เสียงเตือนถึง "พรรคเพื่อไทย"
ถ้าไปล้ำเส้นฝ่ายขวาจัดอีกนิด โดนหนักกว่าเดิมแน่นอน ?
[ถอดเทป] จากมติชนสุดสัปดาห์ ในรายการ #MatiTalk คุยกับ
นายแพทย์ เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. (เผยแพร่เมื่อ 23
สิงหาคม 2567)
ลิ้งค์ : https://www.youtube.com/watch?v=qHYmW5AFy5k
ยุบพรรค/นายกฯใหม่ เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย?
คือถ้าพูดประเด็นนี้ต้องเรียนว่ามันเป็นความตั้งใจของฝ่ายสืบทอดอำนาจ
หรือฝ่ายอำนาจนิยมขวาจัดรัฐประหารยึดอำนาจ ว่าพวกเขาตราลงไปในรัฐธรรมนูญ
สิ่งที่เขียนในรัฐธรรมนูญก็ผลิผลออกมาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้
ก็คือมีสิ่งที่เรียกว่าองค์กรอิสระ, ศาลรัฐธรรมนูญ, จริยธรรมของนักการเมือง
ถ้าหากว่าพวกขวาจัดอำนาจนิยม
หรือว่าพวกยึดอำนาจทั้งหลายเขาต้องการที่จะกำหนดทิศทางทางการเมืองไปอย่างไร
เขาก็ลงดาบไปอย่างนั้น ก็จึงเกิดปรากฏการณ์ที่ยุบพรรคก้าวไกล
และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหาร 11 คน ซึ่งจริง ๆ
แล้วด้วยความเคารพ คือพรรคก้าวไกลก็ดี จำนวนสส.ทั้งหมดของเขา 151 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ
ต้องถือว่ามาจากอำนาจสูงสุดก็คืออำนาจอธิปไตย
ไม่น่าจะมีอะไรที่มีอำนาจสูงไปกว่านี้ ก็คือไปยุบพรรคก้าวไกล
และไม่น่าจะมีอำนาจอะไรที่จะไปตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหาร 11 คน
เพราะว่าเขาไม่มีพฤติกรรมอะไรเลยในลงมือกระทำที่เป็นจริงในการโค่นล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่อันนี้มันตราอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 60
ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการดำเนินการเรื่องนี้ได้
และไปมีนวัตกรรมอันใหม่เลยก็คือให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระในการเขียนจริยธรรมทางการเมือง
และใช้จริยธรรมทางการเมืองที่พวกเขาเขียนมาบังคับใช้กับผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ
ซึ่งมันคนละบริบทเลย คนละปริมณฑล เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ดี หรือองค์กรอิสระก็ดี
มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร
แต่ว่าสส.หรือผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ
เพราะฉะนั้นสำหรับผมนะ
มาตรฐานทางจริยธรรม มาตรฐานในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์
ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะสำหรับผมแล้วการยึดอำนาจเป็นการไม่ซื่อสัตย์สุจริตเลย
เป็นการทุจริตอย่างรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดทางการเมือง
และเป็นการทำลายจริยธรรมทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดก็คือการยึดอำนาจรัฐประหาร
ลำพังที่มาของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่มาจากการยึดอำนาจรัฐประหาร
มันก็บอกแล้วว่าสิ่งที่พวกคุณเขียนขึ้นมา
มาใช้กับผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้
แต่คุณใช้ตัวนี้มาบังคับใช้กับผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง
ในที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค
11 คน เป็นเวลา 10 ปี
แล้วยังหาว่าการที่เขามีแนวคิดเสนอกฎหมายแก้ไขมาตรา
112 เป็นการผิดอย่างร้ายแรงอาจจะถึงขั้นตัดสิทธิตลอดชีวิต
ซึ่งอันนี้ผิดอย่างรุนแรงเลย เพราะว่า 112
มาจากการแก้ไขโดยคณะรัฐประหาร 6ตุลา19
เพราะว่ามาตรา 112 แก้ไขได้
และจุดมุ่งหมายในการแก้ไขของคณะรัฐประหาร 6ตุลา19 คือต้องการที่จะให้มาตรา 112
เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของตนเองโหดเหี้ยมอำมหิต
เพราะ 112 เดิม ๆ ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ และอัตราโทษสูงสุดก็แค่ 5 ปี
แม้ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ที่ 7
อัตราโทษขั้นสูงก็แค่ 7 ปี แต่คณะรัฐประหารยึดอำนาจ 6ตุลา19 เขียนมาให้มีโทษขั้นต่ำ 3 ปี และสูงสุด 15 ปี
ขณะเดียวกันเป็นการจงใจในการทำลายผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองของตัวเอง
ฉะนั้น มาตรา 112 จึงเป็นเครื่องมือของฝ่ายขวาจัดอำนาจนิยม
หรือรัฐประหาร จารีตนิยม อนุรักษ์นิยม
ในการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของตนเองมาโดยตลอด
ความเห็นส่วนตัวผมนะ
การเสนอแก้ไขมาตรา 112
จึงไม่น่าจะผิดอะไร
แต่คุณจะอาศัยเรื่องนี้ไปประหารชีวิตทางการเมืองตั้ง 44 คน
อย่างนั้นเชียวหรือ? และนี่มันมาจากรัฐธรรมนูญปี 60
และรัฐธรรมนูญปี 60 สำหรับผมนะ
มันไม่ได้เป็นรัฐธรรมนูญที่มีสีสันของความเป็นประชาธิปไตยเลย
แล้วประชามติของคุณมันเป็นประชามติกำมะลอ
เพราะใครที่มีความเห็นต่างคุณก็เล่นงานเขาเลย จับเข้าคุก หรือไม่ก็ฟ้องศาลทหาร
ซึ่งตอนนั้นมีคนโดนเล่นงานอย่างน้อย 300-400 ราย รัฐธรรมนูญ 60
เป็นรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร
สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบันนี้มันเป็นผลสืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญ 60 เป็นผลสืบเนื่องมาจากเจตจำนงของคณะรัฐประหารโดยตรง
จึงเกิดเรื่องของการให้ คุณเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี
คือคำว่า
“มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” คุณใช้มาตรฐานอะไร? อย่างที่ผมบอก
ถ้าเอามาตรฐานทางการเมืองมาจับต้องเอามาตรฐานทางการเมืองมาจับนะ
การรัฐประหารยึดอำนาจเป็นการไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชนทั้งประเทศแล้ว
เป็นการทุจริตอย่างเลวร้ายที่สุดทางการเมืองต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ
แล้วคุณบอกว่าต้องไม่ประพฤติและไม่มีพฤติกรรมในการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
การรัฐประหารนั่นแหละเป็นการผิดจริยธรรมทางการเมืองอย่างเลวร้ายที่สุดในโลกเลย
แล้วทำไมคุณไม่ตัดสินพวกนั้นล่ะ!
ถึงแม้ทางการเมือง
ผมไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยหลายประการนะ
แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยในการที่คณะรัฐประหารให้อำนาจในรัฐธรรมนูญปี 60 ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระไปตราประมวลจริยธรรมทางการเมือง
เขียนเรื่องสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ต้องไม่มีพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
โดยที่ไม่มีบรรทัดฐานเลยว่า สุจริตเป็นที่ประจักษ์มีมาตรฐานอะไร
ใช้มาตรอะไรเป็นตัววัด ใช้อะไรเป็นนิยาม เช่นเดียวกับผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
เมื่อเกิดภาวะ
2 กรณีนี้ที่เกิดขึ้น คือยุบพรรคก้าวไกล-ตัดสิทธิกก.บห.
10 ปี และทำให้การเป็นนายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน
สิ้นสุดลง ก็เลยก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในปัจจุบัน
ทำให้ทุกคนหวั่นวิตกไปหมดว่าอะไรคือนิยามของคำว่า “สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
และอะไรเป็นคือของคำว่า “ผิดจริยธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรง” เป็นนิยามของใคร?
ใครเป็นคนเขียน? มาตรฐานอยู่ตรงไหน? และคำว่า “วิญญูชน” เป็นคำใหม่
ผมก็เพิ่งได้ยินว่ามีการใช้กันทางการเมืองอย่างรุนแรง ใครเป็นวิญญูชน
และมาตรฐานคืออะไร?
ผมมีหลายอย่างที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยนะ
แต่วันนี้คุณอุ๊งอิ๊งตั้งรัฐบาลจะลำบากมาก
เพราะว่าคุณจะใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการที่จะตรวจสอบว่าสุจริตเป็นที่ประจักษ์และผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง