[ถอดเทป] จากมติชนสุดสัปดาห์ ในรายการ #MatiTalk คุยกับ
นายแพทย์ เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. (เผยแพร่เมื่อ 23
สิงหาคม 2567)
ลิ้งค์ : https://www.youtube.com/watch?v=qHYmW5AFy5k
กลับมาประเด็นที่ว่า
อย่าไปติดอยู่ที่สี คือสีมันปรากฏมาในวันที่ต้องโหวต เอา/ไม่เอา
รัฐธรรมนูญ คมช. คปค.
จึงมีความจำเป็นในการที่จะสามัคคีคนต่อต้านรัฐธรรมนูญคณะรัฐประหาร โดยใช้สีขึ้นมา
เพราะฉะนั้น สี ไม่สามารถทดแทนคำว่าอุดมการณืได้
แต่สีเป็นสัญลักษณ์ส่อบ่งถึงอุดมการณ์ได้
คำว่า
“คนเสื้อแดง” ในวันนั้นก็คือคนที่รักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ
และคนที่รักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ ยังเหนียวแน่น ปักหลัก ยึดมั่น มั่นคง อยู่ในจุดนี้มหาศาล
แต่มีจำนวนหนึ่งที่ยึดมั่นศรัทธาและนิยมชมชอบพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณ ยังมีอยู่
และพวกนี้ก็เลยหลงคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของคนเสื้อแดงทั้งประเทศ ไม่ใช่เลยครับ จะเรียกว่าเสื้อแดงที่หลงใหลได้ปลื้มหรือศรัทธานิยมชมชอบต่อพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณได้
แต่คุณจะไปประณามคนเสื้อแดงคนอื่นว่าเป็นสลิ่มเฟส
2 ว่าเป็นด้อมส้ม ว่าไปกินส้มเน่า ไม่ได้ครับ เพราะพวกเขายังเป็นคนที่ยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย
ยืนหยัดในการที่จะสร้างโครงสร้างประเทศนี้ให้เป็นประชาธิปไตยที่แข็งแกร่ง
ไม่มีการยึดอำนาจรัฐประหารอีกต่อไป
ไม่มีการฆ่าคนสองมือเปล่ากลางถนนอีกต่อไปโดยทหารเผด็จการ พวกนี้จำนวนมากเลยครับ
แต่พวกที่หลงใหลได้ปลื้มและนิยมชมชื่นพรรคเพื่อไทย/ทักษิณ
มีจำนวนหนึ่งและผมคิดว่าเป็นสัดส่วนน้อยมากแล้ว อาจจะไม่ถึง 10% ของเสื้อแดงในสมัยที่ปรากฏตัวอย่างเต็มที่
รู้สึกอย่างไร สู้มาทั้งชีวิตยังไม่ชนะเสียที
เส้นทางต่อสู้กับเผด็จการขวาจัดอำนาจนิยมมันใช้เวลายาวนาน
หลายประเทศใช้เวลาเป็น 100 ปี และหลายประเทศสูญเสียเยอะเลย อเมริกากว่าจะปลดแอกจากอังกฤษได้ต้องทำสงคราม
เสียชีวิตผู้คนมากมาย ปลดปล่อยทาสได้ต้องเสียชีวิตคนอีกเป็นล้านเหมือนกัน
ฝรั่งเศสหลังจากคุกบัสตีย์แตกแล้วกว่าจะเป็นประชาธิปไตยเป็นร้อย ๆ ปีนะ
ขอเรามาถึงวันนี้เกือบ
ๆ ถึงร้อยปี นับจาก 2475
ก็อีกประมาณ 8 ปีจะถึง 100 ปี
มาถึงวันนี้ผมประเมินความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในเรื่องประชาธิปไตย
และเรียกร้องให้ได้โครงสร้างทางการเมืองทางด้านประชาธิปไตยที่แข็งแกร่ง
ผมว่าขณะนี้แข็งแรงมากแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับสมัย 14ตุลา16 ยังอ่อนกว่านี้เยอะ หรือถ้าย้อนหลังกลับไปตอนสมัย 2489 สมัย 2478 จำนวนคนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมากกว่าเยอะและแข็งแรงกว่าเยอะ
และที่น่าปลื้มใจมากก็คือ
คนรุ่นใหม่ ๆ ที่เรียกว่า Gen
Z ผมกว่าเกือบจะ 100% นะ
เขาต้องการการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยแข็งแรง ปฏิเสธการยึดอำนาจรัฐประหาร
ปฏิเสธขวาจัด อนุรักษ์นิยม อำนาจนิยมโดยสิ้นเชิงแล้ว ก็เพียงแต่รอให้ Babyboom
กับ Gen X ที่จนตายก็ไม่ยอมแก้ เป็นขวาจัด
อนุรักษ์นิยม ค่อย ๆ ชำรุดไป ค่อย ๆ จากลาไปด้วยอายุ ไม่ใช่ด้วยการสาปแช่งนะ
ประมาณ 30 ปี Babyboomer ก็ไปหมดแล้ว
ซึ่งวันนั้นคนที่ต้องการประชาธิปไตยที่แข็งแรงมันจะมากมหาศาล
แล้ววันนั้นเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยด้วยสันติวิธีได้
ผมยืนยันสันติวิธีนะ ผมไม่ต้องการให้มีการรบราฆ่าฟัน
ไม่ต้องการให้มีการเสียชีวิตประชาชนอีกต่อไปแล้วครับ
ผมดูจากดัชนี
ไม่ใช่ฝันนะ ดูจากดัชนีเลือกพรรคการเมืองที่มีแนวคิดทิศทางเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศให้เป็นประชาธิปไตย
เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามาใส่ร้ายป้ายสีว่าผมเป็นด้อมส้ม ผมไม่ใช่นะ ผมเอาทิศทางทางการเมืองของพรรคการเมืองเป็นหลัก
พรรคการเมืองที่มีทิศทางอย่างนี้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น
และผมเชื่อว่าเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ดูต่อไปแล้วกัน ผมไม่ออกชื่อพรรคก็แล้วกัน
พรรคการเมืองที่มีทิศทางในการทำให้โครงสร้างประเทศเป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรง
จะชนะอย่างท่วมท้นแน่นอน และผมเชื่อว่าอาจจะเกินกว่า 300 นะ
ถึงวันนั้นก็อาจจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวขึ้นมาได้ ชื่อพรรคอะไรก็ไม่รู้
ไปดูในวันนั้นก็แล้วกัน
แต่ก็ไม่ควรประมาทชนชั้นนำ ถูกมั้ยครับ
สิ่งที่เขาทำได้อย่างเก่งก็คือรัฐประหาร
ยึดอำนาจ แล้วใช้ทหารฆ่าประชาชน ผมเชื่อว่าวิธีการอย่างนี้คนรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ในวันนี้เขาอาจจะพัฒนาขึ้นมาอีกทางหนึ่ง คือใช้นิติสงคราม
คนก็เริ่มเรียนรู้เรื่องนิติสงครามขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ว่านิติสงครามที่คุณใช้มันเป็นนิติศาสตร์ที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรมสากล
ถ้าไม่เป็นตามหลักนิติรัฐนิติธรรมสากลแล้ว ผมว่าพ่ายแพ้แน่นอน
เพราะว่ามีแต่นิติรัฐนิติธรรมสากลเท่านั้นเองมันถึงจะแข็งแรงและเติบโตขึ้นไปเรื่อย
ๆ แต่นิติศาสตร์แบบโบราณ นับวันจะพังทลายและสูญหายไป
ผมมองเมืองไทยในแง่ดีว่า
โอกาสที่สังคมจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่โครงสร้างทางการเมืองแข็งแรงทางประชาธิปไตย
และโอกาสที่ระบอบยุติธรรม ระบอบนิติรัฐนิติธรรมประเทศไทยจะแข็งแรงไปเป็นแบบสากล
มันจะเพิ่มทวีเติบใหญ่กล้าแข็งไปเรื่อย ๆ ลงหลักปักฐาน คือให้กำลังใจ อย่าไปมองในแง่มืดมน
คำถามต่อหน้าผู้มีอำนาจ!
ผมจะเรียนว่า
กรุณาเคารพประชาชนเถอะครับ
และกรุณาเคารพอำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของประชาชนทั้งหลายเถอะครับ
ให้ประชาชนเขาบริหารประเทศของเขาเองเถอะครับ อย่าใช้อำนาจของตัวเอง
ซึ่งอาจจะเป็นอำนาจปืน หรืออำนาจนิติสงครามก็แล้วแต่
มากดสังคมไทยไม่ให้พัฒนาไปข้างหน้า โปรดปลดปล่อยสังคมไทยให้เจริญไปข้างหน้า
จะได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสิงคโปร์ได้ หรือไปเทียบเคียงกับอเมริกาหรืออังกฤษ
เดนมาร์ก สวีเดนได้ เพราะเราเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เดนมาร์ก สวีเดน เนเธอร์แลนด์ ได้หมด
เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างญี่ปุ่นก็ยังได้เลย อย่ากดประเทศไทยไว้เลยครับ
เปิดให้ประเทศไทยเจริญเติบโตเถอะครับ