วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565

"ราษฎร" ชุมนุมขับไล่" ระบอบประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ยันอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน "ปูน" ชี้ ประเทศเดินต่อไม่ได้ เหตุ องค์กรถ่วงดุลพังทลาย "มายด์" ลั่น คำวินิจฉัยวานนี้ เหมือนฟืนที่กลับมาจุดไฟอีกครั้งหนึ่ง

 


"ราษฎร" ชุมนุมขับไล่ "ระบอบประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ยันอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน "ปูน" ชี้ ประเทศเดินต่อไม่ได้ เหตุ องค์กรถ่วงดุลพังทลาย "มายด์" ลั่น คำวินิจฉัยวานนี้ เหมือนฟืนที่กลับมาจุดไฟอีกครั้งหนึ่ง 


วันนี้ (1 ต.ค. 2565) ที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไท กลุ่มราษฎร ประกอบด้วยทะลุฟ้า, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, We volunteer (WEVO), เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน พร้อมแนวร่วมเครือข่าย นัดหมายชุมนุม "พอกันที 8 ปีประยุทธ์" สืบเนื่องจากวานนี้ (30 ก.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ซึ่งตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้


สำหรับบรรยากาศการชุมนุมมีการจัดตั้งเวทีพร้อมแขวนป้ายผ้าปรากฏข้อความ "พอกันที8ปีประยุทธ์" เป็นฉากหลังเวที รวมถึงป้ายประยุทธ์ ยุติ (ความเป็นธรรม), รื้อระบอบประยุทธ์กับผองเพื่อนปรสิต, ระบอบประยุทธ์ออกไป ติดอยู่บริเวณโดยรอบ โดยมวลชนทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่ 14.00 น.


เวลา 15.00 น. นายธัชพงศ์ แกดำ ตัวแทนผู้จัดกิจกรรม ยื่นหนังสือแจ้งจัดการชุมนุมต่อ ผกก.สน.พญาไท โดยระบุว่าจะจัดกิจกรรมที่บริเวณนี้ไม่มีการเคลื่อนไปไหน และเริ่มกิจกรรมในเวลา 16.00 น. โดยเป็นการปราศรัยสลับกับดนตรี โดยผู้ปราศรัย อาทิ นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า, นางสาวภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ รวมถึงผู้ปราศรัยจากกลุ่มนักเรียนเลว ที่ตั้งคำถาม 8 ปีอะไรดีขึ้นบ้าง? นักเรียนหลุดระบบการศึกษา 1.9 ล้าน รวมถึงผู้ปราศรัยจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม  สลับการเล่นดนตรีจากวงสามัญชน ซึ่งนายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน รวมดีดพิณ, Rap Against Dictatorship และดนตรีจาก อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ และศิลปินเพื่อราษฎร  


ด้านนายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า ขึ้นปราศรัยคนแรกกล่าวตอนหนึ่งว่า ในวันนี้ประเทศของเราไม่สามารถเดินทางไปข้างหน้าได้ ทั้งในหลักการ และทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับนิติรัฐ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรที่ตรวจสอบในการถ่วงดุลอำนาจ ได้ทำพังทลายลงไปแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศซึ่งกฎหมาย กฎเกณฑ์บางจำพวก ออกมาเพราะผลพวงจากการทำปฏิวัติรัฐประหาร


ประเทศไทยเป็นประเทศที่กฎหมายลิดรอนการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นกฎหมายทางรูปแบบ แต่ขาดด้วยความยุติธรรมในเนื้อหา ศาลรัฐธรรมนูญจึงกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองตัดสินสร้างความชอบธรรมทุกอย่างให้กับเผด็จการอำนาจนิยมได้ครองอำนาจอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่เจตจำนงค์ของกฎหมายก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะอำนาจเผด็จการไม่เคยชนะการเลือกตั้งเลย ดังนั้นจึงออกแบบกลไกรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ


ศาลรัฐธรรมนูญยอมรับประกาศ ยอมรับคำสั่งรวมทั้งกฎหมายสูงสุดที่มาจากคณะรัฐประหาร ศาลรัฐธรรมนูญจึงขาดความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นจากประชาชน และที่สำคัญที่สุดไม่สามารถใช้รัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ทางกฎหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญได้ จากนั้น ปูน ทะลุฟ้า ปูน ได้อ่านบทกวีถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนลงจากเวที


ขณะที่ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ ขึ้นปราศรัยคนสุดท้าย กล่าวว่า "เมื่อวานนี้ เหมือนฟืนที่กลับมาจุดไฟอีกครั้งหนึ่ง" โดยระบุว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่ทุกคนตื่นตัวแล้ว คนในสังคมตื่นรู้ เข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลจะทำเหมือนประชาชนโง่ ไม่รู้เรื่องไม่ได้ อย่าประมาทประชาชน ทุกวันนี้เราเข้าถึงข้อมูลได้


ทำประชาชนสูญเสียคนในครอบครัว เพราะการบริหารงานที่โหลยโท่ยของประยุทธ์ เราย้ำหลายครั้งเหลือเกิน ให้ประยุทธ์ รับผิดชอบกับสิ่งทีทำหน่อย แต่เขาไม่เอาอะไรสักอย่าง ถ้าเราบอกว่าเขาผิด เขาจะจับเรา ถ้าบอกว่าถูก เขาจะยิ้มให้ มันตลกไม่มีผู้นำที่ไหนปฏิบัติกับประชาชนอย่างนี้ คุณไม่ใช่คนของประชาชน แต่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจตัวจริง


ประยุทธ์ทำไม่ได้สักอย่าง ยังมีหน้าอยู่ต่อ ประชาชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ประยุทธ์ และองคาพยพ รัฐธรรมนูญโจร เราไม่เอา


เราแค่อยากมีสิทธิ มีอำนาจกำหนดอนาคตของเรา ทำไมแค่นี้ให้ไม่ได้ ตั้งแต่ยื่นร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เรามีความหวังที่จะกำหนดทิศทางเองบ้าง แต่สิ่งที่รัฐบาลทำคือการปัดตก


ตัวแปรไม่ใช่ใครที่ไหน คือ ส.ว. 250 นั่นแหละ ที่รักษาอำนาจประยุทธ์ไว้เท่านั้น ประชาชนไม่มีโอกาส ถ้าหากประยุทธ์ยังอยู่ โอกาสร่างรัฐธรรมนูญ อาจจะไม่มีเลยก็ได้ เพราะคนพวนี้คอยสกัดกั้นตลอดเวลา


น.ส.ภัสราวลีกล่าวอีกว่า ไม่มีอะไรไว้ใจได้กับรัฐบาลชุดนี้ กฎเกณฑ์ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้หมด นี่คือสิ่งที่เราได้พบเจอ และเราจะออกมายืนหยัด ว่าไม่ต้องการระบอบประยุทธ์ 3ป ที่มากัดกินประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว


หลังจากนี้ไปเราจะยืนหยัดตัวตรง ต่อสู้แย่งคืนอำนาจ อยากรู้เหมือนกัน ใครจะอยู่ใครจะไปก่อนกัน ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย กับเผด็จการ


สิ่งที่มั่นใจได้อย่าง จำนวนฝ่ายประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประชานตื่นรู้ เลือกเอง คิดฝันสิ่งใหม่ ๆ เองเราเข้มแข็งจากตัวพวกเราเอง และทั้งหมดจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ นี่คือสิ่งที่เราจะยืนยันตัวตรง ต่อหน้าคนที่มาไม่ถูกวิธี ยึดดอำนาจมา ขอเวลาไม่นาน สุดท้ายอยู่มา 8 ปี พอสักที เราไม่ต้องการคนอย่างพวกคุณอีกแล้ว


ยุคของราษฎร กำลังจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง จะกลับมาเต็มรูปแบบ วันนี้เรามารวมตัวกัน เพื่อยืนยันว่าไม่เห็นด้วย และประกาศศักดาว่า หลังจากนี้เราจะออกมาอีกเรื่อย ๆ สู้ทุกอย่างจนถึงที่สุด และเราจะไม่ให้หนี ต้องกลับมาชดใช้กรรมที่ทำไว้ เดี๋ยวเราได้เห็นแน่ ๆ หลังจากนี้ กลับไปเตรียมตัวกันให้พร้อม เราจะทำให้เห็นว่า ราษฎรจะไม่ถอยให้ชนชั้นนำแม้แต่ก้าวเดียว ขอให้เชื่อมั่นในอำนาจของตัวเองเข้าไว้ จำไว้ ประเทศนี้เป็นของเรา น.ส.ภัสราวลีกล่าวทิ้งท้าย 


โดยช่วงท้าย ปูน ทะลุฟ้า นำผู้ปราศรัยและผู้ดำเนินรายการทุกคนขึ้นเวที อ่านแถลงการณ์ มีรายละเอียดคือ คำวินิจฉัยกรณีการดำรงตำแหน่งเป็นแปดปี ของพล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่เรื่องแปลกเหนือความคาดหมาย แต่อย่างใด การตีความรัฐธรรมนูญเพื่อจำกัด อำนาจของฝ่ายบริหาร แล้วเพิ่มอำนาจให้ประชาชนเป็นการกระทำที่ง่ายตายอยู่แล้วและเป็นวัตถุประสงค์ที่เราต้องมีศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้กลับไม่ทำ ตรงกันข้ามกลับไปเพิ่มความซับซ้อนที่จะอธิบายให้ได้ว่าหัวหน้าคณะรัฐประหารมีเหตุผลที่เพียงพอที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปจนเกินแปดปีแล้วก็ยังคงอยู่ต่อไปได้อีก 


สาเหตุที่พวกเราไม่ต้องแปลกใจกับคำวินิจฉัยนี้ ไม่ใช่เพราะเหตุผลในทางกฎหมาย แต่เพราะในทางการเมืองชัดเจน แล้วว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีที่มาจากระบบของคสช. โดยชุดปัจจุบันเลือกมาโดย ส.ว. 5 คนเลือกมาโดยสนช. 2 คน ซึ่งทั้ง ส.ว. และสนช. ก็เลือกมาโดยคสช. นั่นเอง พวกเขาจึงทำหน้าที่ปกป้องคสช. อย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่เคยมีคำวินิจฉัย save ประยุทธ์ มาแล้วสามครั้ง ทั้งคดีถวายสัตย์ไม่ครบ คดีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจเหนือการเลือกตั้ง คดีรับผลประโยชน์จากราชการโดยพักบ้านหลวงไม่ยอมออก


ปัญหาที่ใหญ่กว่าการอยู่ยาวของคนคนนี้ในวันนี้ คือ ทางออกจากระบอบผูกขาดอำนาจ ที่องค์กรทั้งหลายมีที่มารวมศูนย์อยู่ที่คนคนเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ประยุทธ์ต้องออกไป แต่ต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ สร้างระบบใหม่ที่องค์กรอย่างศาลรัฐธรรมนูญ จะตรวจสอบอำนาจรัฐไม่ใช่สนับสนุนอำนาจรัฐ 


อีกไม่เกิน  8 เดือนนับจากวันนี้ จะต้องมีการเลือกตั้งและพวกเราพร้อมที่จะไปเลือกตั้งเพื่อสั่งสอนเผด็จการว่าให้รับรู้ว่า พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนน้อยจนน่าอายเพียงใด 


แต่เราก็รู้ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ายังคงถูกควบคุมโดยศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ และกกต. ชุดเดิมที่มาจากระบอบคสช. เช่นเดิม การเลือกตั้งครั้งหน้าไว้ใจไม่ได้เลยว่าการออกกฎกติกา การแบ่งเขตเลือกตั้ง การสั่งลงโทษผู้สมัคร และการนับคะแนนรายงานคะแนนจะเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ดังนั้น การรอคอยวันเลือกตั้งอย่างเดียวจึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะทำ แต่พวกเราจะต้องช่วยกันจับตาการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นให้โปร่งใส เปิดโปงกลโกงและกติกาที่ควบคุมโดยระบอบคสช. สร้างความตระหนักรู้และความตื่นตัวให้กระจายไปทั่วให้พี่น้องประชาชนทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน พร้อมใจกันเดินไปใช้สิทธิเลือกตั้งสั่งสอนเผด็จการอีกครั้งและทุก ๆ ครั้งไปเพื่อยืนยันว่าอำนาจการตัดสินใจในประเทศนี้เป็นของประชาชนมิใช่ของคนที่เขาหลอกลวง


จากนั้นได้ร่วมกันจุดเทียนไว้อาลัยคำวินิจฉัยของศาสรัฐธรรมนูญ และยุติกิจกรรมในเวลา 20.30 น.


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ไม่เอานายกเถื่อน #นายก8ปี #ม็อบ1ตุลา65