อ.ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
รังสีอำมหิตจากพฤษภา53 ถึง พฤษภา65
[เปลี่ยนจากการล้อมฆ่า ยิงนกในกรง มาเป็นรุกไล่ จับนกเข้ากรง]
สวัสดีค่ะ
กำลังจะย่างก้าวเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ดิฉันจึงมีทัศนะต่อเหตุการณ์ในอดีต เพราะนี่ยังเป็นช่วงเวลาของการรำลึก
12 ปี ของการปราบปรามประชาชนในปี 2553 ดังนั้น
ดิฉันอยากจะแสดงความคิดเห็นเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ในชื่อประเด็นก็คือ
รังสีอำมหิต จากพฤษภา53 ถึง พฤษภา65
[จากการล้อมฆ่ายิงนกในกรง มาเป็นรุกไล่จับนกเข้ากรงอย่างไม่รู้จบ]
หมายความว่า
12 ปีที่ผ่านมา เรื่องราวและแก่นแท้ของปัญหายังอยู่เหมือนเดิม ในทัศนะของดิฉัน
เครือข่ายของกลุ่มจารีตและอำนาจนิยมเข้มแข็งขึ้น
ด้วยบทเรียนของการใช้พละกำลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำรัฐประหาร
การปราบปรามด้วยอาวุธ และการใช้กฎหมายในการจับกุมคุมขังประชาชนหรือกลุ่มแกนนำที่ท้าทายจารีตนิยม
อำนาจนิยม ก็เปลี่ยนจากรุมยิงนกในกรง ก็มาเป็นล้อมจับ ไล่ล่า เอานกเข้ากรง
อย่างที่ไม่นำพาเลยว่ามันเป็นวิธีการที่น่ารังเกียจที่สุด ในทัศนะของดิฉัน
จะเรียกว่าสกปรกก็ได้ แต่เราก็เข้าใจนะว่า สำหรับกลุ่มที่เป็นพวกจารีตนิยม อำนาจนิยม
วิธีการไม่สำคัญเท่าเป้าหมาย เมื่อเป้าหมายคือการปราบปราม จัดการ
วิธีการแบบไหนก็ได้ ไม่ใช้วิธีการของเทพ ไม่ใช้วิธีการของคน
ใช้วิธีการของมารทุกรูปแบบ จะเป็นการกล่าวเท็จ เป็นปฏิบัติการ IO
เพื่อสร้างความเกลียดชังให้กับฝ่ายที่เห็นต่าง หรือการตั้งข้อหาที่มันไม่ถูกต้อง
มันใช้ไม่ได้ในการจับกุมคุมขังและลงโทษประชาชนแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ดิฉันขอย้อนไปนิดหนึ่งเมื่อเราพูดถึงปี
2553 อย่างไรก็ตาม ดิฉันก็ยังจำเป็นต้องอ้างหนังสือเสนาธิปัตย์ ฉบับนี้
เพราะมันเป็นงานเขียนที่เป็นทางการและคลาสสิคที่สุด แม้จะมีบางคนไม่ยอมรับและอ้างว่าเป็นการเขียนของบางคน
แต่นี่ก็คือเสนาธิปัตย์ซึ่งเป็นหนังสือที่อยู่มากับกองทัพบกมายาวนานมาก
และก็เป็นหน่วยงานที่เรียกว่าเป็นทางการ เพราะฉะนั้นเขาใช้ชื่อในบทที่ 7 ก็คือ
บทเรียนยุทธการกระชับวงล้อม และมีอีกอันหนึ่งก็คือบทที่ 9 ก็คือ บทเรียนการปฏิบัติการข่าวสาร
(IO) ซึ่งภายหลังทางกรมยุทธศึกษาได้มีการแก้ไข ทำให้บทที่ 9 หายไป
อ้างถึง
: วารสารเสนาธิปัตย์ ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม 2553
ของกรมยุทธศึกษา กองทัพบก [ลิ้งค์ https://online.fliphtml5.com/hubo/wqrz/#p=76]
ในปี
2553 หลังจากการปราบในวันที่ 10 เมษายน หลังจากนั้นดูเหมือนเงียบเชียบ
แล้วก็มีการพบปะระหว่างแกนนำนปช. โดยคุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ กับฝั่งของรัฐบาล
มีการคุยไปคุยมาอยู่หลายรอบ ซึ่งดิฉันคิดว่าความจริงมันคือเกมในการยื้อเวลา
นี่คือข้อสรุปของดิฉันในวันนี้เมื่อผ่าน 12 ปี การเจรจานั้นเป็นเกมที่ยื้อเวลา
เพราะในเสนาธิปัตย์บอกชัดเจนเลยว่า รัฐบาลได้เอ่ยเลยว่า
ไม่ต้องการยุติการชุมนุมด้วยการเจรจา มาอ่านดูได้นะคะ
เพราะว่าถ้าดิฉันอ่านก็เกรงว่าจะเสียเวลามากเกินไป ไม่ต้องการยุติด้วยการเจรจา
แต่ต้องการยุติด้วยการปราบปราม!
ดังนั้นการยื้อเวลาในช่วงเวลานั้นคืออะไร?
ก็คือเตรียมพร้อมทางการทหาร
เปลี่ยนจากการที่เรียกว่าปราบปรามจลาจลมาเป็นการรบในเมือง
ปล่อยข่าวว่าฝ่ายนปช.มีกองกำลังอาวุธเป็นชายชุดดำไม่ต่ำกว่า 500 คน ข่าวนี้เป็นข่าวที่ปล่อยไปทั่ว
และหัวหน้าใหญ่ก็คือเสธ.แดง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เสธ.แดง
ต้องถูกจัดการถูกฆ่าในวันที่ 13พฤษภา
เพราะเขาอ้างว่าเสธ.แดงก็คือหัวหน้าใหญ่ฝ่ายการทหาร
และคุณวีระกานต์ก็เป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายการเมือง
จัดการหัวหน้าใหญ่ฝ่ายการทหารด้วยการเด็ดหัว ซึ่งเสธ.แดงไม่เคยเชื่อว่าตัวเองจะถูกฆ่า
เพราะความเป็นนายพลกองทัพไทย ในหัวใจยังมีเต็มเหนี่ยว คืออาจจะไม่พึงพอใจบางส่วน
แต่ความเป็นนายพลกองทัพไทยยังมีเต็มที่ และไม่เคยเชื่อว่าตนเองนั้นจะถูกฆ่าแบบนี้
เพราะไม่คิดว่าความอำมหิตมันจะมากขนาดนี้
ดังนั้น
ในช่วงเวลาหลังจาก 10เมษา จึงดูเหมือนว่าเงียบมาก จนเข้าสู่พฤษภา
แล้วก็มีการคุยกันดังที่เราพูด แต่ว่านั่นไม่ใช่ความจริง นั่นคือเกมยื้อเวลา
แล้วเขาก็เปลี่ยนยุทธการใหม่เป็นยุทธการกระชับวงล้อม ในตอน 10เมษา
ใช้คำว่าขอคืนพื้นที่ ตอนนี้ก็ใช้คำว่ากระชับวงล้อม แต่เราเรียกว่าเป็นยุทธการรุมยิงนกในกรง
ซึ่งท่านจะสามารถติดตามได้จากทางยูทูปก็ได้ [ยุทธการ “ยิงนกในกรง” พฤษภา 53
ลิ้งค์ https://www.youtube.com/watch?v=kMx3M80-CJ4&t=95s]
ทางดิฉันเองและยูดีดีนิวส์ก็จะเอามาให้ดูกันอีกที
สคริปอันนั้นเราเขียนตามบทของเสนาธิปัตย์เลยนะ ว่าเขาดำเนินงานยังไง
และจนกระทั่งนำไปสู่การฆ่าอย่างไร เพราะในนี้แผนยุทธการเขาดีเดย์ 03.30 น.
นี่ตอนจบ ของวันที่ 19 พฤษภาคม ในนี้ได้อธิบายหมดว่าใช้กองกำลังมากน้อยแค่ไหน
ดิฉันก็ไม่อยากจะอ่านชื่อ
เป็นการปฏิบัติการร่วม
3 เหล่าทัพ คือ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
โดยกำลังหลักที่ใช้ปฏิบัติการเป็นกำลังของกองทัพบก จำนวน 3 กองพล
กองพลที่
1 รักษาพระองค์ (พล.ร.1รอ.) วางกำลังพื้นที่ดินแพง พญาไท ราชปรารภ ร.31 รอ.
เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมปฏิบัติการพิเศษ
กองพลที่
2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ดูแลพื้นที่ถนนวิทยุ บ่อนไก่ ศาลาแดง ลุมพินี สามย่าน
กองพลทหารราบที่
9 (พล.ร.9) มีหน้าที่ดูแลพื้นที่อโศก เพลินจิต ชิดลม
นอกจากนี้ยังมีกองกำลังพร้อมสนับสนุน
กำลังของหน่วยอากาศโยธินของกองทัพอากาศ ของกองทัพเรือ
ดังนั้นเวลามีการไต่สวนการตาย
ถามว่ารู้ไหมว่าหน่วยไหน? รู้!
รู้หมดว่าหน่วยไหนที่มีการใช้กระสุนจริงยิงประชาชนที่ไม่มีอาวุธในการต่อสู้
เพราะว่ามันมีการเปิดเผย
ฝ่ายกองทัพถือว่าเป็นความสำเร็จที่ผู้เขียนบอกว่าควรจะเป็นบทเรียนของโลกที่สามารถเอาชนะการรบในเมือง
ดิฉันขำและน่าสมเพชมาก คุณบอกควรจะเป็นบทเรียนที่น่าชื่นชม ซึ่งดิฉันก็เห็นด้วยว่ามีท่านนายพลที่คิดแตกต่างจากท่าน
(พล.อ.อดุล อุบล) จากกลุ่มคนเหล่านี้ มันเป็นเรื่องน่าอัปยศอดสู
ก็คือเราเหมือนนกที่ถูกล้อมอยู่ในกรงแล้วก็ยังรุมยิงอีก นกไม่มีอาวุธ
ไม่มีหรอกกองกำลังชายชุดดำกี่ร้อยคนกี่พันคน ไม่มีอาวุธ การต่อสู้มีแต่หนังสติ๊ก
มีแต่ค่ายไม้ไผ่เหมือนกับบางระจันในยุคอยุธยาประมาณนั้น
พอเขาเอารถเกราะมาก็เรียกว่าราบลงหมดเลย
ยางรถยนต์ก็สุมควันเพื่อไม่ให้ถูกยิงง่ายก็เท่านั้นเอง
ดิฉันคิดว่า
อย่างไรก็ตามจากข้อสรุปที่อวดอ้างความสำเร็จนี้มันคือความอัปยศอดสูที่สุดของกองทัพไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
6ตุลา19 ใช้กำลังตำรวจ แต่ว่าเมษาพฤษภา53 ใช้กองกำลังเต็มอัตราศึก เฉพาะกองทัพบก 3
กองพล กองกำลังทั้งหมดกว่า 6 หมื่นนาย แล้วใช้อาวุธสไนเปอร์ ใช้เขตกระสุนจริง
และบางที่ไม่ต้องบอกว่าเป็นเขตกระสุนจริง ยิงมันเลย ตั้งแต่ 10เมษา เป็นต้นมา
นี่คือความอำมหิตที่เป็นรูปธรรม!
และหลังจากนั้น
ในวันที่ 19 นั้น เขาใช้เวลาตั้งแต่ตี 3 กว่า
และดังที่ดิฉันได้บอกว่าการเจรจานั้นมันคือเกม
เมื่อครั้งสุดท้ายวุฒิสมาชิกพยายามที่จะไปช่วยกันเจรจา
ฝั่งของนปช.ก็ยินดีจะปฏิบัติตามทุกอย่าง ในคืนวันที่ 18
ดิฉันไม่อยู่เพราะดิฉันออกมาทำธุระข้างนอก โดยปกติอยู่ แต่ว่าดิฉันได้มีส่วนในการติดต่อกับท่านวุฒิสมาชิกมาเป็นระยะ
จนกระทั่งได้ยินคำพูดว่ามันสายไปเสียแล้ว ซึ่งในทัศนะดิฉันรับไม่ได้
มันไม่มีคำว่าสายที่จะสั่งฆ่าใคร
แม้กระทั่งนักโทษประหารชีวิตในสมัยโบราณก็ยังยุติได้ อันนี้นี่อยู่ดี ๆ ก็คือเตรียมการไว้ทั้งหมด
ดังนั้นทั้งหมดคือแผนที่วางไว้แล้ว
ใช้การเจรจาเป็นตัวถ่วงเวลาในการตระเตรียมเพื่อสร้างกรงแล้วก็รุมยิงนกในกรง
แล้วแกนนำในช่วงเวลานั้น จำนวนหนึ่งก็เตรียมหลบหนีออกจากพื้นที่ไป
ส่วนหนึ่งที่อยู่ก็มอบตัวในเวลา 13.30 น. (และถูกคุมขังไม่ได้ประกันตัวอยู่ 9
เดือน)
อย่างไรก็ตาม
จากวันนั้นถึงวันนี้มันก็มีความเหมือนและไม่เหมือน แกนนำก็เปลี่ยน
จากการที่เป็นคนต่อต้านการล้อมปราบ ต่อต้านการถูกไล่ล่า
ก็เปลี่ยนไปอยู่อีกข้างหนึ่งเฉยเลย ดังที่เราทุกคนทราบดี
ดิฉันไม่อยากจะใช้คำพูดไปซ้ำเติมให้มีความเกลียดชัง เพราะว่ามันสุด ๆ
แล้วสำหรับคนที่ถูกกระทำแบบนี้ แล้วก็เป็นแกนนำ
แล้วก็แปรเปลี่ยนจากคนที่นำคนที่ถูกฆ่าไปร่วมมือกับคนฆ่า คนที่กระทำการกับประชาชน
นั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะไปร่วมกับผู้ที่สนับสนุนการปราบปราม
อย่าลืมว่าสังคมไทยมันแตกร้าวอย่างรุนแรงด้วยการแบ่งข้างเป็นฝั่งสนับสนุนจารีตนิยม
อำนาจนิยม กับฝั่งที่สนับสนุนประชาธิปไตยและเสรีนิยม ทุกวันนี้ก็ยังดำรงอยู่
รังสีอำมหิตจากฝั่งที่สนับสนุนจารีตเมื่อ 12 ปีที่แล้ว นอกจากทหาร พลเรือน
ก็ยังดำรงอยู่ ซึ่งตอนนี้ถ้าคุณไปดูไม่ว่าจะเป็นสื่อซึ่งยังสนับสนุนฝ่ายจารีตนิยม
อำนาจนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยบางท่านที่พูดถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประมาณบาป 61
ประการ อะไรประมาณนั้น หรือคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วก็รวมทั้งคนจำนวนมาก
คือมีทั้งประเด็นของพรรคการเมืองที่ถูกปราบ แล้วก็มีประเด็นของประชาชนที่ถูกปราบ
มันก็เป็น 2 ขาจริง แต่ว่ามันก็มีความแตกต่างกัน
ส่วนของพรรคการเมืองก็มีเรื่องราวของพรรคการเมือง
การกล่าวหาก็มีการกล่าวหาซึ่งเป็นการกล่าวหาที่โกหกมดเท็จ
ส่วนการกล่าวหาที่เป็นจริงนั้น มันไม่มีปัญหาอะไร
และในส่วนของประชาชนก็เป็นการกล่าวหาที่โกหกมดเท็จด้วยเช่นกัน
มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน และนำไปสู่การตายของประชาชน และสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่
มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว
เพราะฉะนั้น
เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งการรำลึก
ถ้ามีเวลาดิฉันจะพูดในวันหลังเกี่ยวกับเรื่องพฤษภา35
มันก็มีความเหมือนและแตกต่างอยู่ด้วยเหมือนกัน ผู้ที่ร่วมอยู่ในพฤษภา35
หรือที่จะจัดงานรำลึก ก็กลายเป็นว่าจำนวนมาก ดิฉันใช้คำว่าจำนวนมากนะ
ก็เป็นผู้สนับสนุนจารีตนิยม อำนาจนิยม ดังนั้นคุณก็จะเห็นพวงหรีดของฝั่งรัฐทั้งใน
14ตุลา16 และพฤษภา35 จะไม่มีใน 6ตุลา19 และเมษาพฤษภา53 ไม่มี! เพราะความอาฆาตพยาบาท
แต่รังสีอำมหิต และต้องการกวาดล้างยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบันก็คือการจัดการกับประชาชนคนรุ่นใหม่ที่เป็นเยาวชน
ดิฉันรู้สึกขมขื่นมาก สิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันต้องขอขอบคุณคณะคนส.
คณะคณาจารย์ที่นำโดย รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์
มีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เช่น
รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง แล้วก็ รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร ม.ธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ชลิตา
บัณฑุวงศ์ ม.เกษตรศาสตร์ แล้วก็คนอื่น ๆ รวมทั้งกลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย (รวมทั้งคณะประชาชนและคณาจารย์อื่น
ๆ กระทั่งสื่อฝ่ายประชาชน) และประชาชน
ที่ไปทำกิจกรรมแล้วก็ไปสนับสนุนช่วยดูแลผู้ที่ถูกคุมขัง
ดิฉันขมขื่นที่รังสีอำมหิตตอนนี้
ก็คือไล่ล่าจับนกเล็ก ๆ เข้ากรง เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตะวัน ไม่ว่าจะเป็นใบปอ, บุ้ง,
เมนู, ปฏิมา ปฏิมานั้นไปโดนข้อหาอาวุธด้วยทั้ง ๆ ที่ผู้ชายที่เป็นเพื่อนนั้นถูกปล่อยตัว
แต่เด็กผู้หญิงเหล่านี้ถูกจับ คุณจับเขา แล้วคุณใส่ EM แล้วคุณไม่ปล่อยเขา
คุณทำเพื่ออะไร? นี่ก็คือการประจาน (พวกคุณเอง) ในทัศนะดิฉันนะ
มันไม่น่าภาคภูมิใจเลย เหมือนกับตอนที่คุณปราบปี 2553 คุณคิดว่าคุณชนะหรือ?
นั่นคือความอัปยศอดสูที่คนไทย ทหารไทย (และเครือขายจารีต) กระทำต่อประชาชนคนไทยที่ไม่มีอาวุธ
มันยิ่งกว่าสงคราม เพราะว่าเขาไม่ทำกับเชลย ไม่ทำกับผู้ไม่มีอาวุธ เขาไม่ทำกัน
ตอนนี้ก็เหมือนกัน ในทัศนะดิฉันนะ มันเป็นความอัปยศอดสูที่กระทำต่อเด็ก ๆ แน่นอน เขาใช้ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีไม่เหมือน
ก็คือเขาเป็นแฟลชม็อบ เขาไปคนสองคน และบางครั้งเพียงแต่ไปทำโพล ทำโพลผิดตรงไหน?
แล้วทำไมทำโพล มีซุปเปอร์โพล มีนิด้าโพล มีโพลสวนดุสิตได้ แล้วเด็ก ๆ
เขาทำโพลไม่ได้หรือไง? มันผิดตรงไหน? หรือการล้อเลียนบางอย่าง แล้วก็ใช้คำพูดที่ล้อเลียน
ติดคุก 6 ปี แต่ว่าอาชญากรคนอื่น ๆ หรือที่ทำผิดแม้จะโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้คนตาย
ดิฉันก็ไม่อยากจะเปรียบเทียบแล้ว แต่ว่ามันเกิดความสงสัยในหมู่ประชาชนว่าสังคมไทย
ความอำมหิตต่อคนที่มีความคิดแตกต่างมันยังดำรงอยู่
เพียงแต่เปลี่ยนจากการรุมยิงนกในกรง มาเป็นไล่จับนกเข้ากรง แล้วขัง
แล้วคุณคิดว่ามันเป็นสวนสัตว์เหรอ? คุณจะทำกรงขังขนาดไหน แล้วคุณก็จับนก จับเด็ก ๆ
จับเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย หรือว่าคนอย่างเอกชัย ซึ่งเขาก็เป็นคนแบบนั้น
คนที่มีวิถีชีวิตแบบเอกชัยในสังคมไทยมีเยอะแยะ
เพียงแต่เอกชัยเขามีความคิดในการต่อต้านจารีตนิยม อำนาจนิยมด้วย
แล้วมันก็กลายเป็นความผิด ดังนี้เป็นต้น ดิฉันก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวิถีชีวิตเช่นนั้น
แต่ว่าเข้าใจว่ามนุษย์นั้นมีความแตกต่างกัน ดิฉันถามว่ามันมีเกียรติยศตรงไหนที่จับคนเหล่านี้
เด็ก ๆ เล็ก ๆ คุณจะทำกรงขังนกขนาดใหญ่แค่ไหนในประเทศไทย แล้วก็ขังเด็กที่อายุน้อยลงทุกวัน
ๆ
ดิฉันคิดว่าสิ่งซึ่งประชาชนไทยในพ.ศ.นี้
ควรจะเข้าใจและตื่นขึ้นมาก็คือ ขณะนี้มันเกินไปแล้ว คุณเคยอยู่เฉย ๆ
ตอนคนเสื้อแดงถูกฆ่า คุณยังออกมาล้างลานเซ็นทรัลเวิลด์ได้
คุณยังหัวเราะเยาะเย้ยได้ ดิฉันอยากจะถามหัวใจประชาชนไทยตอนนี้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรที่เด็กเล็ก
ๆ เหล่านี้มาถูกจับกุมคุมขัง ถ้าเราคิดในครอบครัว
คนที่เป็นพ่อแม่เวลาลูกเล็กเด็กเล็กมีความคิดแตกต่างหรือเขาแสดงออกซึ่งแตกต่างจากเรา
แน่นอนคุณอาจจะเป็นแนวคิดจารีตและอำนาจนิยม แต่ถ้าในครอบครัวคุณ
คุณอาจจะมีความรักต่อกัน คุณก็ยังต้องอดทนต่อความแตกต่าง
ดิฉันขอความรักในฐานะประชาชนไทย
ซึ่งดิฉันรู้ว่าไม่มีให้หรอก มีแต่ความโหดเหี้ยมที่กระทำต่อเด็ก
เยาวชนและคนที่เห็นต่าง แกนนำนปช.ส่วนหนึ่งแปรเปลี่ยนไปสนับสนุน
(ฝั่งสืบทอดอำนาจผู้ปราบปรามประชาชน) แต่ว่าวิบากกรรมก็ยังดำรงอยู่
(อดีตแกนนำนปช.) ยังจะมีเข้าคุกกันอีกมากมาย ถูกจับกุมคุมขัง
ถูกคดีแพ่งโดยที่ไม่รู้เรื่องเลย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการเผา
แกนนำต้องจ่ายในเมื่อศาลตัดสินไปแล้ว อันนี้คือวิบากกรรมที่เราต้องรับ
แต่ดิฉันคิดว่าสังคมไทยไม่ควรจะให้วิบากกรรมอันนี้อยู่ไปอีกยาว เวลาเป็นของเยาวชน
เวลาเป็นเรื่องของความก้าวหน้า คุณจะหยุดยั้ง
คุณคิดว่าคุณเป็นหนุมานไปหยุดพระอาทิตย์เหรอ? เหมือนเด็ก “ตะวัน” เขาก็จะต้องเกิด
มีตะวันหนึ่งแล้วก็มีตะวันสอง มีรุ้งหนึ่ง ก็มีรุ้งสอง คุณจัดการกับเพนกวิน
จัดการกับรุ้ง มันก็มีคนต่อ ๆ ไป
เหมือนแกนนำนปช.
ที่ยังมีประโยชน์ และที่ไร้ประโยชน์ และเป็นโทษกับประชาชน
มันก็เกิดแกนนำประชาชนใหม่ หรือคุณจัดการพรรคการเมือง มันก็มีพรรคการเมืองใหม่
นี่คือสัจธรรม ซึ่งเครือข่ายจารีตนิยม อำนาจนิยม ไม่รู้ ไม่ศึกษา ไม่สนใจ
คิดว่ายังมีอำนาจอยู่จะทำอะไรก็ได้ ดิฉันคิดว่าอันนี้เป็นเรื่องที่น่าอดสูนะคะ
ไม่ใช่เป็นเรื่องท้าทายนะ นี่เป็นเรื่องจริงว่า
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นมันต้องเกิดขึ้น
แต่เพื่อที่จะให้การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับสังคมไทย
มันก็ต้องเป็นการเปลี่ยนไปด้วยกัน
แต่ว่าถ้าความต้องการความเปลี่ยนแปลงมีอยู่ฟากเดียวคือฟากที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
อีกฟากหนึ่งไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ปรับอะไรเลย
แล้วใช้ความโหดเหี้ยมอำมหิตมากขึ้นทุกวัน สังคมไทยจะเป็นอย่างไร?
มันไม่มีทางหยุดได้หรอกค่ะ คุณไม่ใช่หนุมาน
และนี่ไม่ใช่พระอาทิตย์ในเรื่องรามเกียรติ์ แต่เป็นของจริง นั่นก็คือ
วันเวลาจะทำลายสิ่งที่ไม่มีการปรับตัวค่ะ
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์