ผู้ว่าฯ
ชัชชาติ เปิด “ราชพิพัฒน์ Sandbox
Model” เชื่อเปลี่ยนแปลงระบบสาธารณสุข เพิ่มประสิทธิภาพ
ตอบสนองชุมชนมากขึ้น เตรียมขยายครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ
วันที่
26 ส.ค. 2565 เวลา 08.00 น. นายชัชชาติ
สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานในพิธีเปิด “ราชพิพัฒน์ Sandbox Model” และติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โดยมี
ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แพทย์หญิงวันทนีย์ วัฒนะ
รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย
ศูนย์บริการสาธารณสุขพื้นที่ สำนักงานเขตบางแค ทวีวัฒนา หนองแขม ตลิ่งชัน
ภาษีเจริญ ผู้แทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ
โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เขตบางแค
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่มีความสุขเพราะหลายๆ อย่างที่เราฝันไว้ตอนที่ทำนโยบาย เพียงแค่
3 เดือนเราสามารถเห็นเป็นรูปธรรมยังไม่น่าเชื่อ โดยความร่วมมือของของทุกฝ่าย
แต่จุดมุ่งหมายหลักคือประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เรื่องสาธารณสุขจึงมีความสำคัญมาก ๆ ของเมือง กทม.เองรับผิดชอบ 100%
ในระดับปฐมภูมิ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ เช่น เรื่อง รถเทเลเมด (telemedicine) ที่สามารถให้รถไปถึงชุมชน คุยกับหมอผ่านชุมชนได้ นี่คือสิ่งที่ต้องทำ
เนื่องจากในอนาคตคงหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
ถ้าเปรียบให้เห็นภาพโรงพยาบาลก็เหมือนกับ ยานแม่ที่ส่งยานลูกออกไปบริการคนในชุมชน
แต่ที่ผ่านมายานลูกเราไม่เข้มแข็ง ดังนั้นทุกคนก็วิ่งมาหายานแม่หมด
สุดท้ายทำให้โรงพยาบาลแออัด เหมือนเราปะทะที่ด่านสุดท้าย
ดังนั้นต้องส่งยานลูกไปปะทะที่ชุมชน ถ้ายานลูกเข้มแข็ง
สุดท้ายแล้วโรงพยาบาลก็จะสบายขึ้น และมีโอกาสดูเฉพาะเคสที่จำเป็น
ประชาชนก็มีความสุขขึ้นเนื่องจากไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล
ผู้ว่าฯ
กทม. กล่าวอีกว่า
ที่ชื่นใจอีกอย่างคือโครงการนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ
ส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่มาร่วมมือกัน
ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เราสร้างความไว้วางใจ สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนได้
มีคนที่จะช่วยเหลือเราจำนวนมาก เพราะทุกคนอยากเห็นเมืองที่ดีขึ้น
ดังนั้นหน้าที่เรา นอกจากทำเรื่องสาธารณสุขแล้ว
อีกหน้าที่หนึ่งคือการสร้างความไว้ใจ ความมั่นใจให้กับภาคเอกชนและประชาชน
“นี่ถือเป็นมิติใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงระบบสาธารณสุขอย่างไม่น่าเชื่อ
ระบบสาธารณสุขจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและตอบสนองประชาชนได้มากขึ้น
แต่ต้องเรียนว่าจะทำเพียงจุดเดียวไม่ได้ หัวใจของ Sandbox คือทำ scale
ให้ได้ ทำอย่างไรให้มีรถ Motor lance 300 คันทั่วกทม. ทำอย่างไรมีรถ Commu-lance 150 คัน ลงไปบริการชุมชนในทุกเขต
ทำอย่างไรให้มีศูนย์เด็กอ่อน 3 เดือน - 2ขวบเพิ่มขึ้นกระจายทุกชุมชน เพื่อให้พ่อแม่ที่มีลูกอ่อนมีความสบายใจในการฝากเลี้ยงลูกอ่อน
สามารถคืนพ่อแม่กลับเข้าสู่ระบบการทำงานซึ่งจะเพิ่มพลังทางเศรษฐกิจขึ้นไปอีก
ต่อไปเมื่อเราพิสูจน์ Sandbox นี้แล้วเราจะ scale หรือขยายผลอย่างไร ดังนั้นต้องให้เห็นผลที่เป็นรูปธรรมที่ขยายผลออกไป 1
เดือนขยายผลถึงไหน 2 เดือนขยายผลถึงไหน และเมื่อไหร่จะครบทั้งกรุงเทพมหานคร ภายใน
1 ปีได้หรือไม่ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทุกคน ขอให้โครงการ “ราชพิพัฒน์ Sandbox
Model” ประสบความสำเร็จแต่ไม่ใช่ตามเป้าหมาย
แต่ให้เกินกว่าเป้าหมายอีก 100 เท่า 1000 เท่า เพราะคือการเปลี่ยนความเป็นอยู่และสุขภาพของคนกรุงเทพฯ
จริงๆ ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้
Sandbox ราชพิพัฒน์ Model เกิดขึ้นด้วยผู้ว่าราชการกรุงทพมหานครมีนโยบายทำให้เมืองเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
โดยมียุทธศาสตร์ 9 ด้าน 9 ดี ในการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
จึงดำเนินการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพโดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์
ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย สำนักงานเขตพื้นที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพ
สถานพยาบาลเอกชน และเครือข่ายภาคประชาชนในเขตพื้นที่ โครงการต่าง ๆ ประกอบด้วย
1.
พัฒนา Excellent
center เวชศาสตร์เขตเมือง ควบคู่การดูแลคนเมือง
โดยพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์สาขาต่าง ๆ
ให้ประชาชนได้รับบริการทั่วถึงและเข้าถึงง่ายมากขึ้น เช่น Service plan โรคเบาหวาน ,โรคหลอดเลือดสมอง ,โรคไต เป็นต้น
2.
เปิดศูนย์เวชศาสตร์เขตเมืองราชพิพัฒน์เพื่อการฟื้นฟูและดูแลผู้ป่วยประคับประคอง
เป็นแห่งแรกของกทม. และสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน โดยเปิด Community IMC บ้านผู้สูงวัยหรีศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพชุมชน กทม. จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ ชุมชน
เพื่อสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชนอย่างเข้มแข็ง เปิดโครงการ Pre-school บ้านเด็กเล็ก กทม. เพิ่มขึ้น และ โครงการนักสืบฝุ่นโดยติดตั้งเครื่องวัด PM2.5 ไว้ในชุมชนทั้ง 5 เขต ติดตามหาสาเหตุของฝุ่นเพื่อป้องกันแก้ไข เป็นต้น
3.
เปิดศูนย์สนับสนุนเวชศาสตร์เขตเมือง หรือศูนย์สนับสนุนบริการคนเมือง
สร้างบริการให้ระบบปฐมภูมิเข้มแข็งโดยใช้หลัก Hi-touch และ Hi-tech ประกอบด้วยระบบเทคโนโลยี และระบบบริการขนส่งสาธารณสุข
โครงการที่ใช้ระบบเทคโนโลยี ประกอบด้วย
3.1 Urban medicine
support center ประชาชนสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพ 24
ชั่วโมงผ่านระบบโทรศัพท์ VDO call center โดย Scan QR
code ในFacebook โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
3.2 Telemedicine ประชาชนสามารถปรึกษา รักษากับแพทย์ผ่านระบบรักษาทางไกล
และใช้ระบบส่งยาไปที่บ้านหรือรับยาร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับสปสช.ในอนาคต
3.3 Telemedicine consult ระบบปรึกษาการรักษาระหว่างพยาบาลและแพทย์ที่คลินิกอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข
และโรงพยาบาลเหมือนทำให้คนไข้ได้รับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น
และลดการส่งต่อการที่ผู้ป่วยต้องเดินทางมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
3.4 Urban medicine home
care ระบบเยี่ยมบ้านและฝากร่างกาย Online เพื่อให้แพทย์พยาบาลที่คลินิกอบอุ่น
ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์
ได้ติดตามอาการคนไข้หลังการรักษาร่วมกัน
และถ้าผู้ป่วยพบปัญหาสามารถโทรปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้ 24 ชั่วโมง
ลดการส่งต่อการที่ผู้ป่วยต้องเดินทางมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
โดยมีการใช้ระบบเทคโนโลยีร่วมกับระบบบริการขนส่งสาธารณสุข
ประกอบด้วย
1.
รถTelemedicine-Ambulance
รับการประสานงานจากศูนย์เอราวัณและเพิ่มช่องทางการติดต่อฉุกเฉินให้ประชาชน
เพิ่มอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้แพทย์รักษาผู้ป่วยได้ถึงที่เกิดเหตุและบนรถฉุกเฉิน
2.
รถ Motor
lance หน่ายเคลื่อนที่เร็วเพื่อประเมินปฐมพยาบาลและกู้ชีวิตรักษาทันทีที่เกิดเหตุ
เข้าถึงชุมชนได้ง่ายรวดเร็วมากขึ้นโดยเฉาพะชุนชนที่รถฉุกเฉินเข้าถึงยากและการจราจรติดขัด
3.
รถ Commu-lance
เหมือนศูนย์บริการสาธารณสุขเคลื่อนที่
เจ้าหน้าที่และรถสามารถเข้าไปบริการผุ้ป่วยถึงชุมชนด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย
สามารถจาะเลือด ตรวจร่างกาย เอ็กซเรย์และปรึกษาแพทย์ได้ด้วยระบบเทคโนโลยี
และใช้ระบบส่งยาไปที่บ้านหรือรับยาร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับสปสช.ในอนาคต
รวมทั้งใช้ระบบบริการขนส่งสาธารณสุข ประกอบด้วย รถรับส่งผู้สูงอายุและผู้พิการ
และรถโดยสาร ชุมชน-โรงพยาบาล ทั้งนี้ การพัฒนา Sandbox ราชพิพัฒน์
Model ตะส่งผลให้ระบบบริการปฐมภูมิมีความเข้มแข็ง
เข้าถึงได้ง่ายและทั่วถึงถึงระดับเส้นเลือดฝอย
ลดความเหลื่อมล้ำและรอยต่อโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการปฏิบัติงาน
และเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์