคารวะประชาชนที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง
และสั่งสอนพรรคการเมืองทั้งสองฟากฝั่งที่มีจุดยืนแบบไหนก็ตาม
2
ธ.ค. 2568
