แลไปข้างหน้ากับ
ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.98
ประเด็น
: คนขี่เสือตัวจริงคือ 3ปและเครือข่าย!
สวัสดีค่ะ
เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองของเรา ณ บัดนี้ เป็นเวลาที่เข้มข้นมากทีเดียว
ดิฉันต้องขอขอบคุณท่านผู้ชมทั้งหลายที่ให้การต้อนรับ โดยเฉพาะ 2 คลิปที่ผ่านมาเป็นจำนวนสูงมาก
ดิฉันก็อยากจะขอเชิญชวนว่าจริง ๆ
แล้วดิฉันได้พูดในเรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์ก่อนหน้านี้
เพราะฉะนั้นถ้าใครมีเวลาก็อยากให้ไปทบทวนดูด้วย
อย่างไรก็ตามดิฉันก็จะเข้าสู่ประเด็นอย่างรวดเร็วเลยนะคะ
ก็คือประเด็นที่เราพูดว่า “คนขี่เสือตัวจริงคือ 3ปและเครือข่าย”
เนื่องจากหลาย
ๆ ส่วนก็อาจจะรู้สึกสบายใจหรือดีใจที่มีคำสั่ง มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาให้
“ประยุทธ์” หยุดทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ดิฉันอยากจะบอกว่า “สงครามยังไม่จบ
อย่าเพิ่งฝังศพประยุทธ์” นี่เป็นแต่เพียงจุดเริ่มต้นอันหนึ่งของสภาวะที่มันเกิดขึ้น
ถ้าท่านผู้ชมย้อนไปดูก็คือว่า
นับจาก 2549 ที่มีการทำรัฐประหารมาจนถึงปัจจุบัน ก็ต้องถือว่าเป็นเวลา 16 ปี 16 ปี
มีคณะรัฐประหารอีกรอบหนึ่ง รอบที่แล้ว ซึ่งตัวพระเอกก็คือ ประยุทธ์ และก็เรียกว่า
3ป คือประยุทธ์ไม่ได้มาคนเดียว แม้ว่าจะมีการปฏิเสธว่า “ผมไม่รู้เรื่อง
คนนี้คนเดียว” อีกคนก็ชูมือขึ้นมาว่า ผมเอง ผมเอง เป็นการเล่นละครตลก
เขาเรียกว่าตลกหน้าม่าน แล้วก็ฮากันทั้งเวทีรัฐสภา คือรู้สึกเป็นตลกน่ารัก
ที่จริงมันเป็นเรื่องที่น่าสมเพชที่สุด ที่จริงต้องบอกว่า “ผมไม่ใช่โจรตัวจริงหรอก
ตัวจริงอยู่ที่นี่” หมายถึงชี้ไปที่ประยุทธ์
นี่ไม่ใช่เรื่องตลก
เพราะโจรปล้นอำนาจประชาชนนั้นมันมีความเสียหาย แล้วก็มีความร้ายแรง
มีทั้งบาปกรรมอะไรต่าง ๆ สูงสุด เพราะว่าประชาชนในประเทศตั้งร่วม 70
ล้านคนถูกปล้นอำนาจ อันนี้มันยิ่งกว่าปล้นทรัพย์สิน หรือว่าไปปล้นธนาคาร
อาจจะคิดว่าตัวเองโก้ แต่ที่จริงนั้น “โจรปล้นอำนาจประชาชน” เลวทรามและร้ายแรงยิ่งกว่าโจรปล้นธนาคารหรือโจรปล้นตามบ้านประชาชน
ไม่นับพวกย่องเบาอะไรต่าง ๆ แต่อันนี้พูดหน้าตาเฉย
ในภาวะที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งออกมาเช่นนี้
หลายคนอาจจะดีใจ คิดว่าประยุทธ์ก็คงจะแย่แน่ หลายคนก็มองไปว่าจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้พิจารณาแล้วลงมติให้พักงาน
5 ต่อ 4 ก็คิดเลยเถิดไปว่า 5 ต่อ 4 ก็คงจะบอกให้ว่ายุติการเป็นนายกฯ ก็คือเลือกเอาว่าปี
2557 เป็นปีเริ่มต้นของการเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะคิดอย่างนั้นนะ
ในทัศนะของดิฉัน
ไม่ว่าผลอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์
ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ถือเอาว่าหมดภาวะ ก็คือเริ่มนับปี
2557 ครบ 8 ปี จะถือเอาปี 2557 เป็นหลัก จะถือเอาปี 2560 เป็นหลัก หรือปี 2562
เป็นหลัก ในทัศนะดิฉันยังไม่ถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของเขา
เพราะว่าดังที่เราตั้งชื่อประเด็นไว้ว่า ผู้ขี่เสือหรือผู้ครองอำนาจตัวจริงไม่ใช่ประยุทธ์คนเดียว
แต่เป็น 3ปและเครือข่าย
แล้วคำว่า
“เครือข่าย” คืออะไร 3ป อาจจะดูออกว่าเป็น 3 คน “เครือข่าย” ในทัศนะของดิฉัน
เครือข่ายที่มีฉันทามติให้มีการทำรัฐประหาร โดยตัวละครสำคัญก็คือ
พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ก็คือเครือข่ายจารีตนิยม อำนาจนิยม
ของชนชั้นนำไทยในระบอบเก่าที่ต้องการรักษาอำนาจ
แล้วก็ลุกขึ้นจัดการกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตั้งแต่ปี 2549
และก็คือเครือข่ายที่สร้างม็อบพันธมิตร คือผู้นำม็อบพันธมิตร ตัวเองก็เสียประโยชน์จากรัฐบาลทักษิณ
ก็คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วก็เครือข่ายจารีตนิยมที่เสียประโยชน์
พรรคการเมืองที่เสียประโยชน์ก็รวมหัวกัน มาจนกระทั่งการทำรัฐประหารปี 2557
โดยที่พรรคการเมืองประชาธิปัตย์แพ้ในรัฐสภาอย่างย่อยยับ
ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้แล้วในรัฐสภาก็ลงสู่ท้องถนน
ดังนั้น
การขยับของฝ่ายจารีตนิยมตั้งแต่ปี 2549
จึงเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการเผชิญหน้ากับอำนาจประชาชน
เผชิญหน้ากับตัวแทนที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาขนานนามว่านายทุนสามานย์
มาจนกระทั่งบัดนี้ รัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ หรือการทำรัฐประหาร 2 ครั้ง
และการสร้างเครือข่ายให้แข็งแรงขึ้น ทั้งหมดยังอยู่ในเรื่องเดิม จากปี 2549 มาจนถึงทุกวันนี้
แน่นอน! เปลี่ยนคนทำรัฐประหาร เปลี่ยนพรรคการเมือง เปลี่ยนศาลรัฐธรรมนูญ
เปลี่ยนรัฐธรรมนูญ แต่ว่าโดยเนื้อหา ความขัดแย้ง ยังเป็นความขัดแย้งแบบเดิม ที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือเครือข่ายจารีตอำนาจนิยมต้องการครองอำนาจตลอดไป
ไม่ใช่ 8 ปี บางคนก็เขียนเป็นอินฟินิตี้ ∞ เครื่องหมายที่แสดงถึงยืดยาวตลอดไป
เพราะฉะนั้น
ถ้าเราเข้าใจกันตรงกัน ทัศนะของดิฉันบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยนะคะ
แต่ดิฉันคิดว่าจากการวิเคราะห์สังคมไทยมายาวนานหลายสิบปีและความเป็นจริงที่ปรากฏนั้น
ต้องยอมรับว่าอำนาจของเครือข่ายจารีตนิยมที่ต้องการครองอำนาจเดิม
และปฏิเสธอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ของประชาชนตั้งแต่ 2475 มาจนถึงปัจจุบันนั้น
มันยังดำเนินอยู่ มีขึ้น มีลง แต่ช่วงขาขึ้นจาก 2549 ก็ไม่ยอมลง
ก็แปลว่าไม่ยอมลงจากหลังเสือจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแค่เขาให้พักงานชั่วคราว
การให้พักงานมันไม่ได้หมายความว่าเป็นความพ่ายแพ้ หรือว่า พล.อ.ประยุทธ์
จะต้องลงจากหลังเสือ มันไม่ได้เป็นความพ่ายแพ้ของ 3ป ไม่ได้เป็นความพ่ายแพ้ของประยุทธ์
และที่สำคัญคือยังไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของเครือข่ายอำนาจจารีตนิยม
ถ้าเราสังเกต
เราจะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถผ่านคดีศาลรัฐธรรมนูญมาได้ตั้ง 4 คดี
มาคดีนี้เป็นคดีที่ 5 ตั้งแต่คดีที่ 1 เมื่อ 2562 เรื่องของการถวายสัตย์ไม่ครบ
คดีที่ 2 ในกรณีตำแหน่งอดีตคสช.เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือเปล่า?
คดีนี้น่าสนใจมากที่คำตัดสินเขียนไว้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก
บอกว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเหตุผลของศาลรัฐธรรมนูญว่า
ตำแหน่งหัวหน้าคสช. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผลมาจากการยึดอำนาจ
เป็นการใช้อำนาจรัฎฐาธิปัตย์ของคำสั่งคสช. ไม่อยู่ภายใต้บังคับของรัฐ และไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย
หมายถึงกฎหมายปกติ ดังนี้เป็นต้น อีกข้อก็คือหัวหน้าคสช.มีอำนาจชั่วคราว
แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งดิฉันเองเคยไปเห็นในเพจของคุณประยุทธ์
ตั้งแต่ตอนที่เป็นคสช. ก็เขียนคำว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาตลอด คดีที่ 3 บ้านพักหลวงผลประโยชน์ทับซ้อน
ก็หลุด คดีที่ 4 ใช้อำนาจขยายสัมปทานรถไฟฟ้าโดยการใช้มาตรา 44 ก็หลุด นี่คือคดีที่
5 ที่ให้พักงานตำแหน่งนายกฯ
ดังนั้นเราจะเห็นว่า
4 คดี ก็เป็นคดีหนัก ๆ นะ ยังผ่านมาได้เลย เพราะฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ที่ขี่เสืออยู่แล้วก็ผ่านมาอย่างเรียกว่าได้ยาวนาน
นั่นหมายความว่าไม่ใช่พลังของประยุทธ์คนเดียว และไม่ใช่พลังของ 3ป เท่านั้น ถามว่านาทีนี้
3ปและเครือข่ายจารีตนิยมมีอะไร? ก็คือโอเคประยุทธ์สลับ
ถ้าขี่เสือก็คือจากนั่งข้างหน้าก็มานั่งหลัง ให้พล.อ.ประวิตรมานั่งข้างหน้าแทน
หรือเปล่า? ในช่วงเวลานี้ ก็เรียกว่าเป็นการย้ายตำแหน่งจากเก้าอี้นายกฯ
มาอยู่แค่รัฐมนตรีกลาโหม แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม
แล้วก็ดีไม่ดี
ต่อให้ตัดสินว่าประยุทธ์หมดโควตาแล้วนับตั้งแต่ปี 2557 ครบ 8 ปี
คุณประยุทธ์ก็ยังรักษาการได้ เพราะว่าอีกไม่นานมันก็จะหมดวาระอยู่แล้ว
เพราะว่ากว่าจะได้นายกฯ คนใหม่ก็คงยาก เพราะวุฒิสมาชิกก็ยังอยู่ในเครือข่าย
พปชร.เป็นพรรคใหญ่ก็อยู่ในเครือข่าย พรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ จะเป็นประชาธิปัตย์,
ภูมิใจไทย และอื่น ๆ ก็ยังอยู่ในเครือข่าย 3ปและเครือข่ายของจารีตนิยม
ดังนั้นถามว่า
เขาลงจากหลังเสือแล้วหรือยัง? ไม่ได้ลง!!! ยังขี่อยู่ พร้อมด้วยพลานุภาพ
ทั้งองค์กรอิสระทั้งหลาย ถ้าพวกท่านจำได้ว่า
กกต.ทำยังไงในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว จนพปชร.สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ก็จะเห็นอานุภาพปาฏิหาริย์ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มันไม่ได้หมายความว่าประยุทธ์
เมื่อถูกตัดสินให้พักจะแปลว่าจะต้องหลุดจากตำแหน่ง อันนี้ไม่ได้แปลอย่างนั้น เพราะว่า
5:4 มันยังไม่ได้บอกอะไร บอกว่าให้หยุดเอาไว้ก่อน ซึ่งมันอาจจะเพื่อผ่อนคลายเรื่องราวให้มันลดลง
พูดตรง ๆ ว่าให้ไม่ใช่พุ่งเป้ามาเล่นงานศาลรัฐธรรมนูญ ก็คือรับไว้แล้ว
แล้วก็ให้พักงาน เพราะยังมีความสุ่มเสียง ก็ยังไม่รู้ว่าผลตัดสินจะเป็นอย่างไร
จะมีปัญหาในการทำงาน ก็จะแปลกอะไร ก็สลับโต๊ะนั่ง ไปนั่งอีกที่หนึ่ง
ก็ให้คุณประวิตรมาทำแทน 3ป ที่มีประวิตรรักษาการนายกฯ กับ 3ป ที่ประยุทธ์เป็นนายกฯ
หรือรักษาการนายกฯ ต่อไป ก็เหมือนกัน! ไม่ได้ทำให้อำนาจของ
3ป ลดลง อาจจะแข็งแรงขึ้น เพราะว่าพล.อ.ประวิตร อาจจะมีความนุ่มนวลมากกว่า
และอาจจะคุมเสียงในรัฐสภา และมีสัมพันธภาพกับพรรคการเมืองอื่นหรือคนอื่น ๆ
ได้ง่ายกว่าพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้
เพราะฉะนั้น
ไม่มีนัยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใด ๆ และแม้กระทั่งเมื่อตัดสินว่า “หลุด”
เพราะในขณะนี้ทัศนะดิฉันนะ ถ้าออกมาทางว่านับปี 2560 ซึ่งก็หมายความว่าหมดอายุปี
2568 ก็ไม่ควรจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ต่อไปอีกแล้ว แต่ว่าในทางความเป็นจริง
ไม่ว่าจะเป็นปัญหากฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นความชอบธรรม มัน 8 ปีแล้ว!
ถ้าคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีผลประโยชนืหรือไม่มีโทษอันใด
ไม่มีผลประโยชน์อันใดที่จะอยู่ต่อ ไม่มีโทษอันใดที่จะกลัวการลงจากอำนาจ
เขาไม่อยู่ให้คนด่าทั้งประเทศอย่างนี้หรอก! แต่นี่มันต้องมี!!! ดังที่เราบอกว่า คือกลัวเสือกัดขนาดหนักเลยหรือเปล่า?
เพราะฉะนั้น
เพื่อเป็นการให้เข้าใจในแง่มุมของ อ.ธิดา ก็คือ เราต้องตระหนักว่าประยุทธ์ไม่ใช่ตัวเอก
และไม่ใช่ทั้งหมดของการที่ปล้นอำนาจประชาชนไป
หรือเป็นเจ้าของอำนาจที่แย่งไปจากประชาชน แต่เป็นตัวละครที่สำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งก็มีเครือข่ายของตัวเองทับซ้อนอยู่
แต่ความที่มีเรื่องราวของตัวเองเสียหายมาก ถ้าหากว่าไม่ได้ยึดกุมอำนาจ
นี่ก็จะเป็นปัญหาของฝั่งจารีตนิยมกันเองว่าคุณจะจัดการยังไง?
ในเมื่อตัวเอกตัวนี้คนเบื่อ คนเกลียด และคนไม่อยากให้อยู่ต่อ
แล้วคุณจะบังคับต่อให้ลง จะบังคับได้มั้ย? เพราะว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว
เขามาพร้อมกับ 2ป และเครือข่าย ซึ่งยังทิ้งกันไม่ได้
แต่ดิฉันคิดว่าในส่วนประชาชนที่สำคัญ
ซึ่งจริง ๆ ควรจะให้เวลาตรงนี้มากสักหน่อยก็คือ นี่เป็นโอกาสทองของประชาชนในท่ามกลางความขัดแย้ง
16 ปีที่ผ่านมา
เป็นโอกาสทองของประชาชนในการที่จะใช้เวลาอันนี้ขยายผลของความเลวร้าย
ความชั่วร้ายของการปล้นอำนาจประชาชน แล้วทำให้ประชาชนและประเทศชาติเสียหายย่อยยับ
ในรอบเอา 8 ปีหลังก็ได้ แต่จริง ๆ มันเริ่มมา 16 ปีแล้ว เอา 8 ปีหลังก็ได้
ดิฉันเชื่อว่านี่เป็นโอกาสทอง
เพราะว่าคนจะเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ว่าในมุมของความชอบธรรม
ไม่ว่าในมุมของขีดความสามารถในการบริหาร ในการจัดการเพื่อที่จะให้ประเทศเจริญ
หรือในแง่ที่จะทำให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี ประเทศเดินหน้าได้ มันเดินหน้ายาก
เดินหน้าลำบากมาก ด้วยขีดจำกัดของความสามารถของผู้บริหารที่มาจากการคัดเลือก
มาจากฉันทานุมัติของเครือข่ายจารีตอำนาจนิยม
คำถามคือระบอบที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
เมื่อมันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย คนจำนวนหนึ่งนั้นรู้ แต่คนจำนวนหนึ่งอาจจะยังเคยพอใจกับระบอบที่มีการครองอำนาจของฝ่ายจารีตนิยมอยู่
หรือพรรคจารีตนิยมได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล อาจจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ชอบเช่นนั้น แต่ดิฉันเชื่อว่านี่เป็นโอกาสทอง
อยากให้ประชาชนและรวมทั้งเยาวชนทั้งหลายได้ใช้โอกาสอันนี้ในการเปิดโปง ในการขยายผล
ทำให้ประชาชนไทยหูตาสว่างมากขึ้น
คือเราส่งคบเพลิงและเทียน
แสงสว่าง เข้าไปทุกที่ที่เป็นที่มืด ให้เขาได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไร
ถ้าบอกว่าเขาตาไม่สว่างก็ส่งความสว่างไปในทุกที่ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ
ไม่มีคุณค่าอะไรจะมาเทียบได้กับการยกระดับให้ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจความเป็นจริง
ไม่ใช่เรื่อง IO ไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เปิดเผยทำความจริงให้ปรากฏว่าประเทศนี้มันถูกปล้นอำนาจ
แล้วมันถูกเอาไปจัดการ ปล้นทรัพย์สิน ปล้นอำนาจประชาชน แล้วทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร
“เสือ”
ต้องเป็นเสือสู้ ไม่ใช่เสือที่นอนหลับ เขาอาจจะคิดว่าเสือพวกนี้กินกัญชาหรือยังไง?
หรือว่ากินยานอนหลับหรืออย่างไร? ตอนนี้ความแตกแยกภายในในหมู่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
อำนาจนิยมด้วยกันก็มี เพราะเขากลัวว่าจะพากันตายทั้งหมด ดังนั้นก็อาจจะมีความพยายามในการที่จะเปลี่ยนตัว
แต่คำถามว่าแล้วยอมมั้ย? ดูแล้วเหมือนไม่ยอม ใครบอกให้ลาออกก็ไม่ลา
ใครบอกให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่เป็นไรสลับเก้าอี้ก็ได้ ไปนั่งอยู่กระทรวงกลาโหมก็ได้
ไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าถือว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน อำนาจยังอยู่ในมือของตัวเอง
ดิฉันไม่สนใจ!
และดิฉันชอบใจที่เขา “ดื้อ” อยู่อย่างนี้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องง่าย
นี่จะเป็นกรณีที่ง่ายที่สุดสำหรับประชาชนในการที่จะเรียนรู้
ในการที่จะเข้าใจและขยายผล และทำให้ฝ่ายประชาชนเติบใหญ่
เป็นเวลานาทีทองของประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ขอให้พวกเราทุกคนได้ตั้งใจว่านี่เป็นเวลาดีที่สุด!!!
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศแบบเขา
ด้วยการใช้อาวุธ
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศ
ด้วยการใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบ้าบอแบบเขา
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศ
โดยการมีองค์กรอิสระ หรือมีผู้มีอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่ง
เรามีอย่างเดียว
อาวุธที่สำคัญที่สุดคือประชาชนข้างมากที่สุดที่มีหัวใจที่รักความยุติธรรมและรักการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้นดิฉันถือว่า ในด้านหนึ่งอาจจะดูเหมือนกับว่าเรายากลำบาก
แต่ตอนนี้เป็นเวลาดีที่สุดที่จะทำให้ประชาชนในประเทศเข้าใจและสามารถขยายตัวเติบใหญ่ได้
ดังนั้น
ไม่ต้องไปสนใจว่าจะตัดสินอย่างไร หน้าที่ของเราก็คือ เป็นเสือสู้ค่ะ
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #8ปีประยุทธ์