วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2567

จม.จากแดน 4 "อานนท์"เขียน หลังจากขึ้นปราศรัยทางการเมืองเมื่อปี 63 ชีวิตพ่อเปลี่ยนไป ซึ่งชีวิตของครอบครัวเราต้องเปลี่ยนไปด้วย บอกลูก"ในวันที่ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ พวกเราจะอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง"

 


จม.จากแดน 4 "อานนท์"เขียน หลังจากขึ้นปราศรัยทางการเมืองเมื่อปี 63 ชีวิตพ่อเปลี่ยนไป ซึ่งชีวิตของครอบครัวเราต้องเปลี่ยนไปด้วย บอกลูก"ในวันที่ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ พวกเราจะอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง"


เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เพจ “อานนท์ นำภา” โพส ข้อความ จดหมายจากเรือนจำระบุว่า 


วันนี้ท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสแต่ก็พอมีแดดจางๆ สาดแสงลงมาให้พวกเราได้ตากผ้า ต้นไม้ใบหญ้าที่ได้ความชุ่มฉ่ำจากเม็ดฝนวานนีั พอได้แสงแดดอุ่นทยอยทอดใบดูร่าเริง กาแฟเช้านี้เปรี้ยวไปนิดแต่ก็ยังดีกว่ากาแฟเลี่ยนเลี่ยนแบบ 3 in 1 


23 สิงหาคม 25667 ถึงปราณและขาล ลูกรัก


แม่เขียนจดหมายมาบอกว่าเจ้าขาลไม่ค่อยสบาย มีน้ำมูกไม่แน่ใจว่าจะหายทันวันที่ 26 สิงหานี้มั้ย ถ้ายังยังไม่หายก็ไม่ต้องให้แม่พามาเจอพ่อที่ศาลก็ได้ ไว้หายดีแล้วค่อยมาเจอกัน ส่วนเจ้าปราณคงอีก 1 เดือน กว่าจะปิดเทอม ถึงจะมีโอกาสมาเยี่ยมพ่อที่ศาล ทนายความของพ่อเอารูปที่ปราณอวยพรวันเกิดมาให้ดูแล้ว ร้านยังคงวาดภาพสื่อความหมายได้ดี ฝีมือพัฒนาขึ้นกว่าเดิม นี้กว่าแม่ของพวกเธอจะวาดได้ก็ต้องขึ้นม.3 แหนะ เจ้าปราณเก่งกว่าแม่มาก


จะครบหนึ่งปีแล้วที่พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันและน่าจะ 2 ปีแล้วที่พ่อใช้ชีวิตในเรือนจำหลังจากขึ้นปราศรัยทางการเมืองเมื่อปี 2563 ชีวิตพ่อเปลี่ยนไป ซึ่งหมายถึงชีวิตของครอบครัวเราต้องเปลี่ยนไปด้วย เดิมทีเมื่อปี 2563 เจ้าปราณจะเป็นคนตามแม่มาเยี่ยมพ่อที่ศาล ตอนนี้เจ้าขาลกลับมาทำหน้าที่แทน


ทว่าเมื่อมองออกไปดูสังคมรอบข้าง ในแง่ความคิดของคนก็เปลี่ยนไปเยอะมาก คนมีความคิดเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น มองคนเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น สิ่งที่เยาวชนคนรุ่นใหม่เรียกร้อง ถูกพิสูจน์แล้วว่าความชอบธรรมและเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในช่วงชีวิตของพวกเขา ในขณะเดียวกันความไม่เป็นเหตุเป็นผล ความอัปลักษณ์ในเชิงตรรกะและหลักการ ก็ถูกพ่นออกมาจากสังคมเก่าอย่างล่อนจ้อน พอเชื่อเหลือเกินการเปลี่ยนแปลงจะเร็วขึ้นนับจากนี้


ขอให้พวกเธอทั้งสองรอ ในวันที่ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ พวกเราจะอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง


รักและคิดถึง

อานนท์ นำภา


สำหรับ อานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี ปรับเป็นเงิน 20,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ในคดี #มาตรา112 คดีแรก เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 เหตุจากการขึ้นปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63


จากนั้น 17 ม.ค. 67 ศาลอาญาสั่งจำคุก "อานนท์ นำภา" เพิ่มอีก 4 ปี จากคดีมาตรา 112 (เป็นคดีที่ 2) กรณีโพสต์เฟซบุ๊กปี 2564 โดยให้บวกโทษเก่าอีก 4 ปี ทำให้อานนท์มีโทษจำคุกรวมแล้ว 8 ปี


ต่อมา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาคดีของ อานนท์ นำภา หลังถูกฟ้องใน 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุมาจากการปราศรัยถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในกิจกรรม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน’ หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 ที่ลานหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดทุกข้อหาตามฟ้อง พิพากษาจำคุกรวม 3 ปี 1 เดือน ปรับ 150 บาท ก่อนลดเพราะให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุก 2 ปี 20 วัน และปรับ 100 บาท


ต่อมา 25 ก.ค. 67 ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาในคดี #ม112 คดีที่ 4 ของ “อานนท์ นำภา” เหตุโพสต์ 2 ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. 2564 วิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินของรัชกาลที่ 10


ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1), (3) ให้ลงโทษฐาน 112 จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 6 ปี


ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี ไม่รอการลงโทษ


ทั้งนี้หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีของอานนท์ไปแล้ว 4 คดี ทำให้อานนท์ถูกลงโทษจำคุกรวม 14 ปี 20 วัน และยังมีโทษในคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีชุมนุม #ม็อบ27พฤศจิกา2563 ที่ถูกจำคุกอีก 2 เดือน รวมเป็น 14 ปี 2 เดือน 20 วัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม #อานนท์นำภา #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน