วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567

พรรคประชาชนปูพรมทั่วราชบุรี สู้ศึกโค้งสุดท้ายเลือกตั้งนายก อบจ. “ณัฐพงษ์” ชี้การเมืองเก่ารวมพลังสกัดส้ม ขอชาวราชบุรีกลับบ้านมาเลือกตั้ง “ธนาธร” ย้ำมีองค์ความรู้สะสมจากคณะก้าวหน้าสู่ประชาชน พร้อมเปลี่ยนราชบุรี-สร้างมิติใหม่การเมืองท้องถิ่น

 


พรรคประชาชนปูพรมทั่วราชบุรี สู้ศึกโค้งสุดท้ายเลือกตั้งนายก อบจ. “ณัฐพงษ์” ชี้การเมืองเก่ารวมพลังสกัดส้ม ขอชาวราชบุรีกลับบ้านมาเลือกตั้ง “ธนาธร” ย้ำมีองค์ความรู้สะสมจากคณะก้าวหน้าสู่ประชาชน พร้อมเปลี่ยนราชบุรี-สร้างมิติใหม่การเมืองท้องถิ่น


วันที่ 25 สิงหาคม 2567 ที่จังหวัดราชบุรี แกนนำพรรคประชาชน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย สส. และผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ระดมกำลังเดินสายไปตามอำเภอต่างๆ ทั่วจังหวัดราชบุรี เพื่อช่วยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายให้กับ “ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์” ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ราชบุรีในนามพรรคประชาชน 


โดยในช่วงบ่าย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พร้อมด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียง และชัยรัตน์ ได้ร่วมพบปะประชาชนในอำเภอสวนผึ้ง ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มประเด็นปัญหาต่างๆ ประกอบด้วย วงพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่บ้านถ้ำหิน เพื่อแลกเปลี่ยนและรับฟังความเห็นต่อแนวทางการบริหารและให้การสนับสนุน รพ.สต.ของทีมผู้สมัครจากพรรคประชาชน จากนั้นจึงร่วมวงพูดคุยกับประชาชนเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทั้งน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงปัญหาที่ดินราชพัสดุที่ประสบข้อจำกัดในการพัฒนาพื้นที่ ทั้งด้านสาธารณูปโภคและการใช้ประโยชน์


จากนั้นในช่วงเย็น รังสิมันต์ ธนาธร และชัยรัตน์ ได้ร่วมพบปะประชาชนและเปิดเวทีปราศรัยขนาดย่อยที่ตลาดนัดกำนันใย ตำบลสวนผึ้ง ก่อนจะเดินทางมายังตลาดสดอำเภอจอมบึง เพื่อร่วมปราศรัยพร้อมกับณัฐพงษ์ แกนนำ สส.พรรคประชาชน และผู้ช่วยหาเสียงคนอื่น ๆ


ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย ณัฐพงษ์กล่าวว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด ชาวราชบุรีออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึงร้อยละ 80 เลือกพรรคก้าวไกลในบัตรบัญชีรายชื่อเป็นอันดับหนึ่งถึง 2.3 แสนคะแนน นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่าชาวราชบุรีต้องการการเปลี่ยนแปลง และเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้คู่แข่งของเราต้องรวมตัวกัน เพราะรู้ว่าถ้าไม่รวมตัวกันก็ชนะพรรคประชาชนไม่ได้ ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เวลาที่ชาวราชบุรีจะมานั่งตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครคนใดแล้ว แต่คือเวลาที่ชาวราชบุรีจะต้องพร้อมใจกันเลือก “หวุน ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์” ให้ถล่มทลาย


จากพรรคอนาคตใหม่ ถึงพรรคก้าวไกล มาเป็นพรรคประชาชน เราเติบโตขึ้นทุกวัน ที่เติบโตขึ้นทุกวันไม่ใช่เพราะแกนนำ แต่เพราะอุดมการณ์และความเชื่อของเราที่ยึดโยงกับประชาชน ศูนย์รวมจิตใจของเราจึงไม่ใช่ธนาธร พิธา หรือตน แต่คือความต้องการการเมืองแห่งอนาคตที่เรามีร่วมกันกับประชาชน เราพิสูจน์แล้วว่าผลงานในสภาฯ ของเราเป็นที่หนึ่ง มีผู้แทนราษฎรที่ตั้งใจทำงาน ไม่ใช่เพราะเราเก่งกว่าคนอื่น แต่เพราะเรามีหัวจิตหัวใจ ตั้งใจทำเพื่อประชาชนในสภาฯ มี สส.ที่ลงพื้นที่เข้าหาประชาขน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน 


ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า เราจะทิ้งการเมืองแห่งอดีตไปด้วยกัน ให้เขาไปรวมตัวกัน เราทำการเมืองแห่งอนาคตของเราให้ดี ให้ประชาชนมีอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ วันนี้ไม่ใช่แค่การเมืองระดับประเทศที่ประชาชนแสดงพลังจนทำให้เขามัดรวมกัน แต่วันนี้การเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีก็กำลังสะท้อนปรากฏการณ์นั้น ที่ผ่านมาพี่น้องหลายคนที่ตนไปเจอมาบ่นว่าเลือกแล้วจะเปลี่ยนได้จริงหรือ เดี๋ยวก็มีเงื่อนไขตุกติกมาเล่นงาน เดี๋ยวก็ยุบพรรคหรือถอดถอน สส.อีก แต่ตนขอเรียนว่าในการเลือกตั้งนายก อบจ. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบสภา อบจ. ไม่มีอำนาจในการนำนายก อบจ.ออกจากตำแหน่ง ดังนั้น ตนจึงขอให้ชาวราชบุรีอย่าเพิ่งสิ้นหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้


“เรากำลังแข่งกับการเมืองแห่งอดีต และแข่งกับตัวเราเอง ถ้าพี่น้องชาวราชบุรีวันที่ 1 ไม่กลับมาเลือกนายก อบจ. ไม่เลือกชัยรัตน์เบอร์ 1 แล้วใครจะกลับมาเลือก ขอให้ช่วยกันบอกต่อ ตามชาวราชบุรีกลับมาเลือกชัยรัตน์เบอร์ 1 ให้มากที่สุด” ณัฐพงษ์กล่าว


ในส่วนของธนาธร กล่าวในช่วงหนึ่งของการปราศรัยว่า สิ่งที่เราอยากทำคือการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนที่เป็นเรื่องพื้นฐานให้ดีขึ้น และหลายเรื่องเป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่าง อบจ. อบต. และเทศบาล ด้วยแนวคิดแบบนี้ ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน เราจึงเชื่อเสมอว่าประเทศจะพัฒนาโดยอาศัยการเมืองระดับชาติอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการพัฒนาในระดับท้องถิ่นด้วย เราถึงยืนยันว่าการสร้างสังคมที่ดีจะต้องทำการเมืองในทุกระดับ


ที่ผ่านมาองคาพยพของเรา ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทั้ง อบต.และเทศบาลมาหลายแห่ง มีเพียงระดับเดียวที่ยังไม่เคยมีโอกาสคือ อบจ. ถ้าพรรคประชาชนชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรีในครั้งนี้ จะทำให้องค์ความรู้ของเราครบสมบูรณ์ นี่คือความตั้งใจจริงที่ต้องการจะยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนราชบุรี และที่ไกลกว่านั้นคือการสร้างการเมืองที่ดีในทุกระดับ รวมถึงการสร้างมิติใหม่ในการเมืองระดับท้องถิ่น ตนเชื่อว่าด้วยความรู้ความสามารถของพวกเรา ด้วยพลังความมุ่งมั่นของพวกเรา จะทำให้ประชาชนเห็นได้ว่าการเมืองที่ดีส่งผลถึงคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของพวกเราทุกคนได้อย่างไร


เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว วันที่ 1 กันยายนนี้เราต้องการทุกพลัง ช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้พวกเรา สิ่งเดียวที่เรากังวลคือการเลือกตั้งท้องถิ่นมักเป็นการเลือกตั้งที่มีการตื่นตัวน้อยมาก โดยเฉลี่ยแล้วผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพียงร้อยละ 50 เท่านั้นที่จะออกมาเลือกตั้งนายก อบจ. วันนี้เราจึงขอฝากทุกคนให้ช่วยกันบอกปากต่อปาก เชิญชวนกันกลับบ้าน กลับมาเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรีกันให้ถล่มทลาย


“ถ้าไม่ออกไปใช้สิทธิ์ ไม่กลับบ้าน ก็ไม่ชนะแน่ เราต้องการพลังของทุกคนจริง ๆ ถ้าคนไม่ตื่นตัว ไม่เห็นความสำคัญของการเลือกตั้งนายก อบจ. เราจะไม่มีทางมีคะแนนเป็นหลักแสนได้ ขอแรงขอพลังกันในช่วงโค้งสุดท้ายให้ผู้สมัครพรรคประชาชนด้วย” ธนาธรกล่าว


ธนาธรกล่าวต่อไปว่า ตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเรามีความตั้งใจและความรู้ความสามารถที่จะสร้างการเมืองที่ดีได้ และที่สำคัญคือ สิ่งที่เป็นความคิดความฝันร่วมกันของพวกเราจะได้ถูกนำมาใช้จริงในระดับจังหวัดก่อน เราทำนโยบายในระดับท้องถิ่นประสบความสำเร็จมาหลายเรื่องแล้ว เราทำให้เห็นมาแล้วว่าถ้ามีความตั้งใจจริง เราจะสามารถสร้างเมืองที่ดีกว่านี้ได้ เราเชื่อว่าด้วยงบประมาณเกือบ 800 ล้านบาทต่อปีของ อบจ.ราชบุรี ถ้าใช้โดยไม่มีการทุจริต เอาปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เราจะสามารถทำให้งบประมาณเหล่านี้สร้างโรงเรียนที่ดีกว่านี้ให้ลูกหลาน ดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีส่งต่อให้ลูกหลาน และทำบริการสาธารณะให้ดีขึ้นได้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อบจราชบุรี