วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2567

พรรคประชาชนนำทัพ เปิดเวทีปราศรัยสู้ศึกนายก อบจ.ราชบุรี ย้ำความต่างเจตจำนงการเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลง สร้างราชบุรีที่ดีกว่านี้ด้วยนโยบาย 4ส. “ชัยธวัช” กระทุ้งมหาดไทย-กกต. ชัดเจนปมอดีตนายก อบจ.ราชบุรี ถูกชี้มูลความผิด ซ้ำรอยปทุมธานีหรือไม่


 พรรคประชาชนนำทัพ เปิดเวทีปราศรัยสู้ศึกนายก อบจ.ราชบุรี ย้ำความต่างเจตจำนงการเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลง สร้างราชบุรีที่ดีกว่านี้ด้วยนโยบาย 4ส. “ชัยธวัช” กระทุ้งมหาดไทย-กกต. ชัดเจนปมอดีตนายก อบจ.ราชบุรี ถูกชี้มูลความผิด ซ้ำรอยปทุมธานีหรือไม่ 


วันที่ 17 สิงหาคม 2567 ที่ลานริมน้ำ หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี พรรคประชาชน เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กันยายน 2567 นี้ โดย ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ราชบุรี พรรคประชาชน เบอร์ 1 ได้ร่วมปราศรัยพร้อมกับ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โดยมีประชาชนชาวราชบุรีให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก


โดยชัยธวัช ได้ขึ้นปราศรัยถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง 1 กันยายนนี้ โดยระบุว่าเหตุผลที่ทั้งอดีตพรรคก้าวไกล วันนี้เป็นพรรคประชาชนให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่น ก็เพราะการเมืองท้องถิ่นใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของประชาชน แม้ประชาชนยังให้ความสนใจกับการเมืองท้องถิ่นน้อย แต่นี่คือการปกครองประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากที่สุด พรรคประชาชนเชื่อว่าประเทศไทยต้องกระจายอำนาจออกจากระบบราชการรวมศูนย์ให้ได้ เมื่อไหร่ที่ปลดล็อก เอางบประมาณ ทรัพยากร บุคลากร และอำนาจส่วนใหญ่มาไว้ที่ท้องถิ่น กลไกการบริหารราชการแผ่นดินจะตอบสนองประชาชนได้ดีกว่านี้ ปลดปล่อยศักยภาพของท้องถิ่นอย่างมโหฬารด้วยงบประมาณเท่าเดิม เราเชื่อว่าการกระจายอำนาจจะทำให้เราพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้


แต่ต้องยอมรับว่าคนไทยจำนวนมากคุ้นเคยกับการเมืองท้องถิ่นแบบเก่าที่ไม่น่าไว้วางใจ เต็มไปด้วยอิทธิพลของบ้านใหญ่ แต่ถ้ายิ่งเราไม่พอใจก็ต้องยิ่งให้ความสนใจและออกมาเลือกตั้ง ให้การเมืองท้องถิ่นไม่วนกับระบบอุปถัมภ์แบบเดิม เริ่มเปลี่ยนจาก อบจ.ราชบุรีเป็นจุดหมายแรกของประเทศไทย ราชบุรีดีกว่าเดิมไม่ได้หากเรายังไม่ให้ความสนใจตื่นตัวแบบเดียวกับการเมืองระดับชาติ


ในช่วงท้ายของการปราศรัย ชัยธวัชยังระบุว่าเพื่อความชัดเจนสำหรับประชาชนชาวราชบุรีที่จะไปเลือกตั้ง ตนขอถามไปถึงทั้งกระทรวงมหาดไทย และ กกต. ว่ากรณีอดีตนายก อบจ. ถูกชี้มูลความผิด ศาลรับฟ้องแล้ว ถึงจะได้รับการประกันตัวออกมา แต่ถ้าชนะการเลือกตั้งแล้วจะดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ได้อีกหรือไม่ จะกลายเป็นปทุมธานีสองหรือไม่ ที่วันนี้ก็ยังไม่สามารถรับรองได้ ด้วยเหตุนี้ตนจึงอยากฝากถึงชาวราชบุรีทุกคนว่าถ้าอยากมั่นใจว่าเลือกแล้วได้นายก อบจ. แน่ๆ ก็ขอให้เลือกชัยรัตน์เป็นคำตอบสุดท้าย


ในส่วนของณัฐพงษ์ ระบุว่าความสวยงามของการเมืองท้องถิ่นก็คือการที่ตัวแทนของประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งมา อยู่ใกล้ประชาชน ได้มาเป็นผู้ใช้งบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าประชาชนจำนวนมากมักคุ้นเคยกับการเมืองแบบอุปถัมภ์ ซึ่งพรรคประชาชนตั้งใจเปลี่ยนความคิดแบบนี้ให้ได้ ด้วยการเริ่มต้นที่ราชบุรีแห่งนี้ ทำให้ชาวราชบุรีและคนไทยได้เห็นว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นได้


ราชบุรียังมีปัญหาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน น้ำประปา สิทธิสถานะ แต่ปัญหาพื้นฐานเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยอำนาจของ อบจ. เช่น การทำระบบน้ำประปาให้ใสสะอาด ไหลตลอด 24 ชั่วโมง จากประสบการณ์ที่ตนได้ทำงานร่วมกับคณะก้าวหน้าที่อาจสามารถมา นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ถ้าได้นักการเมืองที่มีเจตจำนง ถ้าเราสามารถทำที่อาจสามารถได้แล้วทำไมจะทำกับที่ราชบุรีไม่ได้ นี่คือความสวยงามของการเมืองท้องถิ่น ที่สามารถแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ใช้งบประมาณให้เป็น เอาเงินงบประมาณมาตอบสนองต่อปัญหาชีวิตของประชาชน และเมื่อเราทำที่ราชบุรีได้สำเร็จ เราก็สามารถทำให้สำเร็จที่จังหวัดอื่นได้ และอีก 2-3 ปีเราก็ทำให้สำเร็จทั่วประเทศได้


ด้านชัยรัตน์ ได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์โดยระบุถึงนโยบายด้านต่างๆ อันประกอบด้วยด้านการศึกษา ซึ่งชัยรัตน์ระบุว่าที่ผ่านมาตนได้ตั้งคำถามว่า อบจ.ราชบุรีทำอะไรกับการศึกษาอยู่ หนึ่งในข้อบ่งชี้ของปัญหาก็คือโรงเรียนในสังกัด อบจ. ที่มีการทุ่มเทงบประมาณเพื่อเด็กบางกลุ่ม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมในระบบการศึกษา ซึ่งตนตั้งใจจะเข้าไปจัดการให้มีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสและความเท่าเทียมของเด็กในโรงเรียนทุกกลุ่ม ให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เท่าเทียมกัน 


ส่วนโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ตนอยากให้ อบจ. เข้าไปอุดหนุนงบประมาณอาหารกลางวันเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณที่น้อยลงทำให้โรงเรียนหลายแห่งต้องตัดงบประมาณบางส่วน ทำให้ครูต้องกลายเป็นแม่ครัว ซึ่ง อบจ.ราชบุรี ของตนจะเข้าไปดูแลอุดหนุนงบประมาณให้ลูกหลานได้อิ่มท้อง พัฒนาห้องเรียนและแหล่งเรียนรู้ เพิ่มห้องเรียนเทคโนโลยี เพิ่มเติมบุคลากรในโรงเรียนที่ขาดแคลน


ชัยรัตน์ปราศรัยต่อถึงนโยบายด้านสาธารณสุข ว่าตนต้องการเข้าไปยกระดับคุณภาพ รพ.สต. ที่ได้รับถ่ายโอนมาแล้ว ให้สามารถให้บริการพื้นฐาน เช่น ทันตกรรม กายภาพ แพทย์แผนไทยได้ เพิ่มกรอบบุคลากรให้ผู้สูงอายุและคนในชุมชนเข้าใช้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐานได้มากขึ้น ลดความแออัดในโรงพยาบาลอำเภอและจังหวัด


ด้านสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้ขยะในจังหวัดราชบุรีมีระบบการจัดการแบบฝังกลบ ไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ หลายครั้งมีน้ำรั่วซึมปนเปื้อนออกสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติและเข้าสู่ชุมชน นี่คือเรื่องที่ อบจ. ต้องเข้าไปเร่งแก้ไข ให้เกิดการลงทุนกำจัดขยะโดยวิธีการที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด


นอกจากนี้ ยังมีนโยบายด้านน้ำ ทั้งน้ำประปาที่ตนมีนโยบายจะทำให้สะอาดและไหล 24 ชั่วโมง และจะพัฒนาให้ดื่มได้ในอนาคต และการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรนอกเขตชลประทานที่เข้าไม่ถึงแหล่งน้ำ ตนมีนโยบายแหล่งน้ำขนาดเล็กสำหรับเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นนโยบายที่มีการทำมาแล้วในหลายจังหวัดแต่ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอใน จ.ราชบุรี


ชัยรัตน์ปราศรัยต่อ ถึงนโยบายขนส่งสาธารณะ ฟื้นคืนชีพรถเมล์ให้ จ.ราชบุรี ที่แม้ปัจจุบันจะมีใบอนุญาตอยู่ถึง 30 เส้นทาง ทั้งระหว่างอำเภอและจังหวัด แต่วันนี้หลายเส้นทางไม่มีรถเมล์วิ่งแล้วหรือถ้ามีก็วิ่งน้อยจนไม่มีการใช้งานจริง ซึ่งตนต้องการเข้าไปเพิ่มเติมบริการในสายเดิม สนับสนุนการเพิ่มรถให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ และสร้างเส้นทางใหม่ให้รถเมล์เข้าถึงพื้นที่ที่พัฒนาขึ้นมาภายหลัง


และสุดท้าย คือนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการเกษตร ที่ อบจ. สามารถมีบทบาทในการสร้างตลาดกลางขึ้นมาดูแลราคาสินค้าทางการเกษตรได้ ให้สินค้าเกษตรในจังหวัดราชบุรีมีเสถียรภาพทางราคา


สุดท้าย คือการปราศรัยโดยพิธา ซึ่งระบุว่าตนมีความมั่นใจว่าพรรคประชาชนใกล้ถึงเส้นชัยในวันที่ 1 กันยายนนี้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะการเลือกตั้งปี 2566 แม้พรรคก้าวไกลจะมาเป็นอันดับหนึ่งในคะแนนบัญชีรายชื่อ แต่ย้อนกลับไปในการเลือก อบจ. รอบก่อนปี 2563 จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนับว่าน้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไปมาก


นี่จึงเป็นเหตุให้ตนขอฝากตามชาวราชบุรีทั้งที่อยู่ทั่วประเทศและทั่วโลกให้กลับมาใช้สิทธิกันให้เยอะที่สุด และในการนี้ ตนขอย้ำฝากไปถึงชาวราชบุรีที่ไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งก่อน ขอให้ได้พิจารณาถึงนโยบายของผู้สมัครชัยรัตน์ ที่มีนโยบายไม่เหมือนคู่แข่งคนไหน และแตกต่างด้วยการทำงานด้านข้อมูล การนำเทคโนโลยีมาใช้ ทำให้เกิดเป็นนโยบาย 4 ส. ที่ทุกคนได้ฟังไปเมื่อครู่นี้ กว่าจะมาเป็นนโยบายแบบนี้ได้ ชัยรัตน์และทีมงานได้ร่วมกันทำงานอย่างมีระบบ ด้วยข้อมูล และมีความเป็นวิทยาศาสตร์ นี่คือความแตกต่างของการทำงานแบบพรรคประชาชน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อบจราชบุรี #พรรคประชาชน