“ประชาชนและเครือข่าย”
อ่านแถลงการณ์ 2 ภาษาหน้าสถานทูตสหรัฐฯ หลังไปยื่นหนังสือที่สถานทูตแคนาดา-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
นัดหมาย 17 พ.ย. ที่แยกอโศก ยื่นหนังสือถึงผู้นำที่มาประชุมเอเปค
วันนี้
(15 พ.ย. 2565) เวลา 10.30 น. กลุ่ม “ประชาชนและเครือข่าย” ทำกิจกรรม “What’s happening in
Thailand” ยื่นหนังสือเกี่ยวกับการประชุมเอเปคและประเด็นที่ต้องการสื่อสารถึงผู้นำประเทศต่าง
ๆ ที่มาร่วมชุมนุม ต่อสถานทูตต่าง ๆ โดยเริ่มจาก สถานเอกอัครราชทูตแคนาดา, สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย,
สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
เรียน
เอกอัครราชทูตประจำประเทศแห่งระบอบประชาธิปไตย
และที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
กลุ่ม “ประชาชนและเครือข่าย” ได้อ่านแถลงการณ์ 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
ในวันนี้เราเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยในปัจจุบัน
และจุดยืนของเราที่มีต่อการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค
ประจำปี พ.ศ. 2565 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ภายหลังการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในปี
2562 ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ปกติส่งผลให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
การกลับมาของรัฐบาลเผด็จการ นำไปสู่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนักเรียน นิสิต
นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ ในปี 2563 ซึ่งมีข้อเรียกร้องที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1.
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและองคาพยพ ต้องลาออก
2.
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ
3.
ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย
การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์
แต่เป็นข้อเรียกร้องเพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและงบประมาณ
เพื่อให้เป็นสถาบันกษัตริย์มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ปัจจุบัน
สถาบันกษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธุรกิจผูกขาดและยังมีบทบาทสำคัญในการผูกขาดธุรกิจจนส่งผลให้ประชาชนต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรงทั่วประเทศ
ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในฐานะสถาบันหลักของชาติ
นำไปสู่การเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ที่เกี่ยวข้องกับ "การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาตรา 112 กลายมาเป็นอาวุธสำคัญของรัฐในการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจการสาธารณะ
(SLAPPs) เนื่องจากการเคลื่อนไหวและการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้นักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย
ตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการใช้ความรุนแรงจากรัฐในรูปแบบต่างๆ
ประการแรก รัฐใช้กำลังและความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุมโดยสันติของประชาชน
ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 526 ราย เสียชีวิต 2 ราย
โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชนที่มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ประการที่สอง
มีการดำเนินคดีมาตรา 112 กับนักกิจกรรมทางการเมืองและประชาชนเป็นจำนวนมาก
อย่างน้อย 217 ราย ใน 236 คดี
ซึ่งจำนวนนี้รวมไปถึงเยาวชนที่ออกมาใช้สิทธิทางการเมืองด้วย นอกเหนือจากนี้
ยังมีการดำเนินคดีอื่น ๆ กับประชาชน เช่น มาตรา 116 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ประการที่สาม ผู้ต้องหาในคดีทางการเมืองเผชิญกับความผิดปกติและไม่ได้รับสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมภายใต้
ICCPR รัฐบาลเผด็จการใช้ตุลาการเป็นเครื่องมือสำคัญในการพิพากษาประชาชน
ที่ผ่านมา ในการพิพากษาคดีทางการเมืองมักมีความผิดปกติต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น
มีการปฏิเสธการให้สิทธิการประกันตัวในคดีทางการเมือง
ซึ่งเป็นสิทธิที่ถูกระบุไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
หรือ ICCPR ที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในภาคี
มีการบังคับผู้ต้องหาในคดีทางการเมืองติดอุปกรณ์ติดตาม หรือ EM ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการประกันตัว ศาลมีการปฏิเสธไม่ให้จำเลยใช้หลักฐานของตนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่มีการพาดพิงในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์
และมีการปฏิเสธไม่อนุญาตให้มีผู้สังเกตการณ์ในการสืบพยานคดีมาตรา 112
มากไปกว่านั้น
นักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย นักการเมือง และ NGOs ไม่น้อยกว่า
30 ราย ตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิมนุษยชน
จากการใช้สปายแวร์ในเครื่องมือสื่อสาร และการแอบติดอุปกรณ์ GPS ในรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อสอดส่องข้อมูลส่วนตัว ดักจับสัญญาณ
และติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชนในทุกย่างก้าว
ดังนั้น
เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในฐานะตัวแทนจากประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
จะมีการพิจารณาถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากรัฐบาลไทยดังที่กล่าวมาในจดหมายฉบับนี้
เพราะเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมเอเปค
ไม่ควรเป็นเวทีในการสร้างความชอบธรรมให้กับผู้นำที่ได้อำนาจมาจากกระบอกปืน
ไม่ใช่อาณัติของประชาชน
ด้วยความเคารพและความหวังเป็นอย่างยิ่ง
ประชาชนและเครือข่าย
ต่อมานักกิจกรรมแจ้งว่า
วันนี้ในเวลา 14.00 น. จะเดินทางไปที่สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเพื่อยื่นหนังสือต่อไป
หลังอ่านแถลงการณ์จบ
ได้มีการนัดหมายกิจกรรมครั้งต่อไปในวันที่ 17 พ.ย. เวลา 12.00 น.
จะมีการเดินขบวนไปยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เดินทางมาร่วมประชุมเอเปค
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #KeepAnEyeOnAPEC2022 #APEC2022