“เศรษฐา” น้อมรับคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจากตำแหน่ง แต่เสียใจเรื่องขัดจริยธรรมร้ายแรง ตัดพ้ออยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้วเพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว ไม่การันตีดิจิทัลวอเล็ตได้ไปต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯคนต่อไป ไม่ขอฝากอะไรถึง “ทักษิณ”
วันนี้ (14 ส.ค. 67) เมื่อเวลา 15.53 น. นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงเปิดใจว่า คำพิพากษาออกมาแล้วนะครับ ผมต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้โอกาสทุกฝ่ายได้ชี้แจงมีการหยิบยกนำมาพูดกันในวงกว้าง และเป็นธรรม ผมเคารพในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งมาพยายามทำทุกอย่างถูกต้องมีความตั้งใจจริง ยึดมั่นอุดมการณ์ในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ยืนยันไม่ได้ทำตัวขัดแย้งกับทุกคน เคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการสู้คดีผิดพลาดอย่างไรคดีถึงพลิกออกมาในลักษณะนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ฟังฟังตอนจบเพียงอย่างเดียว เมื่อสักครู่นี้ประชุมอยู่
ผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามีการคาดคิดไว้ล่วงหน้าหรือไม่เพราะที่ผ่านมาก็ยังทำงานตามปกติและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า " เปล่าครับอย่างที่ผมยืนยันที่ผมทำคำแถลงปิดคดี เมื่อ2อาทิตย์ที่ผ่านมา ผลออกได้ทั้งซ้ายและขวาออกได้ทั้ง 2 ทาง เรามีหน้าที่เราก็ทำต่อไป ผมมีหน้าที่ต้องวางแผนระยะยาว และระยะสั้นจะต้องเดินทางไปไหน ไม่ได้บ่งบอกว่าก้าวล่วงหรือคาดเดาว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไร"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในคำวินิจฉัยบอกว่านายกฯ ผิดจริยธรรมร้ายแรงเท่ากับเป็นการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า "ผมไม่ได้ดูตรงคำว่าตัดสิทธิ์หรือไม่ตัดสิทธิ์ แต่ผมเสียใจตรงที่ว่าจะถูก บอกว่าเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรมซึ่งผมก็ยืนยันตัวตนของผมไม่ใช่คนแบบคนแบบนั้น แต่ก็อย่างที่บอกเมื่อตัดสินมาแล้วท่านเป็นตุลาการมีความรู้ความสามารถตัดสินมาอย่างไรผมก็น้อมรับ "
เมื่อถามต่อว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้เดินหน้าในสิ่งที่อยากทำ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาครับ อยากมีภารกิจอีกเยอะปัญหาของประชาชนก็เยอะ อย่างที่บอกบ้านเมืองยังมีคนเก่งอีกหลายท่าน ที่มายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้
ส่วนจะฝากอะไรกับคนที่จะมาทำหน้าที่ต่อจากนายกรัฐมนตรีหรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่ต้องฝาก ทีมงานก็อยู่ตรงนี้แล้ว รัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ที่ติดภารกิจอยู่ อยู่ที่ประเทศคาซัคสถานกำลังหาไฟล์บินเดินทางกลับมาในคืนนี้ แต่ถ้าไม่ทันก็เป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ท่านอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตนมั่นใจในทีมงาน กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็ต้องผ่านรัฐสภา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีถูกวางยาหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบสวนกลับทันทีว่า "ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น และผมยืนยันว่าไม่ใช่ผลออกมาแล้ว ไม่เป็นไปตามคาดหวังจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ถูกวางยาไม่มีผมไม่เชื่ออย่างนั้น
แต่เมื่อถามว่า การแต่งตั้งนายพิชิตชื่นบานเป็นรัฐมนตรี เป็นการเป็นการตัดสินใจคนเดียวหรือไม่ นายเศรษฐา ปฏิเสธตอบ พร้อมบอกว่าเราไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ร้อยแล้วผมได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยแล้วทุกอย่างอยู่ในคำแถลงปิดคดีแล้ว ในสิ่งที่ตนอยากจะพูด ท่านตุลาการทุกท่านมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว อย่างที่ผมยืนยันผมน้อมรับคำตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเข็ดการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวกับเข็ดหรือไม่เข็ด จริงๆปัญหาบ้านเมืองมีมาก คนเราสามารถช่วยเหลือการเมืองได้ในหลายหน้าที่
สำหรับการขึ้นมาบริหารประเทศที่จะครบ 1 ปี ได้บทเรียนราคาแพงอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า "คำถามนี้มันยาก บทเรียนราคาแพงมันออกได้ทั้งเป็นบวกและลบ ผมไม่อยากมองในแง่ลบมากกว่าวันนี้ศาลตัดสินมาแล้วไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังการที่จะบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงใครวางยาหรือไม่ ตนว่าอย่าไปก้าวล่วงดีกว่า วันนี้ยอมรับคำตัดสินแล้วเดินไปข้างหน้า จะดีกว่า ให้ฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการต่อไปในการเลือกนายกรัฐมนตรี และแปลคำพิพากษาว่าตรงไหนเป็นอย่างไร "
หรือไม่ก็ถามว่านายเศรษฐายังสามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อยู่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ทราบเลยครับ เป็นเรื่องของกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยคงจะต้องไปดู
ส่วนหากกฎหมายไม่ได้ห้ามให้นายเศรษฐา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ส่วนตัวจะกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โอ้ย ขออย่าไปไกลขนาดนั้น ไปทีละสเต็ปดีกว่า
เมื่อถามว่าส่วนตัวไม่ได้ถูกหลอก ให้ไว้ใจใครหรือคนบางกลุ่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การที่ผลออกมาแบบนี้จะถูกมองว่าตนถูกหลอกให้ไว้ใจคนนั้นคนนี้ไม่ใช่หรอกเชื่อว่าทุกคนก็มีความหวังดีให้กับคนในประเทศชาติ ซึ่งอยู่ที่วิธีการจะดำเนินการอย่างไร มีแผนการจัดการบริหารประเทศอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป แต่ตนก็ขอยืนยันตรงนี้ว่า น้อมรับคำตัดสิน และย้ำว่าตลอดระยะเวลาการทำงานมา ในตึกไทยคู่ฟ้าในตำแหน่งหน้าที่นี้ ทำด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว ไม่มีข้อขัดแย้งกับใครเป็นการส่วนตัวเลย ขอให้ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของตนที่ผ่านมา
ส่วนมีความกังวลหรือไม่ว่าเมื่อ พ้นจากตำแหน่งไปแล้วผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนจะไม่สานต่อนโยบายที่เคยประกาศไว้กับประชาชน นายเศรษฐา กล่าวว่าตนตอบไม่ได้เพราะไม่ทราบว่าเป็นใคร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องให้เกียรติรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย
ส่วนข้อกังวลเรื่องนโยบายโดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต อย่างที่ตนบอกว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่น มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายตามเห็นสมควร เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ว่าวิธีการ ก็อาจจะแตกต่างกันออกไปบางคนอาจจะเห็นด้วย กับเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เห็นด้วว หรือเรื่องอื่นๆก็แล้วแต่ แต่ต้องยอมรับว่าตนหมดหน้าที่ไปแล้วเมื่อเวลา 15.30 น. ของวันนี้
ผู้ข่าวถามย้ำว่า หมายความว่าโครงการเงินดิจิทัลฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ได้ใช่หรือไม่หลังจากนี้ นายเศรษฐาตอบว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนไม่มีอำนาจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โทรศัพท์สายแรกที่โทรมาเป็นใครสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า มีผู้สื่อข่าวอาวุโสคนหนึ่งโทรเข้ามาให้กำลังใจ (แจ่ม ไทยรัฐ) ส่วนภาคการเมืองยังไม่มีใครโทรมา มีเพียงแค่ส่งข้อความเข้ามาให้กำลังใจเท่านั้น บางคนบอกว่าจะเข้ามาหาที่ทำเนียบรัฐบาลแต่ตนก็บอกว่าอย่าเข้ามาเลยเพราะจะออกไปอยู่แล้ว “มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว“ นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา ยืนยันว่า คำพูดของตนไม่มีนัยยะว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นคนของพรรคเพื่อไทยหรือไม่เป็น แต่คนที่มาจากพรรคใดก็ตาม ตนก็ยอมรับตามกระบวนการรัฐสภา
เมื่อถามว่าขณะนี้มีความรู้สึกปลอดโปร่งหรือไม่ และจะสามารถปล่อยให้การเมืองเดินไปในทิศทางที่จะเป็นไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถี ส่วนจะปลอดโปร่งหรือไม่ ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวดีกว่า เพราะยังมีความกังวลเรื่องบ้านเมืองหลายๆเรื่อง และไม่ขอความเห็นว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะก็ต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยพูดคุยกัน พร้อมยอมรับว่าตนก็คิดอยู่เหมือนกัน หากผลออกมาด้านใดด้านหนึ่ง ให้อยู่ต่อตนก็ทำงานต่อ แต่ถ้าเขาไม่ทำงานต่อ ตนก็ไม่ควร แสดงท่าทีกดดันว่าที่นายกคนต่อไป ว่าควรเป็นใครหรือมาจากพรรคไหน เพราะเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า ส่วนจะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ในฐานะสมาชิกพรรค ตนยังไม่ทราบ แต่ในอนาคตตนอาจจะอยากช่วยบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่นๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสส. รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ นายเศรษฐา มองว่าคนที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีความพร้อมและมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป ขอให้เป็นตามกระบวนการรัฐสภา
ขณะเดียวกันอดีตนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธที่จะฝาก ข้อความถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะแต่ละคนก็มีวิถีทางที่จะเดินไป จุดที่ทุกคนอยากเห็นตนอาจจะเดินแบบนี้ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจจะเดินอีกแบบนึง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมหากจะบอกให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปเดินตามแบบนายกเศรษฐา
เมื่อถามว่าการเป็นนักการเมือง กับการเป็นนักธุรกิจอะไรโหดร้ายกว่ากัน นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อพบกับความผิดหวังทุกเรื่องก็โหดร้ายหมด แต่เราก็ต้องอยู่กับมันไป ส่วนวันพรุ่งนี้ตนยังไม่แน่ใจ ว่าจะทำอย่างไรเป็นสิ่งแรก ยังไม่ทราบ แต่คาดว่าอาจจะไปลอยอังคารกระดูกมารดาเร็วขึ้น ซึ่งขอคุยกับครอบครัวก่อน หรือหากทีมงานอยากคุยเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมไม่มีปัญหาอะไร เพราะได้ยกเลิกภารกิจการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้แล้ว
เมื่อมีอะไรจะกล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ซึ่งรู้จักกันอยู่แล้ว เดี๋ยวว่าง ๆ จะไปหากาแฟกินธรรมดา ไม่มีปัญหาอะไร
นายเศรษฐา ยังบอกอีกว่า ตนไม่มีอะไรฝากถึงประชาชน เพราะคนเป็นคนพูดไม่เก่ง และไม่มีตำแหน่งที่จะไปพูดแล้ว และจะเป็นการกดดันคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย ซึ่งตนให้ความเคารพ จะเห็นด้วยหรือไม่ ตนไม่ขอพูด
“ผมเชื่อว่าการที่ผมทำงานตรงนี้มาโดยตลอด ตั้งใจทำงานจริง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งใคร พยายามทำงานให้สุจริต เพื่อให้ดีที่สุดเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น ส่วนใครจะเอาดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่เอา หรือจะลดจำนวนลง หรือจะเอา ”แลนด์บริจด์“ หรือไม่เอา ”ซอฟต์พาสเวอร์“ จะทำต่อหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่มารับตำแหน่งต่อไป ซึ่งขออำนวยพรให้ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้“ นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐา ยังบอกอีกว่า ครอบครัวยังไม่ได้ให้กำลังใจอะไร เพราะศาลฯ เพิ่งตัดสิน และเมื่อตอนที่ตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลูก ๆ ก็ไม่ได้ส่งข้อความมายินดีอะไร เพราะครอบครัวตนไม่ใช่แบบนั้น
นายเศรษฐา กล่าวย้ำถึง โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า เข้าใจถึงข้อกังวลของประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามย้อนกรณีที่นายเศรษฐา เสียใจถึงเรื่องผิดจริยธรรมนั้น นายเศรษฐาให้เหตุผลว่า ตนมั่นใจว่าตนเป็นคนมีจริยธรรม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องที่ถูกร้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเช่นนั้น แต่ยืนยันว่า เสียใจ แต่ไม่ใช่หมายความว่าไม่เห็นด้วย ตนน้อมรับคำตัดสิน แต่ตนไม่เคยวิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรหาใคร
เมื่อถามถึงเหตุผลที่นายเศรษฐา กล้าเสี่ยงแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบานว่า ตนไม่แน่ใจว่าใช้คำว่ากล้าเสี่ยงได้หรือไม่ เพราะตนได้ดูข้อกฎหมายแล้ว และได้สอบถามแล้ว ขอให้เรื่องนี้จบดีกว่า เพราะศาลฯ ตัดสินแล้วว่าตนผิด ก็ออกจากหน้าที่ไป ขออย่าไปถามต่อ เดี๋ยวกลายเป็นว่าตนไม่เห็นด้วย
ขณะที่ตอนทำคำชี้แจงต่อสู้คดีนายวิษณุ เครืองาม ได้ให้ความมั่นใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนก็มั่นใจ แต่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ในช่วงท้ายนายเศรษฐา ยังกล่าวถึงความประทับใจที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า คนเราอายุขนาดนี้แล้ว การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ลงไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ได้ลงพื้นที่ ได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งวันนี้ต้องก้าวออกไป สิ่งที่ผิดหวังก็คือ เรื่องนี้ เพราะการเป็นเอกชน หรือการเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน และเป็นนายกฯ เศรษฐา การเข้าถึงปัญหา หากไม่มานั่งตรงนี้ก็มองไม่เห็น เพราะเมื่อเห็นแล้วก็เป็นความของประเทศ แต่ก็ต้องไว้ใจระบบรัฐสภา ที่จะสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถ และจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้ ซึ่งตนไม่มีอะไรจะพูด นอกจากความปราถนาดีต่อนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือในช่วง 1 เดือนนี้ที่รักษาการ นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นั่นคือความตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็น
ส่วนความเป็นห่วงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ นายเศรษฐายอมรับว่ามีความเป็นห่วง เพราะเป็นเข้าใจความซับซ้อนของโครงสร้าง พร้อมยอมรับว่าเป็นห่วงทุกเรื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากนี้มันจบสิ้นไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปแล้ว พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่เคยคิดว่า จุดสูงสุดของชีวิตคืออะไร เพราะมีโอกาสมาดูแลบ้านเมือง ความเป็นอยู่ประชาชน ก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของตน ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับตนจุดสูงสุดในชีวิตคือ “การเป็นลูกที่ดี” พร้อมยกมือไหว้ สวัสดีผู้สื่อข่าว
และหลังตอบคำถามสุดท้าย ที่ถามว่าจุดสูงสุดในชีวิตของนายเศรษฐาคืออะไร เจ้าตัวได้นิ่งไป ก่อนตอบว่า “เป็นลูกที่ดีครับ” จังหวะนี้นายเศรษฐาตาแดงและมีน้ำตาคลอเล็กน้อยก่อนยกมือไหว้ และโบกมือ ส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวก่อนเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเลคซัส ป้ายทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร ออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.13 น.