วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : ศึกตั้งรัฐบาล พรรคประชาชน ชี้ขาด เลือกใคร พท. - ภท. จากรายการ TODAY LIVE เมื่อ 1 ก.ย. 68

 


[ถอดเทป] อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : ศึกตั้งรัฐบาล พรรคประชาชน ชี้ขาด เลือกใคร พท. - ภท. จากรายการ TODAY LIVE เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 68 ดำเนินรายการโดย อภิสิทธิ์ ดุจดา

 

ผู้ดำเนินรายการ : อยากให้อาจารย์ประเมินการเมืองตอนนี้ กำลังหา  นายกฯ คนที่ 32 ว่าจะมาจากสีแดง หรือสีน้ำเงิน เชื่อสีไหนได้มากกว่ากัน

 

อ.ธิดา : อาจารย์ขอเริ่มต้นอย่างนี้นะ มันดูเหมือนเป็นวิกฤต แต่มันเป็นโอกาสที่ดีที่ประชาชนทั้งประเทศจะได้ศึกษาว่าผลจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราได้รัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไป พูดง่าย ๆ เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ แล้วผลของมันคือสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วนี่จะเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้ศึกษา เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปข้างหน้า สิ่งสำคัญที่สุดคือความคิดของประชาชน มันไม่สามารถบังคับด้วยกระบอกปืนได้ เขาบังคับด้วยกระบอกปืนมา 10 กว่าปี แล้วผลที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นว่าวิกฤตที่เกิดขึ้น พูดกันตรง ๆ ว่าขณะนี้เป็นวิกฤตของขั้วของฝั่งรัฐบาลจารีตอำนาจนิยมเดิมที่สืบทอดมา มันเหมือนเป็นรัฐบาลเดียวกันกับลุงตู่ ซึ่งเขาเก่งมากที่อยู่ได้จนนานถึงขนาดนี้ แต่ว่าในขณะเดียวกัน ผลการเลือกตั้งมันก็แสดงว่าประชาชนได้เรียนรู้ แต่ว่ามันยังไม่มากพอ

 

ผลสุดท้ายที่เกิดขึ้นก็คือเราได้รัฐบาลสืบทอดอำนาจที่ต่อเนื่อง จะมีดีลหรือว่าอะไรก็ตาม แต่สรุปว่านี่คือความล้มเหลว คุณทำรัฐประหารมา 2 รอบ แล้วคุณทำจนกระทั่งมีพรรคที่เคยได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยข้ามขั้วมา ก็คือเพื่อไทยข้ามขั้วมา ดูเหมือนดูดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกับพรรคเพื่อไทย หรือกับทั้งรัฐบาล มันคือผลที่มาขณะนี้

 

แน่นอน ขณะนี้คนอาจจะไปโฟกัสว่าพรรคประชาชนจะทำยังไง? ดิฉันคิดว่าความจริงไม่ควรจะไปโยนบาปให้พรรคประชาชน มันเป็นปัญหาของพวกนี้เอง ก็มันทำกันขึ้นมาอย่างนี้ ประชาชนควรจะต้องเรียนรู้ว่านี่แหละ ก็คือถ้าเราไม่สามารถที่จะเลือกพรรคการเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตยได้มากพอที่จะมีการเปลี่ยนแปลงให้ก้าวหน้า นี่แหละคือผลที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นดิฉันก็คิดว่ามันไม่ควรจะไปโยนให้พรรคประชาชนอย่างเดียว ได้ข่าวว่าทะเลาะถกเถียงกันเข้มข้นว่าควรจะเลือกทางไหน

 

เพราะฉะนั้น ดิฉันอยากจะให้เน้น คือเรา (พอดีมากับคุณยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ไอลอว์) โชคดี เพราะเราอยู่ในภาคประชาชน อาจารย์อยู่ภาคประชาชนมา 50 ปี ถ้าพูดนะสำหรับพรรคการเมืองและนักการเมืองเหล่านี้ ต้องใช้คำว่า “รู้เช่นเห็นชาติ” หมด เพราะฉะนั้นท่วงทำนองที่ดี พูดจาไพเราะดูน่าเชื่อถือ อาจารย์ไม่สนทั้งนั้นเลย สนว่าจุดยืนและอุดมการณ์ของคุณเป็นอย่างไร จุดยืนของคุณ คุณอยู่ข้างประชาชนที่จะเดินทางไปข้างหน้าเพื่อความเท่าเทียมกัน ได้ระบอบประชาธิปไตยแบบที่เป็นประชาธิปไตยจริง ที่อำนาจเป็นของประชาชนจริง ไม่ใช่อำนาจอยู่ที่ชนชั้นนำ ดังนั้น จุดยืนและอุดมการณ์เป็นเรื่องสำคัญ

 

และอาจารย์อยากจะเรียนว่าในฝ่ายประชาธิปไตยวิธีการก็เป็นเรื่องสำคัญ มันจะบอกว่าจะเป็นแมวสีไหนถ้าจับหนูได้ก็โอเคเหมือนกันหรือเปล่า อันนั้นมันอาจจะใช้ได้ในเรื่องอื่น แต่ในเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเปลี่ยนความคิดคน ดังนั้นมันต้องทำวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสที่ดี ให้ประชาชนช่วยกันคิดและช่วยกันรับรู้ว่า นี่คือผลงานนะ ขนาดยึดอำนาจมาตั้งกี่ปี ทำให้ประเทศชาติพังทลายขนาดนี้ แล้วเราต้องมานั่งพูดกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญใหม่ อาจารย์ก็เข้าใจว่าพรรคประชาชนขณะนี้เขาโฟกัสไปที่ปัญหาเฉพาะหน้า สิ่งที่เขาต้องการก็คือได้รัฐธรรมนูญใหม่


แต่อาจารย์อยากจะบอกว่า รัฐธรรมนูญใหม่ที่ดีพอควรเราก็เคยมีมาแล้วนะ ชุดแรกคือ รัฐธรรมนูญ 2489 ตั้งแต่สมัยอาจารย์ปรีดี แล้วก็มารัฐธรรมนูญ 2540 ก็ไม่ใช่ว่าดีเลิศ มันก็พอใช้ได้ แต่ถามว่ารัฐธรรมนูญดีมันอยู่ได้มั้ย? เพราะฉะนั้น ปัญหาเฉพาะหน้ามันต้องคำนึงถึงเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่ยาวไกลด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่ฝากไปให้พรรคประชาชน ก็คืออยากให้เข้าใจว่าเขาตั้งใจดี อยากจะแก้รัฐธรรมนูญให้ได้เร็ว แต่ว่าผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็อาจจะยังไม่ลงตัวนะ เพราะว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งซึ่งอาจจะรับไม่ได้ว่าคุณเลือกข้างใดข้างหนึ่ง

 

อาจารย์พูดอย่างนี้ก็แล้วกันนะก็คือ “พรรคเพื่อไทย” ครั้งที่แล้วจากที่เขาเคยอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย เขาข้ามขั้วไป แล้วก็ถูกประณามรุนแรงว่าตระบัดสัตย์ ไม่เอาสองลุง ถ้าใช้ภาษาของ “เพนกวิน” เขาถือว่าพรรคเพื่อไทยขวากลาง จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าอาจจะเลยเส้นแบ่งข้ามขั้วไป ยังไม่ทันจะไปไกลก็ดูเหมือนจะถูกเตะถูกถีบไปพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องเรียนรู้ว่าเขาผิดมาหลายรอบแล้ว เมื่อเขาข้ามขั้วไป แต่ว่าเขาตระบัดสัตย์ “พรรคภูมิใจไทย” ไม่ได้ตระบัดสัตย์ แต่ข้ามขั้วไป 1 กิโลเมตรชัดเจน เขาเป็นหัวหน้าและชัดเจนว่าไม่เอา “ก้าวไกล” ไม่ให้แก้ 112 อันนี้มีความชัดเจนตรงไปตรงมา แล้วก็ไม่แก้รัฐธรรมนูญ หมวด 1, หมวด 2, หมวด 3 ไม่แก้นิรโทษกรรม ลงประชามติ เคยบอกว่า 2 ครั้ง ก็กลายเป็น 3 ครั้ง

 

แต่สำหรับอาจารย์ก็เข้าใจได้ว่าเขาอยู่ตรงนั้นนะ แต่สิ่งซึ่งยังไม่มีใครเคยทำและเขาทำ ซึ่งสำหรับอาจารย์นะ ให้อภัยไม่ได้!!! คือเรื่อง สว. เพราะว่าอาจารย์คิดว่ามันเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงต่อระบอบประชาธิปไตย สำหรับอาจารย์ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ พรรคประชาชนอาจจะมองว่า เพื่อไทยก็มีปัญหาทั้งนั้นแหละ อันนี้มีเขากระโดง อันนั้นก็มีอัลไพน์ อันนี้มีก็สว. เยอะแยะเต็มไปหมด แต่สำหรับอาจารย์ในฐานะที่เราอยู่กับการต่อสู้ประชาชนมา ปัญหาสว.เป็นปัญหาของประเทศไทยตั้งแต่ 2475 มาจนถึงปัจจุบัน เรานึกว่ามันพ้นแล้ว ถ้าพ้นรัฐธรรมนูญ 2560 นะ ถึงว่ามันจะร่างแบบบ้า ๆ บอ ๆ ให้มีหลายกลุ่ม ให้มีตัวแทนอะไรต่าง ๆ ดูมันก็ไม่เคยมีในโลกนี้นะ แต่ว่าก็ยังมีคนที่สามารถทำให้เป็นสว.ของฝ่ายจารีตได้ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างรุนแรง สำหรับอาจารย์นะ



ดังนั้น สิ่งที่อยากจะบอกก็คือว่า เมื่อกี้ที่พูดอันที่ 1 คือ เราต้องศึกษาเรื่องนี้ว่าเป็นความล้มเหลวของฝั่งจารีตอำนาจนิยม ไม่ใช่ความล้มเหลวของพรรคประชาชน และไม่ควรจะโยนให้เป็นภาระของพรรคประชาชน และเป็นเรื่องที่ดี พรรค 2 พรรคนี้เองที่ควรจะต้องถูกลงโทษ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ควรจะต้องถูกลงโทษ โดยประชาชนจะได้เอาออกมาดูว่าความผิดพลาดมันอยู่ที่ไหน? แล้วทีนี้จะเลือกทางไหน? การฟังเสียงก็เป็นสิทธิ์ แต่ในความคิดของอาจารย์ ไม่ขึ้นกับพรรค ขึ้นกับระบอบประชาธิปไตยและความเป็นปฏิปักษ์ อาจารย์ให้ปัญหาของการจัดการเรื่องสว.ให้มาเป็นฝั่งจารีตเป็นอันตรายที่ยิ่งใหญ่!!!

 

ถ้าพูดกันอย่างนี้นะ ไม่ใช่อาจารย์ไปเข้าข้างพรรคเพื่อไทยนะ อาจารย์สู้กันมาอยู่เยอะแล้ว โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ แล้วก็เรื่องนิรโทษกรรม

 

ผู้ดำเนินรายการ : ถ้าแบบนี้คืออาจารย์สรุปว่าเลือกภูมิใจไทยไม่ได้ ถูกมั้ยครับอาจารย์

 

อ.ธิดา : ไม่ใช่เลือกภูมิใจไทยไม่ได้ ถ้าสำหรับตัวอาจารย์ อาจารย์ไม่คบ! ไม่คบกับคนที่มาจัดการ สว.

 

ยิ่งเชีพ : เพื่อไทยยังคบมั้ยครับอาจารย์

 

อ.ธิดา : เพื่อไทยก็ไม่เอา

 

ผู้ดำเนินรายการ : โอเค ไม่เอาอะไรเลยนะ อาจารย์อยู่ในโพลช้อยส์แรก

 

อ.ธิดา : ตอนนี้ต้องเป็นเวทีศึกษาของประชาชนครั้งยิ่งใหญ่เลย

 

ผู้ดำเนินรายการ : ไม่ว่าพรรคประชาชนจะโหวตพรรคไหน ก็จะโดนหลอกอีกครั้งเหรอ?

 

อ.ธิดา : อาจารย์ว่าจะเสียค่าโง่มากกว่า คืออย่างที่บอกนะ ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีของพรรคประชาชนที่จะแสดงให้ประชาชนทั้งหลายและมวลชนเห็นว่า นี่คือความล้มเหลวของพรรคที่ทั้งข้ามขั้วไปและพรรคที่อยู่ในขั้วเดิม ซึ่งเป็นการขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตย และจนกระทั่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ว่าเกิดเรื่องนอกระบบ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วก็จะทำให้ความคิดที่ก้าวหน้าจะได้เติบโต อาจจะได้มาเป็นฐานเสียงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น จุดนี้ควรจะเป็นจุดหลักมากกว่าที่จะบอกว่าเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่คำถามว่ามันทำไมต้องรีบถึงขนาดนั้น

 

แล้วข้อเสนอของยิ่งชีพ มีข้อเสนอหนึ่งก็คือว่า บางคนก็บอกว่าให้เลย 9 ก.ย. ให้ดูว่าผลออกมาว่าอย่างไร จะเป็นประชามติ 2 รอบ หรือ 3 รอบ อันนี้ก็มีเหตุผล เพราะฉะนั้น เวลาที่รอนี้มันจะเป็นเวลาที่ใคร่ครวญและประชาชนจะได้คิด ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าคุณจะเลือกใคร คุณต้องมีรายละเอียดยิบเลย เท่านี้ไม่พอ ตัวอย่างที่อาจารย์เคยขอแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ที่เล่าให้ฟัง เลือกสสร.เหมือนกัน ร่างของอาจารย์ (นปช.) นะเหมือนกับร่างทุกวันนี้ที่เสนอกันของพรรคประชาชน มีสสร.มาจากการเลือกตั้ง แต่แตกต่างจากของพรรคเพื่อไทย ในเวลานั้นพรรคเพื่อไทยบอกว่ากรรมาธิการในการยกร่างรัฐธรรมนูญทางรัฐบาลจะเป็นฝ่ายตั้ง แต่ว่าร่างของนปช.ที่อาจารย์เป็นประธานก็คือ ต้องให้สสร.เป็นคนตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะอาจารย์เข้าใจว่าสังคมไทยในเวลานั้นมันแตกแยกกันมาก ถ้ารัฐบาลเป็นคนยกร่างเลยมันก็จะเกิดความขัดแย้ง แต่เขาไม่เชื่อ นี่ไม่ใช่พูดแบบเอาดีใส่ตัวนะ ถ้าเขาเชื่ออาจารย์ครั้งนั้น จะไม่มีวันนี้ของพรรคเพื่อไทย และจะไม่มีรัฐประหารปี 2557 ด้วย เพราะว่าเราต้องแฟร์ The winner takes all เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยจริงเป็นผู้ชนะ ต้องใจกว้างมาก



ผู้ดำเนินรายการ : คือหมายความว่าครั้งนี้ถ้าจะเกิดขึ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการที่จะเลือกใครหรือไม่เลือกใคร ต้องสร้างกระบวนการให้ประชาชนรับรู้ แบบนั้นมั้ยครับอาจารย์

 

อ.ธิดา : ก็เป็นโอกาสอันดี แต่ว่าสำหรับอาจารย์คือเราสร้างคน และอาจารย์เชื่อว่าเราได้สร้างประชาชนมวลชนพื้นฐานจำนวนมากที่ก้าวหน้า คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เขาไม่ได้มาเรียกร้องเศรษฐกิจ เขาเรียกร้องการเมืองในการประท้วงทุกครั้ง และเราสร้างคนก้าวหน้าเพื่อที่จะให้ขบวนการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต่อให้มีคน สมมุติคุณไปเลือกสีน้ำเงินนะ ตอนนี้อาจารย์ดูเหมือนกับพรรคส้มจะไปทางน้ำเงินนะ ข้อที่ 1 อาจารย์ก็จะไม่เชื่อว่าเขาจะทิ้งอำนาจเร็ว ลงทุนสูงมาก มันจะต้องมีเรื่องโน้นเรื่องนี้ กระทั่งยุบสภา 4 เดือน ก็ยังต้องใช้เวลาตามที่มีคนเสนอแล้วว่ารวมเกือบปีนะ

 

ดังนั้น ถ้าคุณเป็นยานพาหนะที่นำพรรคภูมิใจไทยไปส่งถึงที่ แน่นอนเขาก็จะทำให้ส่วนหนึ่ง แต่ว่าคุณอย่าลืมว่าที่บอกว่าไม่ดูหน้ากันใช่มั้ย แต่ถ้าเป็นหน้าประยุทธ์ไม่เอาใช่มั้ย แต่สำหรับอาจารย์ จุดยืนกับอุดมการณ์ หน้าไม่สนก็ไม่เป็นไร ไม่เคยคุยด้วยกันก็ไม่เป็นไร

 

ผู้ดำเนินรายการ : ฟังอาจารย์วันนี้นะ คืออาจารย์ตัด “ภูมิใจไทย” นะ

 

อ.ธิดา : เพราะจุดยืน อาจารย์เคยตัดเพื่อนมาเยอะ เพราะสำหรับอาจารย์ เขาเป็นหัวขบวนของจารีต นี่ไม่ได้โกรธเป็นส่วนตัว ไม่ได้เกลียดกันเป็นส่วนตัว และอาจารย์เชื่อว่าท่วงทำนองนักเลงและพูดง่าย ภูมิใจไทยพูดง่ายกว่าพรรคเพื่อไทย มันอาจจะทำให้ appreciate สำหรับคนที่ไปคุยด้วย

 

ผู้ดำเนินรายการ : แล้วถ้าไว้ใจภูมิใจไทยไม่ได้ อาจารย์จะไว้ใจเพื่อไทยได้มั้ย?

 

อ.ธิดา : เพื่อไทยก็ไว้ใจไม่ได้ คือคุณต้องมีรายละเอียดทุกอย่าง แต่ว่าสำหรับอาจารย์ตัดสินคนที่จุดยืน เพราะว่าอาจารย์ 50 ปีที่ผ่านมา อาจารย์ทิ้งเพื่อนที่เคยคบกันมากระทั่งเข้าป่ากันมา เมื่อตอนที่เขาสนับสนุนรัฐประหาร 2549 และพวกที่สนับสนุนรัฐประหาร 2557 ก็เรียกว่าทิ้งกันเลย ไม่ว่าจะรักกันมากแค่ไหน แต่จุดยืนกับอุดมการณ์สำคัญกว่า

 

เพราะฉะนั้น ขอเรียกร้องมายัง “พรรคประชาชน” ว่าต่อให้คุณแก้ไขรัฐธรรมนูญเขาก็ยึดอำนาจคุณได้ ถ้าคุณไปสร้างความแข็งแกร่งให้กับฝั่งจารีตอำนาจนิยม ถ้าเขาเป็นปฏิปักษ์ เราจะไม่เพิ่มความแข็งแรงให้เขา อาจารย์ไม่พอใจพรรคเพื่อไทยมาก แกนนำนปช. ถ้าข้ามขั้วอุดมการณ์ อาจารย์ถือว่าไม่ใช่ “เพื่อน” ต่อให้อยู่ไกลกัน ไม่ได้คุยกัน แต่ถ้ามีจุดยืนและอุดมการณ์เหมือนกัน เราคือเพื่อนกัน แต่ว่าต่อให้อยู่ใกล้กัน แต่ว่าจุดยืนและอุดมการณ์ณืไม่เหมือนกัน เราไม่ใช่เพื่อนกัน



ผู้ดำเนินรายการ : กรณีการเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภาพิจารณา ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน สมมุติว่าพรรคประชาชนเลือก “อนุทิน” เป็นนายกฯ ภูมิใจไทยทำตามที่พรรคประชาชนบอกแล้ว แต่ สว. โหวตไม่เอาด้วย

 

อ.ธิดา : ช่องทางข้างหน้าที่จะเบี้ยว อันนี้เบาที่สุดแล้ว อาจจะมีมากกว่านี้อีก อันนี้ง่ายไป มีช่องทางเยอะมาก แต่เขาอาจจะตกลงกันแล้วกับพรรคประชาชนในประเด็นนี้ว่า สว. จะผ่านก็ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ปัญหาอยู่คือพรรคประชาชนควรจะต้องมีรายละเอียดในทุกเรื่องเลย อย่าลืมว่าชั้นเชิงเขา ไม่ว่าจะเป็นคุณเนวิน หรือคุณอนุทินและคนอื่น ๆ โดยเฉพาะคุณเนวิน #^&* อืม!!!!

 

สามเงื่อนไขของพรรคประชาชนมันลอยอยู่กลางอากาศ ในความคิดของอาจารย์นะ มันต้องลงแผ่นกระดาษ แล้วเป็นโอกาสที่ให้ประชาชนได้มีความรู้ด้วยว่าในกระบวนการเรื่องของปัญหาประชามติเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วกระบวนการล่อเข้าไปตั้ง 23 เดือน นี่อย่างเร็วแล้วนะถ้าทำรัฐธรรมนูญใหม่ มันไม่ใช่ง่าย เพราะรัฐธรรมนูญนี้เขียนมาให้ฉีก ไม่ใช่ให้แก้ ไม่ใช่ให้เขียนใหม่ ถ้าพูดกันตรง ๆ อาจารย์อ่านตั้งแต่แรกแล้ว มันยากมาก เอาล่ะยากก็ยาก คุณจะต้องเลือกก็เลือก แต่ในขณะเดียวกันมันต้องให้ความรู้ประชาชน นั่นก็คือไม่ใช่มีแค่ 3 ข้อ ผมไม่อยู่เป็นรัฐบาล, คุณต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน อันนี้มันจะว่างเปล่าเกินไป

 

เพราะฉะนั้น นอกจากจะรอปัญหาศาลรัฐธรรมนูญ (วันที่ 10 ก.ย.) แล้ว ขณะนี้จะต้องเตรียมมากกว่าจะมาเถียงว่าจะเลือกใคร ควรจะมีกติกาที่เป็นรายละเอียดให้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเรื่องการลงประชามติ หรือการที่จะต้องมีการยุบสภา ในนี้ต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้ แล้วเปิดให้ประชาชนได้รับรู้ด้วย อันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกับประเทศมากกว่า ถ้าคุณรีบเลือกไป ขณะนี้ก็มีคนพูดว่าอาจจะต้องเสียคะแนน แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยความรู้ความจริงของเหตุการณ์ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะเลือก เสียค่าโง่บ้างก็อาจจะเสียไม่มาก ก็คือประชาชนก็ยังสามารถให้อภัยได้ แต่ว่าถ้ารีบ แล้วเขียนลวก ๆ แล้วเขารีบรับรีบตกลง อาจารย์ว่าเสียมากกว่าดี!!!

 

ผู้ดำเนินรายการ : สมมุติสถานการณ์ครั้งแรกมีการโหวตเลือกนายกฯ ในสัปดาห์นี้ (4-5 ก.ย.) แล้วโหวตไม่ได้ สัปดาห์ถัดไปต้องมาโหวตเลือกนายกฯ อีก สมมุติว่า แดงกับน้ำเงิน กลับมาจับกันโหวต พล.อ.ประยุทธ์ อาจารย์มองสมการนี้อย่างไร?

 

อ.ธิดา : มันก็เป็นไปได้ แต่น้อย สิ่งที่อาจารย์อยากจะเรียกร้องมายัง “พรรคเพื่อไทย” ก็คือ “ยุบสภา” คืออาจจะมีความเห็นแตกต่างกัน แต่อาจารย์คิดว่าที่ความเห็นเรื่องยุบสภาของ อ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ กับ อ.วิษณุ เครืองาม อาจารย์ว่ามันได้นะ เพราะว่าที่เลขาฯกฤษฎีกาอ้าง คือมันไม่มีข้อห้าม เพียงแต่อ้างว่าอาจจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเพราะนี่เป็นพระราชอำนาจ ในความคิดของอาจารย์จริง ๆ แล้ว อาจารย์อยากเสนอต่อพรรคเพื่อไทยว่า ยุบสภา คือตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคุณยุบสภาตอนนี้ คุณอาจจะได้เสียง...

 

ยิ่งชีพ : จากอาจารย์ธิดา

 

อ.ธิดา : ไม่ใช่จากอาจารย์ธิดา แต่หมายถึงประชาชนบางส่วน

 

ผู้ดำเนินรายการ : ไม่กาแล้วเหรอ?

 

อ.ธิดา : อันนั้นต้องเอาไว้รอดูอีกทีหนึ่ง แต่ว่าอาจารย์ถือว่าเขาข้ามขั้วไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็คือการยุบสภา ก็ยุบอยู่ในสถานะที่ข้ามขั้ว และอาจารย์เชื่อว่าการข้ามขั้วของพรรคเพื่อไทย อย่างที่เราเคยเทียบก็คือ มันเป็นเรื่องของเจ้าของพรรคและพรรค เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่จะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ฝั่งจารีตและอำนาจนิยมยังเป็นใหญ่อยู่ เป็นเรื่องที่เราอาจจะไปแก้เขาไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าเขายุบสภา มันจะมีประโยชน์กับประชาชน



ผู้ดำเนินรายการ : เขาจะกล้ายุบมั้ยอาจารย์ ภายในสัปดาห์นี้

 

อ.ธิดา : เขาจะจับมือกันใหม่ หรือ ยุบสภา ก็เป็นไปได้ เหตุผลเพราะว่า คือเราดูอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกวิเคราะห์ว่าเขาจะจับมือ เพราะว่าตอนนี้ ฝั่งนี้ที่ไปเป็นรัฐบาลมันมีปัญหาพรรคแตกแยกกัน แล้วก็ไหลไปไหลมา ถ้าเขามาจับมือรวมกันได้ อาจารย์ว่ามันค่อยข้างยาก เพราะสถานการณ์เลยมาไกล โอกาสจะจับมืออาจารย์ให้น้อย ก็มองในแง่ดีว่า “ยุบสภา” นี่เป็นข้อเสนอจากอาจารย์ธิดาว่า ให้พรรคเพื่อไทย คือขณะนี้ไม่ใช่พรรคประชาชนพรรคเดียวนะที่มีอำนาจกระทำต่อการเมือง พรรคเพื่อไทยก็มีอำนาจ นั่นก็คือคุณยุบสภาเลย แล้วคุณจะได้รับการสรรเสริญ พรรคประชาชนก็ดี ตัวเองจะได้ไม่ต้องแบกปัญหาภาระ คืนอำนาจให้กับประชาชน เหมือนกับปี 2553 ที่คนเสื้อแดงออกมาก็เรียกร้องให้คืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะตอนนั้นเขาไปเลือกรัฐบาลในค่ายทหาร เที่ยวนี้ก็คืนอำนาจให้กับประชาชน ตอนนั้นอภิสิทธิ์ไม่ยอม ใช่มั้ย? แล้วคนเสื้อแดงออกมา เที่ยวนี้ก็คืนอำนาจให้กับประชาชนซิ ถ้าคุณยังมีความรักประชาธิปไตยเหลืออยู่บ้าง

 

ยิ่งชีพ : ขอโทษครับ อ.ธิดา น่าจะรู้จักคุณทักษิณเป็นการส่วนตัว

 

อ.ธิดา : จะเรียกว่าส่วนตัวแบบไหนไม่รู้

 

ยิ่งชีพ : อาจารย์น่าจะรู้จักนิสัยใจคอเขาบ้างน่ะ อาจารย์ว่าเขาเป็นคนที่พร้อมจะยุบสภามั้ย หรือเขาเป็นคนที่จะลากสถานการณ์ให้มันยื้อไป

 

อ.ธิดา : คือปกติการยุบสภามันจะต้องอยู่ที่มันไม่มีทางเลือกอื่น อย่างเช่นกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ จำได้มั้ย ก็ยุบสภา และของคุณทักษิณ ก็ยุบนะ แต่ยุบครั้งแรกของคุณทักษิณนั้นเป็นการยุบที่มีความเชื่อมั่นว่าจะกลับมาได้ แล้วก็ได้เยอะด้วยนะ แต่ว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นโมฆะ เพราะหันก้นหันอะไรออก เพราะฉะนั้นยุบสภาครั้งนั้นเชื่อว่าชนะ แต่ยุบสภาครั้งที่สองมันไม่มีทางเลือกอื่น เป็นความชอบธรรมอย่างเดียวคือคืนอำนาจให้กับประชาชน

 

แต่เที่ยวนี้อาจารย์ว่านะ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องมีบทเรียนอีกเท่าไร แต่ว่าคืนอำนาจให้ประชาชน ยุบสภา ส่วนพรรคประชาชนที่เขียน 3 ข้อ น้อยไป คุณต้องมีรายละเอียดมากเลย ในเรื่องประชามติอย่างหนึ่ง ในเรื่องการที่จะตรวจสอบในการที่นำเสนอร่างฯ เพื่อที่จะให้มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ต้องมีรายละเอียดเยอะแยะ มิฉะนั้นกลุ่มคนที่รับปากเจอ 3 ข้อนี้สบายเลย สามารถที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อซื้อเวลา เพราะบอกว่ามันมีความจำเป็น

 

ผู้ดำเนินรายการ : ถามคุณยิ่งชีพ มองว่าพรรคเพื่อไทยกล้ายุบสภามั้ย?

 

ยิ่งชีพ : ผมได้ยินมาว่าตระกูลชินวัตรเขาประเมินกันว่าความผิดพลาดในปี 2556 เขายุบสภาช้าไป ไม่รู้จริงหรือเปล่า คือถ้าเขายุบตั้งแต่แรก กปปส. ยังจุดไม่ติด อาจจะเอาอยู่ ผมไม่รู้จริงมั้ย?

 

อ.ธิดา : ไม่ใช่หรอก ความผิดพลาดครั้งนั้นก็เพราะเขาเสนอ “นิรโทษสุดซอย” แล้วเราก็ค้าน เขาก็ไม่เชื่อ เขาบอกเรื่องคนเสื้อแดงเขารู้ดีกว่าพวกแกนนำ อาจารย์หน้าชาเลย

 

ยิ่งชีพ : ผมก็เลยมองว่าเขามีโอกาส เขาพร้อมจะยุบ ไม่อยากให้มันลากยาว เขาควรจะเห็นสิ่งนี้ตั้งนานแล้ว ควรจะยุบตั้งแต่ มิ.ย. นั่นแหละ ตอนที่คุณแพทองธารมีอำนาจเต็ม ตอนนั้นไม่เสียหายอะไรเลย พอไม่ยุบตอนนั้นแล้วลากมาถึงตอนนี้ นายกฯ เป็นรักษาการ มันเลยมีคำถามเยอะ ยุบช้าไป ถอยช้าไป

 

อ.ธิดา : แต่วันนั้นที่คุณทักษิณพูด เขาบอกมี 3 กรณีนะ กรณีที่ 1 คือถ้าคุณแพทองธารรอด เป็นรัฐบาลยาว กรณีที่ 2 ถ้าคุณแพทองธารไม่รอด เป็นคุณชัยเกษม ถ้าไม่ใช่คุณชัยเกษม กรณีที่ 3 ก็ยุบสภา

 

กรณีการยุบสภาสำหรับอาจารย์นะ ตั้งแต่ต้นอาจารย์มองแล้วว่ามันไม่มีข้อห้ามว่าถ้าไม่มีนายกฯ และผู้ปฏิบัติราชการแทนไม่สามารถที่จะเสนอราชกฤษฎีในการยุบสภาได้ เมื่อไม่มีข้อห้ามก็แปลว่าทำได้ เพียงแต่ว่าบางคนบอกว่าควรทำหรือไม่ควรทำ ในทางกฎหมายอาจารย์ก็คิดว่าทำได้ และถ้าเป็น Political นะ อาจารย์ก็คิดว่ายิ่งควรทำ เพราะระบอบประชาธิปไตยเมื่อมีปัญหาก็คืนอำนาจให้กับประชาชน มันเป็นสิ่งถูกต้องที่สุด ไม่ว่าจะมองทางกฎหมายหรือว่ามองทางการเมือง ยุบสภาตอนนี้ คืนอำนาจให้กับประชาชน อาจารย์คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นี่เป็นข้อเสนอต่อพรรคเพื่อไทย



ส่วนพรรคประชาชนก็คือ คุณต้องทำงานให้มากกว่านี้ในการให้การศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสส., สมาชิก และประชาชนทั้งหมดว่า เรื่องราวของการที่จะทำประชามติและการที่จะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีปัญหารายละเอียดต่าง ๆ อย่างไรที่ต้องให้คนช่วยกันดู และนี่เป็นโอกาสทองของพรรคประชาชน ไม่จำเป็นต้องไปรีบร้อน พูดกันตรง ๆ ว่ามันไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้วสำหรับพรรคการเมือง ฝ่ายรัฐบาลเดิมของกลุ่มอนุรักษ์นิยม

 

ผู้ดำเนินรายการ : ความเห็นของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โพสต์ข้อความว่า ปี 49 ทักษิณ ยุบสภา – เลือกตั้งโมฆะ ปี 57 ยิ่งลักษณ์ ยุบสภา - เลือกตั้งโมฆะ แน่ใจนะ ยุบสภาแล้วจะไม่โมฆะอีก?

 

อ.ธิดา : คืออย่างนี้นะ มันอยู่ที่ว่าอยู่บนจุดยืนระบอบประชาธิปไตย หรือไม่ใช่ ถ้าอยู่บนจุดยืนระบอบประชาธิปไตย การคืนอำนาจให้กับประชาชน ถูกต้อง!!!  แต่ว่าถ้าจุดยืนไม่ใช่ประชาธิปไตย ต้องการให้อำนาจอยู่ในชนชั้นนำ ก็ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน และแม้กระทั่งคนมาเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ก็ต้องมาถูกคัดกรองและยอมรับอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันแล้วแต่มุมมอง แต่ความจริงที่มันเกิดขึ้นที่เขียนมามันก็ถูก แต่มันก็มีที่มาและที่ไป แต่ครั้งนี้คุณทักษิณข้ามขั้วมาแล้วนะ มาอยู่พวกเดียวกับพวกคุณแล้วนะ ในทางยุทธศาสตร์ต้องคิดว่านี่พวกเดียวกันแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทยหรือเพื่อไทย ถ้าคืนอำนาจให้กับประชาชน กลัวมั้ย??? ถ้าคืนอำนาจให้กับประชาชนแล้วกลัว ก็อาจจะมีการขัดขวาง แต่ถ้าคุณเห็นด้วยว่าควรจะคืนอำนาจให้กับประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มันก็จะไม่เกิดปรากฏการณ์ของการที่มาโมฆะ

 

ผู้ดำเนินรายการ : ผมมองไปข้างหน้าถ้าสมมุติว่าโหวตกันไม่ได้ โหวตคุณชัยเกษมไม่ได้ แล้วพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมยุบสภาก็ไม่ง่ายนะ!

 

อ.ธิดา : คืออันนี้นะ อาจารย์ให้กำลังใจนิดนึง ดูเหมือนมันเป็นเรื่องของพระราชอำนาจแล้วล่ะ พูดตรง ๆ ว่าถ้าเสนอไปนะ แล้วพระองค์ท่านลงพระปรมาภิไธยลงมานะ มันก็จบ มันก็ไม่มีปัญหา ก็ยังเชียร์อยู่ เพราะว่าไม่ว่าจะทางการเมืองหรือทางกฎหมาย ยุบสภาเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

 

แต่สำหรับพรรคประชาชนนะ ช้าไว้หน่อย ละเอียดกว่านี้ แล้วก็ให้ความรู้กับทั้งสมาชิกพรรค ทั้งประชาชน เพื่อยกระดับความเข้าใจทางการเมืองจะดีกว่า

 

ผู้ดำเนินรายการ : Thai PBS พร้อมจัดเวทีดีเบท 2 แคนดิเดทนายกฯ อนุทิน-ชัยเกษม แสดงวิสัยทัศน์ ก็อยากให้มีเหมือนกันนะอาจารย์

 

อ.ธิดา : ก็ฟังไป แต่อาจารย์ว่าไม่ใช่ตัวจริงทั้งคู่ (ยิ่งชีพเสริม : ต้องทักษิณ กับ เนวิน) อย่างงั้นแหละ

 

ผู้ดำเนินรายการ : จากคอมเม้นท์แฟนรายการบอกว่าเป็นพรรคประชาชนลำบากนะ

 

อ.ธิดา : ใช่!!!

 

ยิ่งชีพ : ลำบากจริง ถ้าผมเป็นพรรคนี้ วันนี้ผมปวดหัวมาก แต่ก็ถือว่ามาไกลนะ ที่พลิก momentum จากวันที่ไม่มีใครมีความหวังและไม่มีใครพูดเรื่องรัฐธรรมนูญอีกแล้ว วันนี้พลิก momentum มากลายเป็นทั้งเพื่อไทย ทั้งภูมิใจไทย รับหมดเลยว่าจะทำประชามติรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่ามาไกล

 

อ.ธิดา : น่าตกใจ รับเร็วเกินไป รับง่ายไป แล้วที่แล้วมาทำไมไม่รับ ทำไมไม่ทำ ทั้งคู่เลย คนหนึ่งทำไมไม่ทำ อีกคนเบี้ยวเลย แทนที่จะทำประชามติ 2 ที เคยโหวตแล้วนะ มาเปลี่ยนเป็น 3 ยังได้เลย แล้วนี่หรือที่จะมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 4 เดือน คุณเชื่อเหรอ อาจารย์ไม่ขำ อาจารย์โกรธจริง! แล้วคำถามว่ามันน่าเชื่อถือได้มั้ย?

 

อาจารมองนะ นั่นคือจุดยืนเขา ตอนที่ภูมิใจไทยต้องไปรับครั้งแรกก็คือตอนที่ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยก็ถือว่าเป็นนโยบายร่วมกันทำประชามติ 2 ครั้ง แต่ที่คว่ำให้เปลี่ยนมาทำประชามติ 3 หน นั่นคือของจริง แล้วถามว่าตอนนี้ที่มารับปากพรรคประชาชน มันจะจริงหรือเปล่า เพราะว่าอาจารย์ดูคน ดุจากจุดยืนและประวัติศาสตร์พัฒนาการมาเป็นลำดับ


 

ผู้ดำเนินรายการ : แฟนรายการบอกให้ต่อสายถึงคุณพริษฐ์ ไอติม หน่อย ตอนนี้คุณไอติมน่าจะไม่สะดวก

 

อ.ธิดา : เขาบอกเขาจะเคาะวันพรุ่งนี้เหรอ เขาจะรีบไปไหน คือจริง ๆ อาจารย์อยากจะให้นาน แต่ว่าอันนี้เขายังหวังเรียกว่า “มักน้อย” น้อยหน่อยนะ คือให้รอวันที่ 10 ก.ย. แต่อาจารย์อยากให้ทอดเวลาให้นานหน่อย เพื่อที่จะให้ลงรายละเอียดในแผนว่าเขาสามารถทำได้ทั้งหมดไม่ใช่เพียง 3 ข้อ และในขณะเดียวกัน มันก็เป็นการดีเบทและท้าไปด้วยว่า แล้วเพื่อไทยจะเอายังไง? ถ้าคุณทนไม่ได้คุณก็ยุบสภาซิ

 

อาจารย์เข้าใจว่าพรรคประชาชนได้คุยกับพรรคสีน้ำเงินมานานพอควร แล้วเขาค่อนข้างคิดว่าหวังผลว่าจะได้ เราได้แต่เตือนให้ระมัดระวังว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าประวัติศาสตร์กับจุดยืนของภูมิใจไทยจะทำได้หรือ

 

พรรคเพื่อไทยตัดสินใจไปแล้วเขาก็ประสบชะตากรรมแบบนี้ ถ้าพรรคประชาชนจะตัดสินใจอะไรก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น อาจารย์เคยคุยกับคุณภูมิธรรม เขาไม่พอใจที่ว่าตัวแทนของพรรคเพื่อไทยมาในเวทีงานรำลึก 10 เมษา53 แล้วก็ถูกคนเสื้อแดงโจมตีด่าว่า อาจารย์ก็บอกว่ามันก็เหมือนกัน อ.ธิดาก็ถูกแฟนคลับของพรรคเพื่อไทยโจมตีเหมือนกัน เขาก็ยังใช้คำพูดที่ดีอันหนึ่งว่า เราก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของเรา อันนี้ก็ใช่พรรคประชาชน คุณคิดให้ดีนะ แล้วคุณก็ต้องยอมรับผลของการกระทำ พรรคเพื่อไทยขณะนี้มันได้แสดงออกมามากแล้วว่า หลายครั้งแล้วที่ชะตากรรมเป็นแบบนี้ แต่ว่าพรรคเพื่อไทยนะ คุณจะได้คะแนนดีกว่านี้ถ้าคุณรีบยุบสภา

 

ส่วนพรรคประชาชน คิดให้ดี เพราะว่ามันไม่สำคัญว่าเขาพูดจาน่าเชื่อถือ มันไม่สำคัญว่าคะแนนเสียงเขาน้อย โอกาสที่จะมาเล่นงานมันจะยาก แต่มันสำคัญที่จุดยืนและอุดมการณ์ และวิถีทางของนักประชาธิปไตย นอกจากเป้าหมายประชาธิปไตยแล้ว วิธีการก็ต้องถูกต้องด้วย อาจารย์ขอฝากไว้ในฐานะที่เป็นผู้ที่อยู่กับการต่อสู้ของประชาชนมายาวนาน ถ้าวิธีการของคุณไม่ถูก ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เพราะเพียงความหวังอย่างเดียวมันไม่พอ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งหมดเลย อย่าไปเชื่อว่าทั้งสองพรรคจะทำเพื่อประเทศชาติประชาชน เป็นไปไม่ได้ เขายังเป็นเรื่องของผลประโยชน์

 

เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะยื่นมือเข้าไปร่วมกับใครก็คิดให้ดีก็แล้วกันว่าจะเลือกวิธีแบบไหน แต่สำหรับเรานะ ช้า ให้ละเอียด และรอดูเหตุการณ์ ดูว่าพรรคเพื่อไทยถ้าทำไม่ได้ก็ยุบสภา อันนั้นน่าจะดีกว่า

 

อาจารย์ฝากเป็นคำสุดท้ายนะ เรื่องแบบนี้อย่าใช้อารมณ์ อารมณ์รัก อารมณ์เกลียด อารมณ์โกรธ ต้องใช้เหตุผลหลักการและจุดยืน และมองเป้าหมายระยะยาว อย่าคิดแค่สั้น ๆ เพราะว่าการเมืองไทยมันยากลำบากมาตั้งแต่ 2475 จนถึงบัดนี้ มันจะ 100 ปีเข้าไปแล้ว ถ้ามันง่ายมันคงไม่มาถึงจุดนี้หรอก ขอให้สุขุมรอบคอบ แล้วก็อย่าใช้อารมณ์ อาจารย์ฝาก ไม่ว่าใครจะเป็นด้อมส้ม ด้อมแดง อะไรก็แล้วแต่ ขอฝากไว้ว่าขอให้ยึดหลักการเหตุผล คุณเชื่อแบบไหนคุณก็เอาแบบนั้นแหละ แต่อย่าเอาว่าอารมณ์รักหรือโกรธ เพราะมันจะทำให้ความรู้ความเข้าใจถูกเบลอไป ฝากไว้แค่นี้ค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #พรรคภูมิใจไทย #ยุบสภา