“หมอชลน่าน”
จัด“โครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ ปัตตานี”
จัดคลินิกคัดกรองมะเร็ง-ทันตกรรม-ตรวจความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็ก
ช่วยเข้าถึงการผ่าตัดแก้ไขปัญหา
วันนี้
(21 เมษายน 2567) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ
จังหวัดปัตตานี ที่ โรงเรียนสายบุรี “แจ้งประชาคาร” และ โรงเรียนเทศบาล 6 บ้านบางตาหยาด ออกหน่วยแพทย์เฉพาะทาง รวม 21 คลินิก
ดูแลประชาชนชาวสายบุรีกว่า 2,000 คน
เน้นดูแลปัญหาสุขภาพตามบริบทพื้นที่ อาทิ
คลินิกคัดกรองความผิดปกติของใบหน้าและมือในเด็ก
เพื่อส่งเข้ากระบวนการแก้ไขปัญหาและรับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยมี
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางพาตีเมาะ สะดียามู
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่อสม.ในพื้นที่ร่วมพิธี
และกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรมพาหมอไปหาประชาชนฯ
เป็นประจำในวันหยุดทุกสัปดาห์
เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาด้านการแพทย์เฉพาะทางให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกหน่วยแพทย์ไปแล้ว 41ครั้ง
มีประชาชนเข้าถึงบริการแล้วกว่า 159,000 ราย
ได้เข้ารับหัตถการเฉพาะทาง 2,433 ราย
และหัตถการเฉพาะทางคัดกรองมะเร็ง ถึง 8,340 ราย
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า
ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นปัญหาสุขภาพของเด็กที่พบในจังหวัดปัตตานีจำนวนมาก
สาเหตุจากการตั้งครรภ์หลายครั้งทำให้โฟลิคในร่างกายต่ำ โดยในปี 2565-2566 มีผู้ป่วยเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ประมาณ
40 ราย/ปี
ในวันนี้จึงมีการจัดคลินิกคัดกรองความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็กขึ้นเป็นครั้งแรก
เพื่อค้นหาเด็กที่มีความผิดปกติ อาทิ ปากแหว่งเพดานโหว่
นำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาและผ่าตัดศัลยกรรมที่โรงพยาบาลปัตตานี
ซึ่งกระบวนการดูแลรักษาเดิมจะเป็นการติดตามต่อเนื่องตั้งแต่หลังคลอดและแก้ไขปัญหาให้ตั้งแต่เด็กอายุยังน้อย
ๆ เพื่อป้องกันการปฏิเสธการรักษา โดยทำการผ่าตัดใส่เพดานเทียม (Obturator) ซึ่งทำได้ทันทีหลังคลอด เด็กจะสามารถดูดนมและเจริญเติบโตได้ตามวัย
ส่วนเด็กที่คลอดในโรงพยาบาลชุมชนและพบความผิดปกติ
จะประสานกับทันตแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร (Maxillofacial) และแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic and Reconstructive
Surgery) ของโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อทำงานร่วมกัน
ซึ่งหลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และมีคุณภาพชีวิตดีที่ขึ้น นพ.ชลน่าน
กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงสาธารณสุข