อ.ธิดาขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจ / ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเรือนจำเพราะนี่เป็นเวทีต่อสู้ที่ลงทุนด้วยอิสรภาพ เสรีภาพ
และสุขภาพ / ขณะนี้ยังไม่สามารถเยี่ยมได้ แต่เขียนจดหมายส่งได้
ยูดีดีนิวส์
: 30 มิ.ย. 63 วันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
มาพบกับท่านผู้ชมในการทำเฟสบุ๊คไลฟ์ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เพื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับทุกท่านได้ทราบข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพความเป็นอยู่ของแกนนำและความเป็นไปได้ในการให้กำลังใจกัน
อ.ธิดากล่าวว่า
วันนี้มาเล่าข่าวให้พี่น้องประชาชนที่ไม่ได้มีโอกาสมาเยี่ยม ซึ่งจริง ๆ
ขณะนี้ยังเยี่ยมไม่ได้ แต่ได้มีการประสานกับทนายความเกี่ยวกับเรื่องคดีที่ยังเหลืออยู่เพื่อรับทราบข่าวโดยตรง
โดยวันที่ 15 – 16 – 17 และ 31 ก.ค. จะมีคดีการชุมนุมปี 52 ซึ่งแกนนำทั้ง 4 ท่าน จะต้องไปที่ศาลอาญา
รัชดาภิเษก ดังนั้นผู้ใดอยากจะไปให้กำลังใจและมีโอกาสได้พบตัวเป็น ๆ
ก็สามารถไปพบได้ในวันดังกล่าว
สิ่งที่อ.ธิดาได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่เรือนจำก็คือ
ขณะนี้ยังเข้าเยี่ยมสนทนากันไม่ได้เพราะอยู่ในสถานการณ์โควิด แต่สามารถเขียนจดหมายส่งกำลังใจให้กันได้โดยมีเงื่อนไขของจดหมายคือ
-
มีความยาวไม่เกิน 15 บรรทัด (หน้ากระดาษ A4)
-
ใช้ถ้อยคำที่สุภาพ
-
ไม่รุนแรง
-
ไม่หยาบคาย
-
ไม่ขัดต่อศีลธรรม
อ.ธิดากล่าวว่า
พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องไปด่าใครใส่ในจดหมายเพราะอาจจะไปไม่ถึงมือ
แต่คงไม่ต้องหวานหยดย้อย โดยจ่าหน้าซองถึง
ชื่อ
– นามสกุล (แกนนำที่ต้องการส่งถึง) แดน 2
เลขที่
33 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
แขวงลาดยาว
เขตจตุจักร
กรุงเทพฯ
10900
แต่เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน
ก็สามารถใส่ชื่อทั้งหมดเลยก็ได้ คือ
นายวีระกานต์
มุสิกพงศ์ – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ – นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท – นพ.เหวง โตจิราการ
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
นี่เป็นการเยี่ยมเยียนแบบหนึ่งโดยการเขียนจดหมายติดแสตมป์ส่งทางไปรษณีย์
ส่วนการเยี่ยมอีกแบบหนึ่งคือมีการนัดหมายของหลายคนที่จะมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เกือบทุกวันจะมีการทำกิจกรรมนั่งเขียนจดหมาย แล้วถ่ายรูปร่วมกัน
เหมือนกับสมุดเยี่ยม แล้วจดหมายที่เขียนทั้งหมดนี้ก็จะไปหย่อนที่ตู้ไปรษณีย์ภายในเรือนจำ
โดยไม่ต้องติดแสตมป์ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบจดหมายตามเงื่อนไขก่อน เพียง 1 วัน
แกนนำก็จะได้รับจดหมายนั้น ๆ นับว่ารวดเร็วมาก
อ.ธิดากล่าวว่าเป็นการดีที่จะได้พบปะระหว่างทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
อ.ธิดากล่าวต่อว่า
ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่พบว่าในโซเชียลมีเดียมีการให้กำลังใจแกนนำทั้ง
4 ท่านที่ถูกตัดสินคดี ดิฉันต้องขอขอบพระคุณทุกท่านเลย หลายคนก็มีความเจ็บแค้น
เสียใจ แต่ดิฉันก็อยากจะเรียนว่ามันก็คือวิถีของการต่อสู้ เขาเข้าไปอยู่ในเรือนจำ
ถ้าจิตใจเขายังต่อสู้ นั่นก็เป็นเวทีการต่อสู้อีกเวทีหนึ่งซึ่งลงทุนด้วยอิสรภาพ
เสรีภาพ และสุขภาพ
ดิฉันได้ฝากผ่านทนายบอกไปถึงทั้ง
4 ท่านว่า ขอให้ทุกคนปฏิบัติตัวให้แข็งแรง ให้สุขภาพดี
เราอยากเห็นเขาออกมาด้วยสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี แข็งแรง เพราะฝั่งที่อยากจะกำจัดพวกเราคงอยากเห็นพวกเราที่ถูกลงโทษในเรือนจำให้เจ็บป่วยตายคาคุกไปหรืออย่างไร?
ดังนั้นมันก็เป็นเวทีการต่อสู้
ทุกคนต้องเข้มแข็ง อย่างตัวดิฉันเองก็อายุมากแล้ว แต่พวกเราทุกคนก็ต้องเข้มแข็ง
เพราะว่าทั้งเขาที่อยู่ในเรือนจำและเราที่อยู่นอกเรือนจำก็เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน
แต่กำลังใจที่อยู่กว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดในทัศนะของอ.ธิดาก็คือว่า
พี่น้องเรายังมีจิตใจต่อสู้ ยังมีความเหนียวแน่นในเรื่องอุดมการณ์
ยังปรารถนาที่จะเดินอยู่ในเส้นทางต่อสู้ที่จะให้ประเทศนี้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ไม่ใช่ปลอม ๆ อย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้
ดิฉันเคยพูดว่าความยุติธรรมไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์
ไม่ใช่ว่า
ถ้าหากว่าทั้งความคิด ทั้งกฎหมาย เขียนมาให้คนเท่ากันทุกคน
เช่นนั้นความยุติธรรมก็จะเป็นความยุติธรรมของคนที่เท่ากันทุกคน
และนั่นก็คือต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
แต่ตราบเท่าที่การเมืองการปกครองไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ตรงข้าม...คนที่เรียกร้องแบบนี้กลายเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการเมืองที่เป็นอยู่
ดังนั้นชะตากรรมต่าง
ๆ ก็ต้องเกิดขึ้น
คุณจะมาเรียกร้องความยุติธรรมกับระบอบที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน
มันเป็นไปไม่ได้!!!
เราเข้าใจว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้เอง!!!
นี่คือวิถีของการต่อสู้
ไม่ว่าจะอยู่ในเรือนจำ อยู่นอกเรือนจำ ก็ต้องเป็นเช่นนี้ นั่นก็คือ
เส้นทางการต่อสู้ของประชาชนนั้นยังดำเนินและยาวไกล
ถ้าเราท้อถอยว่าทำไมมันไม่มีความยุติธรรม ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นสังคมที่คนเท่าเทียมกันดังที่ดิฉันพูดแล้ว
เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้ ทุกที่ก็คือสถานที่ เวทีการต่อสู้ จะอยู่ในคุก นอกคุก ก็ตาม
ดิฉันก็อยากจะเรียนว่ากำลังใจของคนในเรือนจำกับคนนอกเรือนจำก็คือ
คนในเรือนจำยังแข็งแรง ยังมีจิตใจต่อสู้ คนนอกเรือนจำก็ไม่ใช่ว่ามีเสรีภาพเต็มที่
ใครไปทำอะไรก็ได้ยินว่ามีหมายเรียกเป็นแถว แต่ที่สำคัญก็คือ การต่อสู้ต้องไม่ลดละ
เหมือนที่มีคนกล่าวเอาไว้ว่า
ถ้าวิ่งไม่ได้
เราก็จะเดิน
ถ้าเดินไม่ได้
เราก็จะคลาน
ถ้าคลานไม่ได้
พูดตรง ๆ ก็จะต้องกระเสือกกระสน
คือทุกอย่างต้องทำเพื่อเดินไปข้างหน้าและไม่หยุดยั้ง
เราก็สามารถส่งเสียงได้
ถ้าใครคิดถึงพี่น้องแกนนำในเรือนจำ
ก็มีหลายคนไม่ใช่เฉพาะ 4 คนนี้นะคะ ยังมีคุณพายัพ ปั้นเกตุ, คุณพงศ์พิเชษฐ์
สุขจินดาทอง ดูเหมือนจ่าประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ก็อยู่ที่นี่ด้วย
อย่างน้อยระบุชื่อที่พวกเราจำได้ไปก่อน ก็เขียนจดหมายมาได้ เราอาจจะจัดกิจกรรมนั่งเขียนจดหมาย
ถ่ายรูป แล้วเอาไปลงเพื่อให้รู้ว่า เรายังอยู่
คนเสื้อแดง
และ นปช. ยังอยู่!!!
อยู่เพื่อสู้และเดินหน้าต่อไปค่ะ
อ.ธิดากล่าว