พรรคประชาชนเสนอญัตติด่วนถกปัญหา “สแกมเมอร์” จี้รัฐบาลเอาจริงเอาจัง ร่วมมือกับนานาชาติให้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ตั้งกรรมการแต่ไร้การปฏิบัติจริง
วันที่ 30 ตุลาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สส.พรรคประชาชน ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง แนวทางการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน พร้อมร่วมอภิปรายข้อเสนอแนะของพรรคประชาชนต่อกรณีดังกล่าว
โดย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอญัตติ ระบุว่า ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาที่มีความร้ายแรง สร้างความเสียหายทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 64-65 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายงานบางฉบับระบุว่ารายได้ของเครือข่ายสแกมเมอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศอย่างกัมพูชามีสูงถึง 60% ของจีดีพีทั้งประเทศ จากข้อมูลของรายงานหลายฉบับพบว่าฐานที่ตั้งของสแกมเมอร์หลักๆ อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นเมียนมาโดยเฉพาะริมชายแดนไทย และประเทศกัมพูชาที่มีการตั้งฐานสแกมเมอร์กระจายไปทั่วประเทศไปจนถึงเมืองหลวง บางข้อมูลระบุว่าฐานปฏิบัติการของสแกมเมอร์ที่สามารถยืนยันได้วันนี้ในประเทศกัมพูชามีมากถึง 53 แห่ง และมีสถานที่ต้องสงสัยอีกกว่า 40 แห่ง
จากข้อมูลล่าสุดจนถึงเดือนมีนาคม 2568 พบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจากสแกมเมอร์สูงถึง 1.15 แสนล้านบาทแล้ว เป็นส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาบ้านเมือง ปัญหาสังคม ปัญหาความแตกร้าวในหลายครอบครัว และเป็นวิกฤตที่หน่วยงานต่างๆ ไม่สามารถหาคำตอบหรือวิธีการในการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน ตนดีใจที่รัฐบาลนี้ได้มีการประกาศให้เรื่องสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ แต่การยกให้เป็นวาระแห่งชาติจะไม่มีความหมายเลยถ้าสุดท้ายเป็นการดีแต่พูด ไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่รัฐบาลสมัยที่แล้วได้เริ่มปฏิบัติการทำลายเครือข่ายสแกมเมอร์ในพื้นที่เมืองเมียวดี ซึ่งอยู่ติดกับ จ.ตากของประเทศไทย และมีฐานสแกมเมอร์ที่นับได้ 35 แห่ง โดยมีแหล่งใหญ่สุดคือชะเวก๊กโก แม้จะเป็นสัญญาณดีที่ได้มีการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต หยุดยั้งการส่งน้ำมัน และควบคุมการเข้าออกชายแดนให้เกิดผลอย่างมีนัยสำคัญ แต่ที่น่าเสียดายคือประเทศไทยทำอยู่แค่นั้นและก็หยุดลง ไม่ได้มีการดำเนินการต่อ ทั่วโลกรู้ว่าเครือข่ายสแกมเมอร์ไม่ได้อยู่เฉพาะในเมียนมา แต่อยู่อีกหลายแห่งทั้งในฝั่งลาวและกัมพูชา แต่น่าเสียดายที่การขยายผลเพื่อนำไปสู่การทำลายเครือข่ายไม่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นเครือข่ายสแกมเมอร์มีการเดินทางไปตามฐานต่างๆ ที่อยู่ตามแนวชายแดน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน สิ่งที่พรรคประชาชนเรียกร้องมาโดยตลอดในสภาฯ แห่งนี้ คือรัฐบาลจะวิธีการที่เป็นรูปธรรมอย่างไรในการจัดการกับปัญหา “ไทยเทา” สิ่งที่เห็นคือมีการย้ายผู้กำกับและตำรวจบ้าง แต่ก็ทำแค่นั้น ไม่ได้นำไปสู่การขยายผลดำเนินคดีกับบรรดาไทยเทาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการออกหมายจับอาชญากรรายสำคัญ ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐมีข้อมูลดีว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่สุดท้ายกลับไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่แม้แต่มีการดำเนินคดีกับบุคคลอย่างหม่องชิตตู ซึ่งสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรไปแล้ว ดีเอสไอส่งเรื่องไปที่อัยการสูงสุดและค้างอยู่ตรงนั้น ไม่มีการดำเนินการอย่างไรต่อ
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า หากเรื่องนี้ใหญ่และสำคัญจริงสำหรับรัฐบาล เหตุใดจึงไม่มีการดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นเพียงการนับหนึ่งเพื่อเอาใจบางประเทศ แต่ไม่ได้ใส่ใจในการยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จากการนับหนึ่งวันนั้นผ่านมาถึงตอนนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นเหมือนเดิมและอาจจะยิ่งร้ายแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อสถานการณ์ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง เครือข่ายสแกมเมอร์จำนวนไม่น้อยจึงย้ายจากเมียวดีมาอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา และถ้าไม่มีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ตนสงสัยว่าประเทศไทยจะเอาจริงในเรื่องการจัดการเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่
วันนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องสแกมเมอร์ไม่ได้เป็นเรื่องเล็กแค่ระหว่างกัมพูชากับไทย หรือไทยกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความร้ายแรงและสลับซับซ้อน ไม่ได้ร้ายแรงแค่เฉพาะการหลอกลวงเอาเงินของคนทั่วโลก แต่ยังรวมไปถึงการฟอกเงินเพื่อนำเงินเหล่านี้เปลี่ยนไปซื้อธุรกิจเพื่อแข่งขันกับคนไทย โดยที่ประเทศไทยในวันนี้กำลังเป็นศูนย์รวมกิจกรรมเหล่านี้อยู่ หลายคนในหลายประเทศถูกหลอกไปทำงานเป็นสแกมเมอร์ได้ถึงหลักแสนคนก็เพราะมีขบวนการค้ามนุษย์ มีเจ้าหน้าที่รัฐ และมีผู้มีอำนาจในประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง คำถามคือรัฐบาลไทยทำอะไรเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเหล่านี้บ้าง
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ตนได้เห็นบทบาทของนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย โดยให้ข่าวตลอดเวลาว่าประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพในการกวาดล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ แต่ความจริงคือทางการสหรัฐอเมริการ่วมปฏิบัติการกับทางสหราชอาณาจักร ยึดอายัดคริปโตของปรินซ์กรุ๊ปมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาทไปแล้ว แต่ประเทศไทยที่อยู่ติดกับกัมพูชากลับทำอะไรไม่ได้ ต้องรอให้ประเทศอื่นมาจัดการให้ เกาหลีใต้เริ่มดำเนินการ ทางการสิงคโปร์ก็เริ่มดำเนินการ แต่วันนี้ตนประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ถามหน่วยงานอย่าง ปปง. ว่าเรื่องปรินซ์กรุ๊ปได้มีการขยับอะไรบ้างหรือไม่ คำตอบที่ตนได้รับคือไม่มี เพราะยังไม่มีหน่วยงานไหนส่งเรื่องมาให้ ปปง. ทำ
นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยนำรัฐมนตรีหลายกระทรวงไปดำเนินการแบ่งเป็นอนุกรรมการชุดต่างๆ แต่ประเทศไทยกลับไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับกรณีที่ใหญ่ระดับโลกอย่างปรินซ์กรุ๊ปได้เลยด้วยซ้ำ เอาแต่พูดว่าต้องรอให้เป็นคดีมูลฐานถึงดำเนินการได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงกฎหมายเขียนไว้แล้วว่าเพียงสงสัยก็ดำเนินการได้ แต่ก็ไม่ทำ ตนจึงสงสัยว่าจะต้องมีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างเรื่องของบริษัทฮุ่ยวัน ข้อมูลของทางการก็มีระบุว่าสำคัญอย่างไร ถูกเฝ้าจับตามองจากสหรัฐอเมริกา มีหน่วยงานใดบ้างดำเนินการกับบริษัทนี้อยู่ แต่ถึงแม้จะมีข้อมูลมากขนาดนี้ ปปง. ก็ยังไม่ทำอะไร พยายามถามว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้างก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรสักอย่าง
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ถ้านายกรัฐมนตรีอยากแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยการเป็นเจ้าภาพดึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ เข้ามาร่วมปฏิบัติการ มันไม่ใช่แค่การเดินไปคุยแล้วเชิญมา แต่ต้องมีรูปธรรมของการทำงานที่มากกว่านี้ ซึ่งตนขอเสนอเป็นแนวทางไว้ดังนี้
1. ในระดับนโยบาย รัฐบาลต้องมีรูปธรรมที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลง ปฏิญญา หรือเอ็มโอยู รัฐบาลต้องกำหนดและประกาศให้สาธารณชนได้ทราบว่าจะใช้เวลาเท่าใดในการร่วมมือกับทุกประเทศในระดับนโยบาย และจะต้องมีแผนปฏิบัติการออกมาให้ประชาชนชาวไทยได้เห็นความคืบหน้า
2. ในระดับปฏิบัติการ รัฐบาลต้องมีศูนย์ยุทธการบูรณาการ ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน ร่วมมือแบ่งปันข้อมูลกับหน่วยงานอย่างตำรวจสากล และหน่วยงานที่ทำเรื่องนี้ในสิงคโปร์ แลกเปลี่ยนข้อมูลตลอดเวลาโดยกำหนดเป้าหมายให้มีความชัดเจน ซึ่งอาจแบ่งเป็น 3 แกนคือ
2.1 ปิดแหล่งสแกมเมอร์: รัฐบาลรู้แล้วว่าอยู่ที่ใดบ้าง ละเอียดไปจนถึงพิกัด หากกัมพูชาไม่ยอมดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องใช้กลไกศาลอาญาระหว่างประเทศไปดำเนินการ
2.2 ปิดกั้นสัญญาณ: เครือข่ายสแกมเมอร์ในปัจจุบันใช้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมของสตาร์ลิงก์เป็นเครื่องมืออยู่ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ถ้านายกรัฐมนตรีมีการประสานงานไปที่บริษัทสเปซเอ็กซ์ให้ชัดเจนว่ามีพิกัดใดบ้างที่เป็นการใช้งานของเครือข่ายสแกมเมอร์อยู่ ก็สามารถปิดกั้นได้ทันที
2.3 ปิดกั้นเงิน: ปปง. จะต้องทำงานเชิงรุกโดยร่วมมือกับบริษัทเอกชน ซึ่งวันนี้มีความพยายามแล้ว อย่างเช่นศูนย์ IAC ที่มีการดึงธนาคารต่างๆ เข้ามา แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นต้องรวมเอกชนให้มากขึ้นแล้วออกเป็นปฏิบัติการเชิงรุก วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือทุกมาตรการจะต้องนำไปสู่การทำลายโครงสร้างอาชญากรรม
3. ในระดับกฎหมายการเงินและการกำกับดูแล “Travel Rule” คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าบรรดาคริปโตต่างๆ จะถูกพิสูจน์และรู้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของและถูกโอนย้ายไปที่ใดบ้าง การควบคุมคริปโตก็จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปปง. ที่กำลังพิจารณากันอยู่ก็น่าเสริมเรื่องนี้เข้าไปแล้ว แต่โดยสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ปกติ การหวังให้ร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จทันในสภาฯ ชุดนี้คงเป็นไปไม่ได้ และในความเป็นจริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องรอ เพราะกระทรวงดิจิทัลฯ สามารถแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อให้รองรับเรื่องนี้ได้เลยทันที ส่วนการบังคับใช้กฎหมาย แม้ประเทศไทยจะเริ่มมีการอายัดทรัพย์สินบุคคลอย่างลียงพัด หรือก๊กอานแล้ว แต่คนเหล่านี้ยังมีบทบาทและอำนาจอยู่ในประเทศกัมพูชา รัฐบาลไทยต้องประกาศให้ชัดว่าจะจับกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับบุคคลที่เป็นอาชญากรข้ามชาติ
4. โครงสร้างและการทำงานของรัฐบาล ปัจจุบันไม่มีใครเป็นผู้ที่จะนำนโยบายของรัฐไปดำเนินการให้เป็นจริง จากปัญหาที่พบตำรวจอย่างเดียวไม่พอที่จะรับมือได้ รัฐบาลจะมีกลไกอย่างไร วันนี้ประเทศไทยต้องการมือปราบ ใครคือเบอร์หนึ่งเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีคนเดียวเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว รัฐบาลต้องมีคนที่เป็นหัวหน้าที่จะรับผิดรับชอบ รวมไปถึงการมีงบประมาณในการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม
5. กรอบเวลาและตัวชี้วัด รัฐบาลต้องแถลงต่อประชาชนให้ชัดว่าเดือนนี้จะเห็นอะไร เดือนหน้าจะเห็นอะไร จะยึดทรัพย์เท่าไร อาชญากรจะถูกจับหรือไม่
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า แต่ทั้งหมดย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น วันนี้เมื่อข้อมูลหลักฐานชี้ชัดว่ามีนักการเมืองระดับรองนายกรัฐมนตรี คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายสแกมเมอร์ แล้วยังหนีสื่อ หนีการตอบคำถามของกรรมาธิการ ไม่ออกมาชี้แจง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านเพื่อตอบคำถามว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลอย่าง เบนสมิธ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของฮุนเซ็นได้อย่างไร ประชาชนที่มองอยู่ก็ย่อมเกิดการตั้งคำถามต่อรัฐบาลได้
ถ้าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถตอบให้กระจ่างได้ รัฐบาลจะไม่มีทางได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในการแก้ปัญหา และทั้งหมดจะนำไปสู่สถานการณ์ทุนเทายึดประเทศ มันคือตัวเลขเงินหลักแสนล้านบาทที่ถูกฟอกในประเทศไทยผ่านธุรกิจต่างๆ บางธุรกิจอาจมีขนาดเล็ก อาจเป็นมูลนิธิ สมาคม ไปจนถึงบริษัทใหญ่ เงินเหล่านี้บางส่วนอาจถูกใช้ผสมกับเงินสีขาว บางส่วนอาจนำไปสู่การขยายกิจการให้มีพื้นที่ฟอกเงินมากขึ้น การที่ประเทศไทยกลายเป็นสวรรค์แห่งการฟอกเงิน ในท้ายที่สุดจะสร้างปัญหามากมายในแง่ภาพลักษณ์ของประเทศและความเชื่อมั่น ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยอาจไม่แตกต่างกับกัมพูชาก็ได้
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ภาคธุรกิจของประเทศไทยก็จะเจอกับการแข่งขันที่ไม่ธรรมดา เพราะประเทศไทยต้องแข่งขันกับธุรกิจที่มีเงินสีเทาไม่จำกัด ที่ทำให้ค่าครองชีพโดยรวมของประเทศสูงขึ้น กิจการของคนไทยจะค่อยๆ ถูกซื้อโดยบรรดากลุ่มทุนเหล่านี้ ต่อไปคือการซื้อข้าราชการไทย จนสุดท้ายก็ซื้อนักการเมืองไทย เผลอๆ ในการเลือกตั้งรอบนี้ เงินเหล่านี้จะลงสู่การเลือกตั้งทั้งระบบ เพื่อยึดอำนาจรัฐของประเทศไปโดยที่ระบบตรวจสอบทั้งหมดทำอะไรไม่ได้เลย
วันนี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือการซื้อเวลาโดยไม่คิดทำอะไร ไม่มีความคืบหน้าอะไรทั้งกรณีเบนสมิธ ยิมเลียก หรือ BIC ที่หลายชาติกำลังเฝ้าดู สิ่งที่รัฐบาลทำมีเพียงแค่การตั้งคณะกรรมการโดยไม่มีแผนปฏิบัติการหรือความพยายามในการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ถ้ารัฐบาลอยากปราบสแกมเมอร์จริง สิ่งที่ต้องทำขั้นตอนแรกที่สุดคือร้อยเรียงทุกหน่วยงาน กำหนดตัวชี้วัดให้ชัด กำหนดโครงสร้างให้ชัด เงินงบประมาณต้องใส่ลงไป กฎหมายบางฉบับที่จะให้อำนาจ กลต. เข้าถึงข้อมูลผู้ได้รับประโยชน์ที่แท้จริงของบริษัทต่างๆ ควรต้องมีการเสนอได้แล้ว ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะนำไปสู่การปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ได้อย่างแท้จริงในที่สุด
