“ณัฐพงษ์” ย้ำจุดยืนพรรคประชาชนไม่เปลี่ยน ไม่สนับสนุนนายกฯ
จากรัฐบาลข้ามขั้ว ชี้เป็นหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลดัน “ชัยเกษม” เป็นนายกฯ
พรรคประชาชนเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านผลักดันความเปลี่ยนแปลง
พร้อมร่วมมือทุกฝ่ายแก้ไขรัฐธรรมนูญ-ทบทวนอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ
เปลี่ยนเงื่อนไขยุบพรรคสอดคล้องหลักสากล
วันที่
15 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
หัวหน้าพรรคประชาชน และ สส. พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวเรื่องจุดยืนพรรคประชาชนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี
ที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ 16 สิงหาคม
โดยณัฐพงษ์กล่าวว่า
ขอยืนยันอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองของพรรคประชาชน
ยังคงมั่นคงเหมือนเดิมที่เราเคยให้ไว้กับพี่น้องประชาชน เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
รัฐสภามีการพิจารณาให้ความเห็นชอบ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งเราเคยสื่อสารกับพี่น้องประชาชนในฐานะอดีตพรรคก้าวไกล
ว่าเราไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานของพรรคการเมืองที่มีความเชื่อและอุดมการณ์ต่างขั้ว
จะสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ จากการประเมินการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาตลอด
1 ปี ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง
การแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการยกระดับประชาธิปไตย
พวกเรายังคงยืนยันคำเดิม
แม้วันนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนคน
แต่จากข่าวที่ปรากฎ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมมีความประสงค์จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลร่วมกันต่อ
โดยการร่วมกันเสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวน สส.
มากที่สุดในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนเศรษฐา ทวีสิน
ดังนั้น
พรรคประชาชนขอยืนยันว่าเราจะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านโดยไม่มีส่วนในการโหวตสนับสนุน
ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล
ที่ต้องร่วมกันเสนอชื่อและคาดว่าได้มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า
แม้พรรคประชาชนไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ในนามของตนเองได้
แต่ตนมีความพร้อมเข้ามาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
โดยเราต้องการผลักดันอีกหลายเรื่อง
ที่ไม่เพียงแต่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
แต่จะเดินหน้าใช้กลไกลสภาฯ อย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้
ทางพรรคประชาชนขอยืนยันเช่นกัน
ว่าแม้เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน
แต่เรายังมีอีกหลายภารกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
มีอีกหลายวาระที่เราจำเป็นต้องผลักดันร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล
ตัวอย่างสำคัญของวาระดังกล่าว
ซึ่งถูกตอกย้ำให้สังคมเห็นได้ชัดขึ้นตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
เพื่อทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่และโครงสร้างของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
ทบทวนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้เป็นเรื่องของความรับผิดรับชอบทางการเมือง
ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่กลุ่มคนเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสิน ทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรคให้สอดคล้องกับหลักสากล
ซึ่งสามารถดำเนินการได้คู่ขนานกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.
ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด
ดังนั้น
หลังจากนี้ ทางพรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวผ่านกลไกรัฐสภา
และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่
จะร่วมมือกับเราในภารกิจดังกล่าว
เพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดที่เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน