วงเสวนาครบรอบ
2 ปี “Wevo” ประเด็นขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ถอดบทเรียนอดีต วาดทิศทางอนาคต “ใบตองแห้ง”
มองความหลากหลายของประชาธิปไตยคือจุดแข็ง ชี้คนรุ่นใหม่กล้าคิดต่างสร้างบทสนทนา “ประภาส”
มองอุดมการณ์ไม่มีสำเร็จรูป แนะร่วมกันสร้าง/ขยายแนวร่วม “กนกรัตน์”
ชวนตั้งคำถามชีวิตหลักม็อบ ก้าวสู่ชัยชนะระยะยาว
วันที่ 13 ส.ค. 2565 ที่ The Jam Factory เขตคลองสาน กลุ่ม We Volunteer จัดงาน “2nd Anniversary Schedule of We volunteer” : ครบรอบ 2 ปีการก่อตั้งกลุ่ม We Volunteer มีการจัดเสวนา “การเดินทางของการเคลื่อนไหวจากอดีตถึงปัจจุบัน” จากนักวิชาการผู้มีประสบการณ์ในการต่อสู้บนท้องถนนมายาวนาน เพื่อถ่ายทอดมุมมองและบรรยากาศของขบวนการภาคประชาชนในแต่ละยุคสมัย
***อุดมการณ์ที่พลิกโฉม***
“อธึกกิต
แสวงสุข” ผู้ดำเนินรายการ “ใบตองแห้ง” วอยซ์ทีวี กล่าวถึงขบวนการเคลื่อนไหวในสมัย
6 ตุลาฯ เป็นขบวนการจริง ๆ มีความคิดชี้นำ เป้าหมายเชิงอุดมการณ์ที่ชัดเจน
และมีรูปแบบของสังคมในอุดมคติ
ซึ่งส่วนหนึ่งมีอิทธิพลมาจากแนวคิดแบบสังคมนิยมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ที่มีสังคมในรูปแบบที่อยากเห็น
ขณะเดียวกันก็ได้รับผลสะเทือนจากยุคแสวงหาของโลกตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา
ฝรั่งเศส ด้วย เช่นการต่อต้านสงครามเวียดนาม
ซึ่งการชุมนุมมีข้อเรียกร้องในภาพใหญ่คือต่อต้านเผด็จการ
ไปจนถึงเรื่องใกล้ตัวอย่างการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวนา ชนชั้นกรรมาชีพ
โดยมองว่าแตกต่างจากขบวนการในยุคปัจจุบัน ทั้งทางทฤษฎีการเมือง และการวางยุทธวิธี
“พอเราตัดฉับมาโลกปัจจุบัน
เราไม่ได้ต้องการอุดมการณ์แบบนั้น เราต้องการประชาธิปไตยที่มีความหลากหลาย
มีอิสระเสรีภาพ มีเพศหลากหลาย มีอะไรต่าง ๆ ผมไปม็อบแล้วก็ทึ่ง
เพราะผมก็เห็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่มีวันเป็นแบบรุ่นผม คือย้อมผมสีแดงบ้าง ฟ้าบ้าง
ไปม็อบ รุ่นผมไม่มี แต่เด็กรุ่นนี้ โดนจับไม่เห็นกลัวเลย ดู เมนู, บุ้ง, ใบปอ สิ
เขามีความกล้า เป็นตัวของตัวเอง เขาเถียงกันได้
และยุทธวิธีในการจัดม็อบคนละโลกกับเราเลย เด็กสมัยนี้อ่านหนังสือมากกว่าผมสักพันเท่าหมื่นเท่าได้
ความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ เราตามไม่ทัน
แต่ผมยอมรับว่าเป็นองค์กรจัดตั้งไม่ได้ เพราะไม่สามารถสร้างอุดมการณ์เหมือนในอดีต
ที่มีอุดมการณ์สังคมนิยมแข็งแรงไม่ได้ จะบอกว่าเป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งก็ไม่ได้
คงต้องแสวงหา เพราะโลกสมัยนี้ไม่น่าจะมีอุดมคติตายตัว แบบที่เราฝันถึงในอดีต
ประชาธิปไตยปัจจุบันต้องการอะไรที่นับได้ เช่น รัฐสวัสดิการ”
อย่างไรก็ตาม
อธึกกิต มองว่า นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2557
ได้ทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขถอยหลังกลับไปสู่กึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ใช้อำนาจบีบบังคับคน
ซึ่งขัดแย้งกับโลกสมัยใหม่ที่ไปข้างหน้า จึงเกิดพลังปะทุ
แต่ไม่ได้เป็นพลังที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงในเชิงอุดมคติแบบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ในอดีต
และไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นด้วย เพราะภายในกระบวนการมีความหลากหลายมาก และในขั้วประชาธิปไตยก็มีการถกเถียงกันตลอดเวลา
ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมที่มีความหลากหลาย
และเป็นจังหวะของสังคมที่กำลังรอจุดเปลี่ยนบางอย่างอยู่
***ผสานทิศทาง-ขยายแนวร่วม***
“ประภาส
ปิ่นตบแต่ง” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า
งานของการ์ดชุมนุม เป็นงานปิดทองหลังพระ ที่ไม่ค่อยมีใครอยากมาทำ
เพราะเป็นงานคอยเก็บกวาดเบื้องหลัง ไม่ได้เหมือนงานเปิดหน้าอย่างแกนนำ
แต่ขบวนการทุกรูปแบบล้วนต้องการอาสาสมัครเพื่อทำงานลักษณะนี้ สำหรับคำว่า ม็อบ มาจากคำว่า Mobilize หรือการเคลื่อนไหวที่มาจากการจัดตั้ง ปลุกระดม ถูกชักใย
ไม่ได้มาจากความเดือดร้อนแท้จริง ตามคำนิยามของฝ่ายความมั่นคง
ซึ่งมีความหมายค่อนไปในเชิงลบมานาน จึงมีความพยายามหลีกเลี่ยงใช้คำว่า ม็อบ
ในทางวิชาการ ซึ่งการใช้คำว่าม็อบก็สะท้อนโครงคิดของรัฐ
เพื่อสร้างความชอบธรรมในการสลายการชุมนุมได้
อย่างไรก็ตาม
ประภาส มองการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ว่า
สามารถถอดบทเรียนจากการชุมนุมของสมัชชาคนจนได้
คือข้อเรียกร้องยังคงเป็นปัญหาเฉพาะหน้า คือปัญหาปากท้องการทำกิน
ไม่ถึงในระดับโครงสร้างสังคม จึงอาจเกิดปัญหาเรื่องการระดมมวลชนได้ไม่กว้างขวางเท่าที่ควร
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการขยายเครือข่ายการเคลื่อนไหวให้กว้างขึ้นไปกว่าที่มีอยู่
หลังจากรัฐที่ปราบปรามอย่างหนัก
ก็เริ่มเห็นความเชื่อมโยงของประเด็นและข้อเรียกร้องต่าง ๆ
เพราะระบอบเผด็จการกดทับและสร้างความเดือดร้อนทุกส่วน
ในเวลานี้ได้เห็นความเดือดร้อนที่คล้ายกันมากยิ่งขึ้น
“เดิมเรามีคำว่าอุดมการณ์ซึ่งแข็งทื่อ
แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า ไม่มีอุดมการณ์ที่สำเร็จรูป
ข้อเรียกร้องไม่ได้เกิดจากความสำเร็จรูป แต่เป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ สร้างขึ้นมา
ซึ่งทั้งโลกก็เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะพื้นที่บนอินเทอร์เน็ตให้คนพูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่าจะเอาประชาธิปไตยแบบไหน
ปฏิรูปหรือไม่ กระบวนการนี้ ผมคิดว่าสำคัญและเป็นลักษณะใหม่ เมื่อเป็นสำเร็จรูป
ทุกคนก็อกหัก แต่พอเป็นกระบวนการสร้างและถกเถียงกันมาเรื่อย ๆ
ผมว่าสิ่งนี้จะอยู่อย่างยาวนาน แต่จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่อีกหลายปัจจัย”
***จุดเด่นของขบวนการปัจจุบัน***
“กนกรัตน์
เลิศชูสกุล” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวถึงบรรยากาศความเคลื่อนไหวในสมัยเสื้อแดง-เสื้อเหลือง
ซึ่งมีกระแสต่อต้านนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง จุดประกายจากแนวคิดของ เกษียร
เตชะพีระ ที่วิจารณ์ระบบเลือกตั้งว่าไม่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง
และสนับสนุนประชาธิปไตยทางตรงคือการขับเคลื่อนของภาคประชาชน
นักวิชาการหัวก้าวหน้าในยุคนั้นจึงต้องต่อต้านนักการเมืองจากการเลือกตั้ง
โดยเฉพาะช่วงรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เติบโตและมีอำนาจขึ้น
ในช่วงนั้นประชาชนยังจินตนาการระบอบเผด็จการทหารไม่ออก จึงไม่เกิดการตั้งคำถาม
กระทั่งจุดเปลี่ยนคือมาตรา 7 เรื่องการถวายคืนพระราชอำนาจ
ซึ่งนำมาสู่ขบวนการคนเสื้อแดง ซึ่งโจทย์ทางการเมืองซับซ้อนขึ้นมากกว่ายุคที่ผ่านมา
กนกรัตน์
ยังมองถึงความก้าวหน้าของการเคลื่อนไหวในแต่ละยุค โดยมองว่า
ชีวิตการต่อสู้ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่เป็นการดิ้นรนตลอดชีวิต
มีความต่อเนื่องที่ไม่เหมือนกับคนรุ่น 6 ตุลาฯ หรือพฤษภาฯ อย่างมาก แต่เน้นย้ำว่า
คนรุ่นใหม่ไม่ควรจะกังวลว่า ความแตกต่างหลากหลาย หรือการถกเถียง
ไม่เป็นอันหนี่งอันเดียวกัน เป็นปัญหา เพราะความเป็นจริงแล้วมี 2
เรื่องที่เป็นข้อจำกัดของพวก คือ การสร้างเครือข่ายนอกกลุ่มเยาวชน
เพราะบอกเลยว่าไม่มีขบวนการเยาวชนที่ไหนในโลกที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เข้มแข็งใหญ่โตได้
เป็นไปไม่ได้หรอก
ชัยชนะจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อการเคลื่อนไหวทำงานร่วมกับพรรคการเมือง
ร่วมกับมวลชนชายขอบ ซึ่งไม่ได้ต้องอาศัยองค์กรคนรุ่นใหม่ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ต่างคนต่างทำอาจจะเป็นจุดเด่นสำคัญมากกว่า
“ประเด็นที่
2 คือชีวิตหลังม็อบ เป็นเรื่องสำคัญที่สุดต่อชัยชนะของขบวนการประชาธิปไตย
ไม่มีวันที่ใครจะชุมนุมใหญ่ไปตลอด 4-5 ปีติด
และการมีชุมนุมไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ
ความสำเร็จเกิดขึ้นหลังชีวิตของคนที่เคยชุมนุม มันนำไปสู่อะไรต่อจากนั้น
ไปสร้างประชาธิปไตยในรูปแบบอื่นๆ อย่างไร
คนรุ่นคุณหลังจากนี้จะไปทำงานกับพรรคการเมืองไหม
จะไปสร้างขบวนการเคลื่อนไหวในประเด็นของตัวเอง
จะไปทำงานการศึกษากับคนรุ่นใหม่มากน้อยแค่ไหน นี่คือตัวชี้วัดที่สำคัญของชัยชนะในระยะยาว”
กนกรัตน์ กล่าว
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์
#2ปีWevolunteer #Wevo #Wevolunteer