วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563

กลุ่มลูกทุเรียนนนท์ต่อต้านเผด็จการ จัดกิจกรรม “ทุเรียนนนท์ไม่ทนเผด็จการ” ภายใต้ #ให้มันจบที่รุ่นเรา


กลุ่มลูกทุเรียนนนท์ต่อต้านเผด็จการ จัดกิจกรรม “ทุเรียนนนท์ไม่ทนเผด็จการ” ภายใต้ #ให้มันจบที่รุ่นเรา / ถึงฝนตกก็ไม่กลัว / ผู้ปราศรัยหลัก “เพนกวิน” ถูกจับ ก็ยืนยันจัดต่อ / ย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง “หยุดคุกคามประชาชน-ร่างรธน.ใหม่-ยุบสภา” / เจอกันแน่ 16 ส.ค. นี้

ยูดีดีนิวส์ : 14 ส.ค. 63 เวลา 16.00 น. กลุ่มลูกทุเรียนนนท์ต่อต้านเผด็จการ นัดหมายทำกิจกรรม ทุเรียนนนท์ไม่ทนเผด็จการ โดยติด #ให้มันจบที่รุ่นเรา ปรากฏว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดฝนตกหนักมาก ทางผู้จัดงานได้ประกาศเลื่อนไปเป็นเวลา 17.30 น. โดยได้มีการกำหนดผู้ปราศรัยหลักคือ พริษฐ์ ชีวารักษ์ (เพนกวิน) และนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง (ไบรท์)

ต่อมาได้ทราบข่าวการถูกควบคุมตัว “เพนกวิน” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.ปากเกร็ด ผู้จัดจึงเรียกร้องพี่น้องที่สะดวกให้เดินทางไป สภ.ปากเกร็ด หรือ สน.สำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นต้นเรื่องที่ออกหมายจับ สำหรับเวทีปราศรัยที่นนทบุรีนี้ยืนยันจะปราศรัยต่อไปแม้จะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่งอันเนื่องมาจากเหตุฝนตก โดยมีผู้ปราศรัยจากหลากหลาย อาทิ นักเรียนในจังหวัดนนทบุรี, ประชาชนชาวนนทบุรี, กลุ่มนักศึกษาจากภาคีนักศึกษาศาลายา, นักศึกษาธรรมศาสตร์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นต้น

การปราศรัยท่ามกลางสายฝนวันนี้ ตัวแทนนักเรียนได้ตั้งคำถามว่าประเทศไทยเคยมีคำว่าประชาธิปไตยด้วยหรือ? สิ่งที่คนที่มีอำนาจอยู่เหนือกฎหมายมันเรียกว่ายุติธรรมหรือ? ทั้ง ๆ ที่ทุกคนต้องมีคุณค่าความเป็นคนเหมือนกัน และตนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 ที่ร่างด้วยคนที่ประชาชนเลือกมา

ผู้ปราศรัยอีกท่านขึ้นกล่าวถึงความไม่ยุติธรรมในสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ที่ออกมาเรียกร้องเคลื่อนไหวต่อต้านและเห็นต่างจากรัฐบาลมักถูกคุกคามและดำเนินคดีต่าง ๆ มากมาย โดยหลังจากวันที่ 18 ก.ค. เป็นต้นมา มีสถิติการคุกคามประชาชนผู้เห็นต่าง 78 ครั้ง เปิดเผยได้ 63 ครั้ง เป็นนิสิตนักศึกษา 22 ครั้ง เป็นนักเรียน 22 ครั้ง และเป็นประชาชนธรรมดา 19 ครั้ง ถามว่านี่เป็นประเทศประชาธิปไตยหรือ?

จากนั้นนายชินวัตร (ไบรท์) ได้กล่าวว่าตนเกิดมาเจอการปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารถึง 2 ครั้ง คือปี 19 ก.ย. 2549 และ 22 พ.ค. 2557 ซึ่งไม่ได้ทำให้ประเทศชาติพัฒนาทั้งการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมได้เลย สิ่งสำคัญที่สุดคือหนึ่งในข้อเรียกร้องในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยมี สสร. ที่ยึดโยงกับประชาชนเป็นผู้ร่าง หรือให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้

ต่อมาประชาชนในจังหวัดนนทบุรีอีกท่านหนึ่งได้กล่าวว่าที่ตนออกมาเพราะไม่ไหวกับรัฐบาลชุดนี้ และเรียกร้องให้ประชาชนอย่าโดดเดี่ยวนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กล้าแสดงออกและออกมาเรียกร้องในขณะนี้ ขอประชาชนให้การสนับสนุนนักศึกษาเหล่านั้นด้วย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงเล็ก ๆ จากนักเรียนนักศึกษากลุ่ม Coconut Republic ต่อด้วยการปราศรัยว่า กลุ่มของตนให้ความสำคัญกับการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะหากยุบสภาไปแล้วมีเลือกตั้งใหม่ ถ้ายังไม่มีรัฐธรรมนูญใหม่ ผลลัพธ์ก็จะยังเป็นเหมือนเดิม โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน มาจากประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องไม่มี 250 ส.ว. ที่เข้ามาโหวตนายกฯ และสุดท้ายให้หยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาปราศรัยข้อเรียกร้องต่าง ๆ จากรัฐบาล

ผู้ปราศรัยสุดท้ายคือนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวถึงปัญหาสำคัญของประเทศคือการยึดอำนาจการทำรัฐประหารและความพยายามต่าง ๆ ในการสืบทอดอำนาจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญ 60 หรือร่างกฎหมายต่าง ๆ ดังที่เห็นในปัจจุบัน

อีกประการหนึ่ง “ความอยุติธรรม” ในสังคมไทย ยกตัวอย่างกรณีนายบอส อยู่วิทยา ส่วนตนเองถูกหมายเรียกกรณีไปหน้าสถานทูตกัมพูชาเรื่องนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ถูกอุ้มหาย กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลา 8 เดือน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ตัดสินจำคุก 8 เดือน แต่อยู่จริงเพียง 2 เดือนครึ่ง ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและพวก พาคนเสื้อแดงเดินขบวนไปหน้าบ้านพล.อ.เปรม อยู่แค่ 4 ชม.แล้วกลับ ติดคุก 2 ปี 8 เดือน ถามว่าเป็นธรรมไหมครับ? หมอเหวงนั่งรถเข็นติดคุก นายวีระกานต์ถือไม้เท้าเดินเข้าไป นี่แหละคือความเป็นจริงที่เจ็บปวด!

การบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นทหารมาโดยตลอดและคณะ ไม่สามารถนำพาประเทศชาติให้พัฒนาก้าวหน้าทัดเทียมประเทศอื่น ทั้งการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม เกิดปัญหาการทุจริตมากมายที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ

นายสมยศกล่าวต่อไปว่า เป็นความผิดรุ่นพวกผมด้วยนะ ผิดที่ปล่อยให้สังคมนี้อยู่แบบนี้ ปล่อยให้ประยุทธ์เหลิงอยู่ในอำนาจมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ถือว่าพวกเราอ่อนแอในรุ่นของผม หวังว่าจะสำเร็จและได้รับชัยชนะสมความปรารถนาตั้งแต่คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 14 ตุลาคมเพื่อประชาธิปไตย เพื่อตอบสนองต่อเจตนารมย์ของพี่น้องที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 กับพี่น้องคนเสื้อแดงปี 53 เขาเหล่านี้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและต้องการให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงให้ก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม และการตื่นตัวของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนขณะนี้ นี่คือการเปลี่ยนแปลงแล้ว!

ผู้จัดกิจกรรมได้กล่าวจบงานโดยนัดหมายชุมนุมร่วมกับคณะประชาชนปลดแอกในวันอาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 63 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน

ประมวลภาพรวม