วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2565

"อัจฉริยะ" จี้ "ประยุทธ์" ปลดเลขาธิการ ป.ป.ส. ล้มเหลวทุกด้านในเรื่องปราบปรามยาเสพติด ยก 8 ข้อ ส่งผลร้ายต่อประเทศ ต้องรับผิดชอบ

 


"อัจฉริยะ" จี้ "ประยุทธ์" ปลดเลขาธิการ ป.ป.ส. ล้มเหลวทุกด้านในเรื่องปราบปรามยาเสพติด ยก 8 ข้อ ส่งผลร้ายต่อประเทศ ต้องรับผิดชอบ 


วันนี้ (27 ต.ค. 2565) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม เดินทางมา เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เรื่อง ขอให้ปลดเลขาธิการ ป.ป.ส.ในการทำงาน ที่ล้มเหลวทุกด้านในเรื่องยาเสพติด ผ่านทาง ดร.มงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่องไว้


โดยรายละเอียดในหนังสือที่ยื่น ระบุว่า ตามที่ข้าฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้รับ การร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของเลขาธิการ ป.ป.ส. ที่มีผลกระทบเป็นวงกว้างในการปราบปรามยาเสพติดเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่ล้มเหลวทุกด้าน ทำให้ยาเสพติดระบาดอย่างหนักไปทั่วประเทศ และทำให้ประชาชนติดยาเสพติดจนเป็นบ้าถึงขั้นทำร้ายพี่น้องครอบครัว และบุคคลภายนอกรวมทั้งทำลายทรัพย์สินเมื่อมีอาการคลุ้มคลั่ง โดยการทำหน้าที่ของเลขธิการป.ป.ส.ที่ล้มเหลวมีดังต่อไปนี้


1. มีการแจ้งไปยังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่าตรวจพบเคตามีน จำนวน 2 หมื่นกว่าล้าน โดยใช้ test kit ตรวจ และมีการแถลงข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก ตาม เอกสารอ้างถึงข้อ 1 และต่อมาได้มีการแถลงยอมรับความผิดพลาดว่าไม่ใช่เคตามีน แต่กลายเป็นเกลือ สร้างความเสียหายต่อหน่วยงานป.ป.ส. 


2. ไม่มีการสกัดกั้นหรือพื้นที่ห้ามส่งออกสารตั้งต้น โซเดียมไซยาไนด์ ตามเอกสารอ้างถึงข้อ 2 ที่นำมาเป็นส่วนผสมของการผลิตยาเสพติด ปล่อยให้การลักลอบเข้าไปยังประเทศลาว ผ่านพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในจังหวัดบึงกาฬ หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ทำให้ มียาเสพติดทั้งยาไอซ์ ยาบ้า ทะลักมาจากประเทศลาวเข้าสู่พื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 ใน 4 จังหวัดข้างต้น เข้าไปยังพื้นที่ชั้นใน กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมทั้งพื้นที่ภาคใต้หากมีการสกัดกั้นก็จะไม่สามารถนำเข้ายาเสพติดเข้าประเทศได้ง่าย เนื่องจากไม่มีสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดให้กับต่างประเทศตามแนวชายแดน 


3. การอนุมัติคดีสมคบยาเสพติดก็พิจารณาด้วยความล่าช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ทำให้ผู้ต้องหาค้ายา เสพติดสามารถหลบหนีและสามารถโยกย้ายทรัพย์สินได้ 


4. การอนุมัติการยึดอายัดทรัพย์ของขบวนการค้ายาเสพติดที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดทั่ว ประเทศยึดอายัดไว้ตรวจสอบต้องขออนุมัติจากเลขาธิการป.ป.ส. เป็นไปด้วยความล่าช้า 


5. การแก้กฎหมายยาเสพติดคนค้ายาต้องมากกว่า 15 เม็ด ถึงจะเป็นผู้ค้า ถ้าต่ำกว่า 15 เม็ดลงมา ให้ถือว่าเป็นผู้เสพ ทำให้เกิดช่องว่างของขบวนการค้ายาเสพติดรายย่อย นำช่องว่างของ กฎหมายดังกล่าว เมื่อโทษเป็นผู้เสพจึงนำผู้ค้ารายย่อยมารวมกันในศูนย์บำบัดทำให้กลายเป็น ผู้ค้ารายย่อยขยายวงกว้างให้ผู้ซื้อยาเสพติดได้ง่ายขึ้น และทำให้มีผู้ติดยาจำนวนมากขึ้น 


6. การพิจารณางบประมาณให้กับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดก็พิจารณาด้วยความที่ไม่รู้จริง ทำให้หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดขัดแย้งกัน เช่นให้ทหารชายแดนมากกว่า แต่หน่วยงาน ตำรวจให้น้อยกว่า หรือตัดงบทิ้ง ทำให้หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดเกิดความเหลี่ยมล้ำ


7. มีการอวดอ้างว่าสามารถยึดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติดได้มากกว่า 5 พันล้าน ซึ่งข้อมูล ดังกล่าวไม่เป็นความจริง ความจริงไม่มีเงินที่เลขาธิการปปส. ยึดเข้าแผ่นดินได้จริง จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ข้าฯ จึงร้องขอให้ท่านมีคำสั่งปลดเลขาธิการป.ป.ส. เนื่องจาก ล้มเหลวในการปราบปรามยาเสพติดทุกด้าน และประมาทเลินเล่อในการแถลงข่าวเรื่องเคตามีน 2 หมื่นกว่าล้าน ในจังหวัดฉะเชิงเทราอันเป็นเท็จ 


8. ศูนย์บำบัดผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดทำไม่ได้จริง เพราะไม่มีงบประมาณ และสถานที่บำบัด และ ต้องอาศัยโรงพยาบาลในการบำบัดรักษา ซึ่งได้เพียงให้ยามาทาน จึงไม่สามารถรักษาได้ เมื่อขาดยาจึงเกิดอาการบ้าคลั่ง


นายอัจฉริยะ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ย้ำว่า หากปล่อยให้เลขาธิการ ป.ป.ส.ทำหน้าที่ต่อจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและตอนนี้นายกรัฐมนตรีก็ประกาศว่ายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ มองว่าเลขาธิการ ป.ป.ส.คนปัจจุบันเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดยาเสพติด เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ที่เลขาธิการ ป.ป.ส.ทั้งงบประมาณ ในการบำบัดหรืองบประมาณตามชายแดน


ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และขัดแย้งภายในหน่วยงานด้วยกันเอง พวกสารตั้งต้นเหล่านี้หากไม่มีส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่สามารถผลิตยาเสพติดมาส่งที่ไทยได้ หรือทำได้ก็ทำได้น้อย เราเคยจับกุมเมื่อปี 61 ได้ที่อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จากนั้นก็หายเงียบไปเลยไม่มีการจับได้ 


นายอัจฉริยะ ระบุว่า ถ้า ป.ป.ส. มีเลขาธิการที่เก่งทำงานได้ไวทุกอย่างจะดีขึ้น มองว่ามีอย่างที่ไหนไปลดโทษคดียาเสพติด แต่เพิ่มโทษความผิดทางจราจร ซึ่งต้องว่าไปตามกฎกติกา เรื่องนี้เลขาธิการ ป.ป.ส.ต้องรับผิดชอบ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ยาเสพติด